Welcome To Charlianz world
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.


Welcome to Charlian Thai fans
 
บ้านLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 The Swordsman of Devil

Go down 
+6
midori
Cipher
O-yohyo
ple-ple
lingu
tabtim
10 posters
ไปที่หน้า : Previous  1 ... 11 ... 18, 19, 20 ... 28 ... 37  Next
ผู้ตั้งข้อความ
Cipher
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 3 กระบี่ไร้เงา
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 3 กระบี่ไร้เงา
Cipher


จำนวนข้อความ : 1273
Registration date : 11/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptyMon Feb 02, 2009 11:30 pm

พี่ทับทิมมลมาขอเก็บตังค์ยี่สิบบาทเป็นค่าส่วยทางรักนะคะ cheers

อี้แต๋มคะ ยี่สิบนี่พอจะไถ่ตัวน้องหลานไหมคะเนี่ย ถ้าไม่พอจะได้ไปรีดไถผู้กินกับ SOD อีก lol!
ขึ้นไปข้างบน Go down
tomtam
ศิษย์ชาเรี่ยนขั้น 2
ศิษย์ชาเรี่ยนขั้น 2
tomtam


จำนวนข้อความ : 167
: 43
Registration date : 14/12/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptyTue Feb 03, 2009 12:19 am

อ๊ากกก แก๊งค์น้องหลานจะมาไถ่ตัวพี่หลงแล้ว ไม่ได้ค่ะ ถ้าจะไถ่ตัวต้องเอามายี่สิบบาทพร้อมตอนที่ 18 เท่านั้น ไม่งั้น อี้แต๋มไม่ปล่อยพี่หลงไปแน่ค่ะ จะไปสอนเล่นบิลเลียดกัน ดูท่าพี่หลงยังเล่นไม่ค่อยเป็นด้วย อี้แต๋มจะเป็นคนสอนเองค่ะ Embarassed ถ้าแก๊งค์น้องหลานมาไถ่ตัวช้า ข้าน้อยไม่รับรองความปลอดภัยพี่หลงนะคะ ฮ่าๆๆ
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://forums2.popcornfor2.com/index.php?showtopic=56077&st=
lingu
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
lingu


จำนวนข้อความ : 6491
Registration date : 12/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptyTue Feb 03, 2009 3:41 pm

เผลอแป๊บเดียว พี่หลงถูกแม่นางอี้แต๋มฉกไปเป็นตัวประกันซะแระ กองเชียร์พี่หลงก็อยากจะช่วยแก้งค์อี้หลานไถ่ตัวพี่หลงหรอกนะคะ แต่ทว่า เห็นข้อแม้ที่แม่นางอี้แต๋มเสนอมาแล้ว ทำเอากองเชียร์พี่หลงตาลุก อยากได้ ตอนที่ 18 ด้วยอ่ะค่ะ ก็เลยต้องอยู่ฝ่ายแม่นางอี้แต๋ม งานนี้คงต้องรอผู้กินกับทับทิมกรอบร่วมมือด้วยสถานเดียว หวังว่าแม่นางอี้แต๋มจะปราณีพี่หลง อย่าทำอะไรไม่งามกับพี่หลงนะก๊ะ สอนบิหลงก็สอนไป แต่อย่าบี้หลงเด้อ อะคึๆๆ geek
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=linguniang&group=3]Chil
tabtim
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
tabtim


จำนวนข้อความ : 868
Registration date : 12/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptyTue Feb 03, 2009 7:38 pm

พอเปิดไฟเขียวให้เท่านั้น พี่หลงก็โดนแม่นางอี้แต๋มฉกไปเล่นบิหลงด้วยกันซะแล้ว ยังไงแม่นางก็ถนอมพี่หลงหน่อยนะคะ เดี๋ยวพี่หลงจะเหนื่อยไม่มีแรงไปสู้กับพี่ลี่หู เพราะถ้าแพ้ขึ้นมาน้องหลานหลุดมือไป แกงค์น้องหลานต้องไม่ยอมแน่ๆเลยอ่ะ ตอนนี้ผู้กินกับมีแค่ 20 บาท ส่วนตอนที่ 18 ที่ต้องเอามาเป็นค่าไถ่ตัวพี่หลงก็ยังไม่มี เอางี้..เผื่อพี่หลงจะเล่นบิหลงจนหมดแรง ผู้กินกับจะส่งน้องเซียงไปตัดกำลังพี่ลี่หูให้ล่ะกัน เวลามาสู้กันจะได้สูสีเนอะ..อิอิ

เอ่อ....คำว่า บี้หลง มันเข้าข่ายให้จิ้นไปจนถึงเรท 25 up รึเปล่าคะ ผู้กินกับ ไม่เข้าจายยย
ขึ้นไปข้างบน Go down
O-yohyo
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
O-yohyo


จำนวนข้อความ : 6683
Registration date : 12/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptyThu Feb 05, 2009 6:56 am

The Swordsman of Devil - Page 19 Cartoon157 ก๊อก ก๊อก ก๊อก . . แม่นางอี้หลินคะ จากที่ตามอ่านน่ะ

แม่นางอี้แต๋มเค้าใช้คำว่า "บิหลง"นะเจ้าคะ

มิใช่ "บี้หลง" อย่างที่แม่นางอี้หลินเข้าใจ

คำว่าบี้หลงหมายความว่าอย่างไร คงต้องรบกวนแม่นางอี้หลินมาไขข้อข้องใจให้แม่นางทับทิมแล้วล่ะ


The Swordsman of Devil - Page 19 Ns011


เอ๋ . . หรือว่าเป็นมุขของแม่นางหลินกันน้อ lol!



มลมีตังค์ไถ่ตัวพี่หลงแค่ 20 เหรอ แย่แว้ว ไม่รู้ป่านนี้

แม่นางอี้แต๋มจะกอดฟัดพี่หลงจนช้ำไปแค่ไหน

ช่วงนี้พี่ก็ไม่มีเงิน เพราะเก็บไว้ซื้อของใช้ให้หลานซินเอ๋อ โอ้ . . ม่าย . . พี่หลง
ขึ้นไปข้างบน Go down
lingu
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
lingu


จำนวนข้อความ : 6491
Registration date : 12/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptyThu Feb 05, 2009 8:37 am

ตอบแม่นางซูโหยววววว กั่กๆๆ

บิหลง แปลว่า บิลเลี่ยน(คำศัพท์ที่แม่นางอี้แต๋มบอก) พี่หลงเป็นหนุ่มโบราณ ก็เลยเรียก บิหลง ตามแม่นางอี้แต๋มไงคะ

ส่วนคำว่า บี้หลง คำว่า "บี้" แปลว่า กด กอด ทำให้แบน ทำให้แหลก อะไรแบบนี้ค่ะ เพราะงั้นคำว่า "บี้หลง" แปลว่าอะไรเอ่ย ตามที่ผู้กินกับแม่นางทับทิมกรอบเข้าใจ ถูกต้องแล้วค่ะ ถึงได้บอกว่า เป็นห่วงพี่หลง ถูกจับไปเป็นตัวประกันเพื่อเล่นบิหลงกับแม่นางอี้แต๋ม เล่นแค่บิหลงไม่เป็นไร แต่แม่นางอี้แต๋ม อย่า"บี้" หลงก็แล้วกันค่ะ กองเชียร์พี่หลงเป็นห่วงมาก เอิ๊กส์ geek
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=linguniang&group=3]Chil
Cipher
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 3 กระบี่ไร้เงา
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 3 กระบี่ไร้เงา
Cipher


จำนวนข้อความ : 1273
Registration date : 11/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptyThu Feb 05, 2009 8:47 pm

ไง๊นับวันเรทติ้งยิ่งกระฉูดแบบนี้เนี่ย สงสัยต้องเปลี่ยนจากเรทตัวเลขเป็นตัวอักษร พวก xyz อะไรทำนองนี้แล้วมั้งเนี่ย geek



พี่โหยว ก้อตอนที่มลเรียกค่าเสียตัว...เอ่อ...ไม่ใช่สิเนอะ ต้องเรียกว่าสินน้ำใจจากแฟนพี่เฉาก๊วยไป

ตอนนั้นยังไม่รู้นี่คะว่าน้องหลานถูกแม่นางอี้แต๋มจับไปเป็นตัวประกัน ไม่งั้นจะได้เรียกสักหมื่นตำลึงทอง

ซึ่งคาดว่าแฟนพี่เฉาก๊วยคงเต็มใจจ่ายอยู่ดีละคะ ก้อมีแฟนรูปหล่ออย่างนี้ ต้องรีบจัดการรวบหัวรวบหางเร็วๆ

ไม่งั้นอาจโดนหญิงอื่นมาโฉบไปได้ง่ายๆ คะ จริงไหมคะแฟนพี่เฉาก๊วย
ขึ้นไปข้างบน Go down
tabtim
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
tabtim


จำนวนข้อความ : 868
Registration date : 12/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptyThu Feb 05, 2009 9:04 pm

เฮ้อ..เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าการมีแฟนหล่อแล้วต้องกลุ้มใจขนาดนี้ ต้องคอยระวังว่าจะมีใครมาฉกแฟนเราไปรึเปล่า ไม่การล่ะแบบนี้ต้องจัดการรวบหัวรวบหางซะเลย พี่เฉาก๊วยจะได้เป็นของเราแต่เพียงผู้เดียว

น้องมล...ค่าสินน้ำใจ พี่ยอมจ่ายให้สิบหมื่นตำลึงทองคะ แต่ให้ไปตามเก็บจากพี่เฉาก๊วยนะค่ะ เงินพี่เฉาก๊วยก็เหมือนเงินของพี่นั่นล่ะคะ
ขึ้นไปข้างบน Go down
tomtam
ศิษย์ชาเรี่ยนขั้น 2
ศิษย์ชาเรี่ยนขั้น 2
tomtam


จำนวนข้อความ : 167
: 43
Registration date : 14/12/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptyThu Feb 05, 2009 11:06 pm

สัญญาค่ะว่าจะไม่ ทำให้แบน ทำให้แหลก แต่ กก กับ กอดไม่แน่นะ... พี่หลง

เรทได้อีก กับมุขค่าเสียตัว เอ๊ย สินน้ำใจของน้องมล Razz
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://forums2.popcornfor2.com/index.php?showtopic=56077&st=
Cipher
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 3 กระบี่ไร้เงา
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 3 กระบี่ไร้เงา
Cipher


จำนวนข้อความ : 1273
Registration date : 11/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptyFri Feb 06, 2009 9:44 pm

แฟนพี่เฉาก๊วยใจปล้ำจริงๆ เลย มลขอแค่หมื่นตำลึงทอง ให้มาตั้งสิบหมื่นแหนะ ขอบคุณมากคะ

อย่างนี้มลก้อมีทุนทรัพย์ไปไถ่ตัวน้องหลานแล้วสิ ว่าแต่แม่นางอี้แต๋มตกลงไหมเนี่ย Very Happy



เอ่อ...เจ้าจอมแต๋มคะ มลว่ามลไม่เรทแล้วน๊า ไอ้ที่น่าจะเรทนี่จะมาจาก "กก กับ กอดไม่แน่นะ... พี่หลง" ของเจ้าจอมแต๋มมากกว่านะเนี่ย Embarassed
ขึ้นไปข้างบน Go down
tabtim
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
tabtim


จำนวนข้อความ : 868
Registration date : 12/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptySun Feb 08, 2009 10:37 pm

ตอนที่ 18 เรท NC-18 เช็ดน้ำลายตอนอ่านด้วยนะคะ

เวลาเที่ยงคืน สถานที่นัดหมายของเหล่ามือสังหารกับนายใหญ่
“นายท่านเรียกตัวพวกเรามากลางดึก มิทราบว่ามีเรื่องอันใดให้พวกเรารับใช้” หยูเยี่ยนพูดนำในฐานะมือสังหารอันดับสองเมื่อนายใหญ่เดินออกมาจากประตูกลไก โดยมีลู่ฟงและหม่าถงยืนรอรับคำสั่งอยู่ด้านข้าง
“ที่ข้าเรียกพวกเจ้าสามคนมากลางดึกโดยที่ไม่ได้เรียกมังกรเงินกับพยัคฆ์ขาวมาด้วย เพราะเรื่องที่จะให้พวกเจ้าแบ่งหน้าที่กันไปทำนั้นล้วนเกี่ยวข้องกับสองคนนี้ ข้าหวังว่าจะไม่มีพวกเจ้าคนใดคนนึงปากสว่างไปบอกสองคนนั้นให้รู้ตัวเสียก่อน มิเช่นนั้นข้าจะถือว่าพวกเจ้าก็คิดทรยศต่อข้าเช่นกัน” หยูเยี่ยนพอได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกชาไปทั้งตัว พี่ใหญ่ของนางกำลังคิดทรยศงั้นรึ จะเป็นไปได้อย่างไร ถึงจะใช่เหตุใดนายท่านถึงรู้เรื่องได้
“นายท่านหมายความว่าพี่ใหญ่กับน้องสามกำลังคิดทรยศต่อนายท่านหรอคะ นายท่านถึงได้กล่าวเช่นนี้”
“พวกเขาคิดทรยศต่อข้าจริงหรือไม่ มันก็เป็นหน้าที่ของพวกเจ้าที่จะต้องช่วยข้าสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง ตอนนี้ข้าส่งมังกรเงินเข้าไปสืบข่าวในจวนของอำมาตย์ไป๋แต่จนป่านนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ข้าจึงอยากให้เจ้ากับเจ้าห้าเข้าไปในบ้านไป๋ หนึ่งเพื่อจับตาดูมังกรเงินว่าเขายังภักดีต่อข้าหรือไม่ กับสองเพื่อดูความเคลื่อนไหวของคนในบ้านและหาข่าวมารายงานข้าให้รู้ว่าตาแก่ไป๋มันกำลังคิดจะทำอะไรอยู่ ส่วนเรื่องที่จะเข้าไปในบ้านนี้ได้อย่างนั้น ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าสองคนคงจะมีวิธี” นายใหญ่สั่งเสียงเฉียบขาดแววตาดุภายใต้หน้ากากเงิน หยูเยี่ยนกับหม่าถงก้มหน้ารับคำสั่ง
“นายท่านโปรดวางใจ ข้าจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด” หยูเยี่ยนกล่าว
“นายท่านขอรับ หากพวกเราสืบทราบได้ว่าพี่ใหญ่คิดทรยศต่อท่าน นายท่านจะลงโทษพี่ใหญ่อย่างไร”
“เจ้าถามแบบนี้จะทำหน้าที่คาบข่าวไปบอกมังกรเงินรึไง ว่าข้ากำลังคิดสงสัยเขาอยู่” นายใหญ่ถามกลับด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดกับหม่าถง
“หามิได้ขอรับ ข้าเพียงแต่อยากรู้เท่านั้น อย่างน้อยข้าก็จะได้พูดเตือนพี่ใหญ่ไว้ก่อนไม่ให้เขาหลงเดินทางผิด ให้เขาได้มีโอกาสแก้ตัว เพราะอย่างไรเสียด้วยคุณความดีของพี่ใหญ่ที่ภักดีต่อนายท่านมาตลอด ข้าก็เห็นว่าควรจะละโทษให้พี่ใหญ่ได้” หม่าถงคนขี้เล่น วันนี้กลับพูดจามีหลักการออกหน้าแทนจื่อหลงกับนายใหญ่ เขารู้ใจพี่สาวอย่างหยูเยี่ยนดีว่านางก็ต้องการจะพูดแบบนี้ เขาจึงถือโอกาสพูดขึ้นแทน
“บังอาจ เจ้าถือดียังไงกล้ามาสั่งสอนข้า”
“นายท่านโปรดอภัยให้น้องห้าด้วยเถอะค่ะ น้องห้าเพียงแต่จะเรียนต่อนายท่านเท่านั้นว่าพี่ใหญ่ไม่มีวันคิดทรยศได้ค่ะ” หยูเยี่ยนเห็นนายใหญ่ขึ้นเสียงดุก็รีบพูดแก้ต่างให้
“จะทรยศหรือไม่เดี๋ยวก็รู้ ถ้ามังกรเงินคิดไม่ซื่อต่อข้าจริงๆโทษของมันก็มีแต่ตายสถานเดียว แต่ข้าจะเห็นกับที่เขาทำงานรับใช้ข้ามานาน หากมังกรเงินกลับตัวได้ ข้าจะละเว้นโทษตายให้สักครั้ง” หยูเยี่ยนพอได้ฟังคำของนายใหญ่แบบนี้ก็ลอบถอนหายใจ “แต่พวกเจ้าสองคนก็ห้ามปกปิดความจริงกับข้าเด็ดขาด พวกเจ้าก็น่าจะรู้ว่าไม่มีเรื่องใดที่สามารถปิดข้าได้”
“ข้ากับน้องห้าจะทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุดคะ” เมื่อหยูเยี่ยนรับคำ นายใหญ่ก็หันไปทางลู่ฟงที่ยังคงยืนนิ่งรอรับคำสั่ง
“ส่วนเจ้า...งานที่ข้าเพิ่งสั่งให้ไปทำ เจ้าทำได้ดีมาก ยังนับได้ว่าเจ้ายังคงมีความภักดีต่อข้าอยู่ เพราะฉะนั้นความผิดที่เจ้าก่อไว้ข้าจะยกให้ไม่ถือโทษเอาความ” ลู่ฟงสายตานิ่งกล่าวขอบคุณนายใหญ่ที่ไม่ทำโทษเขาที่ทำผิดกฏเหมือนลี่หู
“แต่ข้ายังมีงานใหม่ให้เจ้าทำ และถ้าเจ้าทำให้ข้าพอใจรางวัลที่ข้าเคยบอกกับเจ้าไว้ ข้าก็จะอนุญาตให้เจ้าได้สมหวัง”
“นายท่านหมายความว่า...”
“ใช่...อี้เซียงยังไงหรือว่าเจ้าไม่อยากได้ตัวนางแล้ว คนอย่างข้าเมื่อพูดอะไรออกไปแล้วไม่เคยคืนคำ ถ้าหากเจ้าทำงานชิ้นนี้สำเร็จข้าจะยกอี้เซียงให้เจ้า เจ้าจะทำอะไรกับนางก็ได้” นายใหญ่กล่าวกับลู่ฟงด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ซ้ำยังตรงเข้าไปตบไหล่ชายหนุ่ม “ข้ารู้ว่าเจ้าทั้งรักและก็ทั้งแค้น ข้าจึงว่าเจ้าจะทำงานที่ข้ามอบหมายให้สำเร็จ” นายใหญ่พูดจบก็พาลู่ฟงไปรับคำสั่งอีกทาง ไม่อยากให้ทั้งหยูเยี่ยนและหม่าถงได้ยิน ซึ่งสองคนที่ยืนมองอยู่ก็เห็นได้ถึงสายตาของลู่ฟงที่ซ่อนความแค้นไว้ภายในได้อย่างชัดเจน นายใหญ่สั่งการกับลูฟ่งเรียบร้อยก็กลับมากำชับทั้งสามคนให้ทำงานที่ได้รับความมอบหมายไปให้สำเร็จแล้วจึงเดินกลับเข้าไปในประตูกล พอนายใหญ่ไปแล้วทั้งสามก็เตรียมจะแยกย้ายกันไปทำงาน แต่คนปากไวอย่างหม่าถงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามกับลู่ฟงถึงการตายของหยูม่งว่าเป็นฝีมือของเขารึเปล่า พอลู่ฟงได้ยินหม่าถงถามเช่นนั้นก็ย้อนคำกลับไปอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าบึงตึ้ง
“ทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้าเป็นคนฆ่าหยูม่ง”
“อ้าว ก็ข้าเห็นนางมายุ่งแต่กับพี่สี่คนเดียวนี่ แล้วเมื่อหลายวันก่อนนางก็ยังทำให้ท่านขายหน้ากลางตลาดอีกด้วย ท่านก็คงจะโกรธที่นางยังมาตอแยไม่เลิกก็เลย....” หม่าถงทำท่าเอามือเชือดคอแทนคำพูดต่อมา ลู่ฟงไม่ได้ตอบคำถามหากแต่รอยยิ้มที่มุมปากนั้นได้แสดงคำตอบได้เป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าเขาเป็นคนทำ
“น้องสี่...ข้าไม่เคยเห็นเจ้าลงมือกับผู้หญิงของเจ้าสักคน ทำไมคราวนี้ถึงได้...” อย่าว่าแต่หม่าถงจะสงสัย แม้แต่หยูเยี่ยนก็ยังสงสัย
“ไม่ต้องตื่นเต้นไปพี่รอง กับหยูม่งมันเป็นแค่การซ้อมมือของข้าเท่านั้น ต่อไปยังมีอะไรที่สนุกกว่าให้ท่านกับน้องห้าได้เห็นอีกเยอะ”
“จริงหรอพี่สี่ แบบนี้ข้าชอบ ถ้าอยากให้ข้าไปร่วมวงด้วยเมื่อไหร่ อย่าลืมเรียกใช้ข้าได้เลย” หม่าถงพูดติดตลกตรงข้ามกับนิสัยจริงสมกับที่เป็นมือสังหาร ไร้รัก ไร้คุณธรรม
“ข้าไม่ลืมนึกถึงเจ้าแน่” ลู่ฟงเดินไปทางหยูเยี่ยนเมื่อพูดกับหม่าถงแล้ว “พี่รองก็ดูพี่ใหญ่ไว้ให้ดีนะ อย่าให้เขาคิดกลับใจเป็นคนดี มิเช่นนั้นจะหาว่าน้องคนนี้ไม่เตือน” ลู่ฟงทิ้งคำพูดไว้เท่านั้นก็เดินออกไปก่อน ปล่อยให้หยูเยี่ยนที่เริ่มกังวลกับคำสั่งของนายใหญ่รู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น หรือว่าที่ลู่ฟงพูดจะเป็นความจริง จื่อหลงกำลังคิดจะล้างมือซึ่งนั่นเท่ากับว่าเขากำลังคิดทรยศต่อนาย
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ขึ้นไปข้างบน Go down
tabtim
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
tabtim


จำนวนข้อความ : 868
Registration date : 12/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptySun Feb 08, 2009 10:40 pm

“พี่ลี่หู...ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ” เสียงอี้เซียงบอกลี่หูที่นอนกอดนางอยู่ข้างๆ
“ทำไมล่ะ ตื่นเต้นดีจะตาย แล้วเจ้าก็ชอบไม่ใช่หรอ”
“ถึงข้าจะชอบ แต่พี่ก็ยังไม่หายดีมาออกกำลังแบบนี้ไม่เป็นไรรึไง” อี้เซียงพลิกตัวขึ้นมามองหน้าลี่หูที่ยังนอนอยู่
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าแข็งแรงจะตาย แค่วิ่งไล่จับหิ้งห้อยกับเจ้าแค่นี้สบายมาก” ลี่หูยิ้มตอบแล้วเอามือเกลี่ยผมของอี้เซียงที่หล่นลงมาเคลียไหล่
“แต่การที่พี่พาข้ามาไล่จับหิ้งห้อยกับดูดาวแค่นี้ ทำไมต้องทำตัวเหมือนโจรด้วย พี่เข้าทางประตูดีๆก็ได้” ชายหนุ่มยังคงยิ้มดึงตัวของอี้เซียงให้ลงมาซบอก พร้อมทั้งลูบผมของนางช้าๆ
“ก็ข้าบอกแล้วไงมันตื่นเต้นดี” ลี่หูยังคงพูดเล่นไปเรื่อยๆ หลังจากที่เขาแอบมาหาอี้เซียงกลางดึกถึงห้องนอนของนางด้วยความคิดถึง เขาก็พานางออกมาข้างนอกโดยดับไฟในห้องเพื่อให้เสี่ยวเจาที่ต้องคอยเดินมาดูอี้เซียงทุกครึ่งชั่วยามเชื่อว่าอี้เซียงเข้านอนแล้ว เพราะถ้าเสี่ยวเจายังเห็นไฟในห้องยังสว่างอยู่ เสี่ยวเจาก็จะคอยเดินมาดูจนทำให้เขาที่รอโอกาสอยู่นานไม่ได้เจอหน้าอี้เซียงสักที พอลี่หูพาอี้เซียงปีนออกมาทางหน้าต่างห้องได้สำเร็จโดยที่ไม่มีใครรู้ใครเห็น เขาก็พาอี้เซียงมาดูหิ้งห้อยกับชมดาวยังสถานที่เดิมที่เคยพานางมาเมื่อคราวก่อน อี้เซียงยังคงเหมือนเด็กน้อยพอเห็นหิ้งห้อยนับร้อยที่บินส่องแสงระยิบระยับก็ชอบใจจนอดไม่ได้ที่จะต้องวิ่งไปไล่จับพวกมัน ซึ่งลี่หูก็พลอยนึกสนุกไปด้วยวิ่งไล่จับหิ้งห้อยกับอี้เซียงจนเหนื่อยหอบเพราะอาการบาดเจ็บเพิ่งจะทุเลา จนสุดท้ายทั้งสองคนต้องล้มตัวลงนอนกับพื้นหญ้าแล้วเงยหน้าขึ้นฟ้ามองดูดาวแทน
“พี่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ พี่ทำแบบนี้ข้าไม่ตื่นเต้นด้วยเลย เพราะเกิดข้าคิดว่าพี่เป็นโจรจริงๆจะซัดพี่จนน่วมแน่ๆ”
“เจ้าจะซัดข้าจนน่วมเพราะคิดว่าข้าเป็นโจรปล้นสวาทล่ะสิ”
“ใช่แล้ว ข้าจะซัดให้นอนหยอดข้าวต้มอีกรอบซะเลย” อี้เซียงอมยิ้มน้อยๆบนใบหน้า ลี่หูรู้ว่านางพูดเล่น
“อี้เซียงตอนที่ข้าสลบไสลไม่ได้สติ ข้าได้ยินเสียงของเจ้าคอยพูดว่ารักข้าอยู่ตลอดเวลา เสียงของเจ้าทำให้ข้ากลับมาหาเจ้าได้ ตอนนี้ข้าอยากได้ยินเจ้าพูดว่ารักข้าอีกครั้งได้ไหม” น้ำเสียงของลี่หูบอกอี้เซียง ถึงเข้าจะไม่ได้สติหากแต่ความรู้สึกของเขานั้นยังดีอยู่ เขาถึงได้รู้ว่าในหัวใจของนางนั้นยังคงมีแต่เขาอยู่ตลอดเวลา พออี้เซียงที่ไม่คิดว่าลี่หูจะได้ยินคำบอกรักของนางจริงๆก็หน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกขึ้นมาทันที
“ข้าไม่ได้พูดสักหน่อย คนเกลียดกันจะรักกันได้ยังไง” นางเฉไฉไม่ยอมรับ
“ไม่ได้รักแล้วใครกันที่มานั่งร้องไห้บอกว่าพี่ลี่หูอย่าตายนะ พี่ลี่หูอย่าทิ้งข้าไปนะ คนเกลียดกันเขาพูดกันแบบนี้หรอ นี่ข้าก็บอกรักเจ้าไปแล้ว เจ้าจะไม่บอกรักข้าบ้างเลยรึไง ข้าเสียเปรียบนะ”
“ใครกันแน่ที่เสียเปรียบ ปล่อยข้าได้แล้ว” อี้เซียงยกมือขึ้นจะตีไปที่หน้าอกของลี่หู นางขู่ให้เขาปล่อยนางจากอ้อมกอด ทั้งที่ความจริงนางก็แค่พูดแก้เขิน
“ไม่ปล่อยแต่จะกอดไว้แน่นๆ กอดไว้ทั้งคืนจนกว่าเจ้าจะยอมบอกรักข้า” ลี่หูพูดจบก็รวบร่างบางของอี้เซียงให้อยู่ในท่อนแขนที่แข็งแรงจนนางขยับตัวไม่ได้ “เจ้าเป็นอะไรไป หรือเจ้าคิดว่าที่ข้าพูดว่ารักเจ้าเป็นเรื่องล้อเล่น” ลี่หูเห็นอี้เซียงเงียบไปก็เริ่มคลายอ้อมแขนออกช้าๆ ก้มหน้าไปมองนางที่ยังซบหน้านิ่งบนอกกว้างของเขา “อี้เซียง เจ้าเป็นไรไป หรือเจ้าไม่มั่นใจในความรักที่ข้ามีต่อเจ้า”
“ไม่ใช่นะคะ” อี้เซียงรีบปฏิเสธ


แก้ไขล่าสุดโดย tabtim เมื่อ Mon Feb 09, 2009 8:03 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ขึ้นไปข้างบน Go down
tabtim
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
tabtim


จำนวนข้อความ : 868
Registration date : 12/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptySun Feb 08, 2009 10:41 pm

“แล้วมันเรื่องอะไร หรือเจ้ากำลังคิดว่าพ่อของข้ากำลังขัดขวางเรื่องของพวกเราอยู่ ก็เลยทำให้เจ้าเริ่มไม่มั่นใจในอนาคตของเราสองคน” อี้เซียงได้ยินคำพูดนี้ของลี่หูก็เงียบไป แต่การเงียบไปเช่นนี้ทำให้ลี่หูรู้ว่าเขาเดาถูกว่านางกลัวว่าพ่อจะขัดขวาง เพราะใช่ว่าเขาจะไม่รู้ ช่วงเวลาที่เขาต้องกลับไปรักษาตัวที่บ้านนั้นอี้เซียงก็มั่นไปเยี่ยมเขาตลอด แต่ที่ไม่ได้เจอกันเพราะบิดาของเขาไม่อนุญาต พอลี่หูเริ่มจะเดาสาเหตุได้ เขาจึงค่อยๆอธิบายให้อี้เซียงเข้าใจถึงเหตุผลที่พ่อไม่ยอมให้นางได้ไปเยี่ยมว่าเป็นเพราะพ่อต้องการให้เขาพักผ่อนได้เต็มที่และเตรียมตัวสอบข้อเขียน ไม่อยากให้เขาต้องเสียสมาธิ ซึ่งลี่หูก็พูดเสริมไปอีกว่าเขารักนางมาก แต่เพื่ออนาคตของเขาและนาง ลี่หูจำต้องหักห้ามความคิดถึง ทำตามคำสั่งบิดา
“อี้เซียง ถ้าข้าได้เป็นแม่ทัพ เจ้าก็จะได้เป็นฮูหยินแม่ทัพ ทันทีที่ข้าได้ตำแหน่ง ข้าจะให้ท่านพ่อไปสู่ขอเจ้ากับท่านลุง เราจะแต่งงานกัน แล้วก็มีลูกด้วยกันหลายๆกันดีไหม”
“พี่ลี่หู ถึงพี่ไม่ได้เป็นแม่ทัพ ข้าก็....ข้าก็...”
“เจ้าก็จะยอมแต่งกับข้า มีลูกกับข้าหลายๆคนใช่รึเปล่า” อี้เซียงเม้มปากแน่น คำพูดของลี่หูกำลังทำให้นางเขินถึงที่สุด
“ข้ายังไม่ได้พูดว่าจะแต่งกับพี่สักหน่อย แค่จะบอกว่าถึงพี่ไม่ได้เป็นแม่ทัพ ข้าก็ยัง...รักพี่....ต่างหากเล่า คนบ้า ทำไมต้องให้ข้าพูดแบบนี้ด้วยนะ ข้าเขินจะแย่อยู่แล้ว” อี้เซียงกำลังจะอ้าปากพูดต่อว่าลี่หูที่ทำให้นางเขินจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่ให้ได้ก็พูดอะไรไม่ออก เมื่อลี่หูพลิกร่างของนางไปนอนอยู่เบื้องล่าง ส่วนตัวเขาเองนอนตะแคงอยู่ด้านข้าง สองมือของชายหนุ่มประคองใบหน้าของนางเอาไว้แล้วจึงโน้มหน้าเข้าไปหาเพื่อประทับรอยจุมพิตบนริมฝีปากสีชมพูอ่อนนุ่ม รสจูบที่หวานปานน้ำผึ้งทำให้ใจของอี้เซียงเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมาให้ได้ ลี่หูที่รับรู้ได้ถึงความไร้เดียงสาของอี้เซียงมาก่อนหน้านี้แล้วจึงได้หยุดแสดงความรักต่อนางอย่างหวานชื่น และจึงค่อยๆเลื่อนริมฝีปากออก ทำให้สายตาของเขาได้เห็นใบหน้าที่แดงระเรื่อของอี้เซียงอย่างชัดเจน
“รอบนี้ไม่เป็นลม แสดงว่าเริ่มเก่งขึ้น แต่จะให้ดีข้าคิดว่าคงต้องสอนเจ้าบ่อยๆจะได้เก่งๆ” ลี่หูล้ออี้เซียงที่กำลังเขินจนแทบพูดไม่ออกที่โดนเขาจูบโดยไม่ทันตั้งตัวเป็นรอบที่สอง
“พี่รังแกข้าอีกแล้ว”
“ข้าไม่ได้รังแก แต่ข้ารักเจ้า” ชายหนุ่มพูดจบก็ประกบริมฝีปากร้อนกับริมฝีปากอ่อนนุ่มอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ลี่หูได้ยินเสียงประท้วงอยู่ในลำคอของอี้เซียงเบาๆ แต่ทว่าเขายังคงไม่สน ตั้งใจเชยชมความหอมหวานจากริมปีปากบางของคนรักอย่างไม่รู้อิ่ม
“พี่..พี่ลี่หู...ข้า..ข้ากำลังจะขาดอากาศหายใจ” อี้เซียงที่เกือบจะเป็นเหมือนเทียนที่ถูกหลอมละลายด้วยรสจูบของลี่หูรีบผลักร่างของเขาออก ลมหายใจของนางเริ่มไม่สม่ำเสมอ เมื่อชายหนุ่มเห็นอาการของอี้เซียงแล้วก็ยิ้มในความไร้เดียงสาของนาง แล้วจึงก้มหน้าลงประทับรอยจูบที่หน้าผากของอี้เซียงเบาๆอย่างห้ามใจไม่ได้
“เด็กน้อย แล้วแบบนี้จะเข้าหอกับข้าในคืนแต่งงานได้ยังไง จะมีลูกด้วยกันได้ไหมเนี่ย” ลี่หูพูดจบก็หัวเราะล้มตัวลงนอนด้านข้าง หากแต่ไม่ลืมจะดึงอี้เซียงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
“ทะลึ่ง” ลี่หูได้ยินอี้เซียงต่อว่าแบบนี้ก็หัวเราะลั่นด้วยความชอบใจ แสดงว่านางไม่ใช่เด็กน้อยจนเกินไปนัก อี้เซียงพอเห็นลี่หูหัวเราะก็ยิ่งเขินจนต้องเอามือยกขึ้นมาปิดหน้า ชายหนุ่มรู้ว่าทำให้นางเขินจนไม่กล้ามองหน้าของเขาแล้วก็หยุดพูดแกล้งนาง แต่พูดแหย่นางแทนว่านางเอามือปิดหน้าไว้แบบนี้จะดูดาวได้ยังไง แต่อี้เซียงยังไม่ยอมเอามือออกซ้ำยังตอบกลับว่านางสามารถเห็นดาวบนฟ้าได้ทั้งที่เอามือปิดตาไว้ พออี้เซียงบอกเช่นนั้นก็แยกนิ้วออกแล้วก็ดูดาวบนฟ้าผ่านช่องว่างระหว่างนิ้ว ทำให้ลี่หูอมยิ้มในความคิดของหญิงสาวที่กอดอยู่ นี่ถ้าไม่ติดว่าเขาพานางออกมาจนนานเกินไปแล้วจนต้องรีบพากลับไปส่งบ้าน ลี่หูก็อยากจะนอนกอดนางไว้แบบนี้ทั้งคืน แม้อากาศจะหนาวเย็นเพราะน้ำค้าง แต่ทว่าทั้งสองคนกลับไม่รู้สึกหนาว หากแต่มันยิ่งอบอุ่นจากความรักที่เกิดขึ้นจากหัวใจ
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ขึ้นไปข้างบน Go down
tabtim
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
tabtim


จำนวนข้อความ : 868
Registration date : 12/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptySun Feb 08, 2009 10:42 pm

วันรุ่งขึ้นในยามสาย อาถังบ่าวชายในบ้านไป๋พร้อมเมียของเขาที่ทำงานอยู่ในครัวมาขอลาออกเพื่อจะกลับไปบ้านเกิดเพื่อดูแลพ่อแม่ที่แก่เฒ่ากับอำมาตย์ไป๋และอี้หลาน ถึงแม้อี้หลานจะขอให้เขาลากลับไปแล้วรับแม่มาอยู่ด้วยกันที่นี่ อาถังก็ยังยืนยันคำเดิมที่จะขอลาออก จนสุดท้ายอี้หลานก็ต้องตามใจให้อาถังทำตามที่ใจต้องการ อาถังและเมียรีบออกเดินทางในวันนั้นก่อนเที่ยงเล็กน้อย โดยอี้หลานได้ให้เงินไปจำนวนนึงเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทางและอีกจำนวนนึงสำหรับเอาไว้เป็นทุนประกอบอาชีพที่บ้านเกิด พออาถังและเมียมาลาออกไปอย่างกะทันหันแบบนี้ ทำให้บ้านไป๋ต้องรีบประกาศหาคนมาทำงานแทน และเพียงติดประกาศไม่ถึงชั่วยามก็มีชายหนุ่มร่างท้วมมาพร้อมหญิงสาวหน้าตาดีมาขอสมัครเข้าทำงาน อี้หลานเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นก็ทั้งตกใจและแปลกใจขึ้นมาทันที
“แม่นางหยูเยี่ยน นี่ข้าไม่ได้จำคนผิดไปใช่ไหม” อี้หลานเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองว่านางเอกงิ้วชื่อดังจะมาสมัครเป็นสาวใช้ในบ้านของนางได้
“ใช่คะคุณหนูไป๋ ข้าหยูเยี่ยน ท่านจำคนไม่ผิดแน่ๆ”
“แม่นางทำงานที่คณะงิ้วไม่ใช่หรอคะ แล้วทำไมถึงได้มาสมัครทำงานที่บ้านข้า” อี้หลานยังคงทำหน้าตาอย่างไม่เชื่ออยู่ดี หากจื่อหลงรู้เรื่อง เขาจะว่ายังไงบ้าง
“ข้าเลิกแสดงงิ้วแล้วคะ ข้าเหนื่อยที่พอเลิกแสดงแล้วก็ต้องมาถูกพวกแขกผู้ชายลวนลาม จื่อหลงก็รู้เรื่องนี้เขาเคยบอกให้ข้าลาออกแล้วหางานใหม่ที่ดีกว่าทำ แต่ข้าก็ยังหาไม่ได้จนมาเห็นบ้านของคุณหนูเปิดรับสมัครผู้ช่วยแม่ครัวพอดี ข้าก็เลยลองมาสมัครดู เพราะอย่างน้อยที่นี่ก็มีจื่อหลงทำงานอยู่ด้วย เขาคงสามารถดูแลข้าได้” หยูเยี่ยนตอบอี้หลานให้หายสงสัยด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย หากแต่คำตอบนั้นทำให้อี้หลานหวั่นใจเล็กน้อย นางไม่อยากระแวงจื่อหลง แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าหยูเยี่ยนกับจื่อหลงนั้นเป็นเพื่อนที่สนิทกัน ถ้าต้องมาอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน นางคงจะอดคิดไม่ได้จริงๆ ซึ่งดูเหมือนว่าหยูเยี่ยนจะอ่านใจของอี้หลานออก
“จื่อหลงก็เป็นแบบนี้ล่ะคะ ชอบห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเอง นี่ถ้ารู้ว่าข้ามาสมัครทำงานที่นี่ เขาจะต้องดีใจแน่ๆที่ไม่ต้องคอยห่วงข้าอีกแล้ว”
“แต่ข้าติดรับสมัครผู้ช่วยแม่ครัว ไม่ทราบว่าแม่นางหยูเยี่ยนจะรับหน้าที่ไหวหรือไม่ เพราะถ้าไม่ไหว ข้าก็คงไม่อาจรับแม่นางไว้ได้นะค่ะ หวังว่าแม่นางหยูเยี่ยนคงจะเข้าใจ” อี้หลานยิ้มหวานสายตาเป็นมิตรตอบ หากแต่คำพูดกลับแฝงความนัยเอาไว้ว่านางไม่คิดที่จะรับหยูเยี่ยนให้ทำงานที่นี่ ถึงแม้ว่าหยูเยี่ยนจะเป็นเพื่อนของจื่อหลงก็ตาม
“ข้าทราบดีคะ ถึงข้าจะเป็นนางเอกงิ้วมาก่อน แต่เรื่องงานบ้าน งานครัวไม่เคยขาดตกบกพร่อง ถ้าไม่เชื่อคุณหนูจะสอบถามจากจื่อหลงดูก็ได้คะ ว่าข้าสามารถทำได้รึเปล่า”
“ถ้าไม่ก็ถามข้าก็ได้นะครับคุณหนู ข้ารับประกันได้เลยว่าพี่สาวของข้าคนนี้ทำอาหารอร่อย ทำขนมก็อร่อย ไม่งั้นพี่หยูเยี่ยนคงไม่ขุนข้าจนอ้วนเป็นหมูแบบนี้แน่ๆ” ชายหนุ่มร่างท้วมช่วยพูดเสริม ทำให้อี้หลานเพิ่งนึกได้ว่าหยูเยี่ยนเข้ามาพร้อมชายหนุ่มอีกคนนึงนั้น พอชายหนุ่มคนนั้นพูดแทรกขึ้น อี้หลานถึงได้ถามชื่อแซ่จากชายคนนั้น ซึ่งเขาก็รีบแนะนำตัวเองทันทีว่าชื่อหม่าถงเป็นน้องชายของหยูเยี่ยนจะมาสมัครเป็นคนทำสวนตามที่ประกาศไว้
“ในเมื่อน้องชายของแม่นางหยูเยี่ยนช่วยยืนยันข้าก็จะขอรับไว้พิจารณา แต่ถ้าหากว่ามีคนมาสมัครเพิ่มและมีคุณสมบัติที่ดีกว่า ข้าก็อาจจะพิจารณาคนอื่นแทนแม่นางหยูเยี่ยนนะคะ ส่วนหม่าถงก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่มีใครมาสมัครแล้วข้าถึงจะตัดสินใจรับหม่าถงเข้าทำงานเป็นคนสวน”
“ได้ขอรับคุณหนู ข้ากับพี่สาวจะคอยฟังข่าวดี แต่ข้าหวังว่าจะได้ทำงานที่นี่รับใช้คุณหนูนะขอรับ” หม่าถงประสานมือคำนับให้อี้หลาน
“ถ้ายังไงข้าจะให้คนไปตาม แม่นางหยูเยี่ยนกับน้องชายช่วยเขียนที่อยู่ไว้ให้ข้าแล้วกัน”
“ได้คะ แต่เรื่องที่อยู่คุณหนูสามารถถามจากจื่อหลงก็ได้นะค่ะ หรือจะให้เขาไปส่งข่าวก็ได้ คุณหนูจะได้ไม่ต้องลำบาก” หยูเยี่ยนก้มหน้าลงเขียนที่อยู่ใส่กระดาษที่อี้หลานยื่นให้ สายตาของนางชำเรืองมองอี้หลานเป็นบางครั้งในระหว่างที่เขียนที่อยู่ ทำให้หยูเยี่ยนรู้สึกได้ว่าหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้านั้น ไม่เพียงเป็นสตรีที่มีความงดงาม หากแต่ยังมีจิตใจที่มั่นคง ไม่ว่าหยูเยี่ยนจะพูดอะไรออกไป อี้หลานก็ยังคงเก็บความรู้สึกไว้ได้ทั้งหมด ไม่แสดงออกมาให้เห็นบ้างเลยแม้แต่เพียงนิดเดียว เหมือนกับจื่อหลงมิมีผิดที่ไม่เคยแสดงความรู้สึกใดๆออกมา ทำให้เดาใจเขาได้ยากว่าเขากำลังคิดอย่างไร
ขึ้นไปข้างบน Go down
tabtim
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
tabtim


จำนวนข้อความ : 868
Registration date : 12/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptySun Feb 08, 2009 10:42 pm

“เรียบร้อยแล้วคะ ถ้ายังไงข้าจะรอฟังข่าวดีอยู่ที่บ้านนะคะ” หยูเยี่ยนเขียนที่อยู่เรียบร้อยก็ส่งกระดาษคืนให้อี้หลาน แล้วจึงชวนหม่าถงเดินกลับออกไป ในจังหวะที่ทั้งสองกำลังจะเดินพ้นประตู จื่อหลงก็เดินออกมาพอดี ทำให้เห็นหลังของสองคนนั้นผ่านตา
“มีคนมาสมัครแล้วหรอ” ชายหนุ่มถามสั้นๆ แล้วเลิกคิ้ว “ดูจากรูปร่างช่างเหมือน...”
“เหมือนหยูเยี่ยนใช่ไหมคะ” อี้หลานตอบโดยไม่มองหน้าของจื่อหลง ชายหนุ่มเพียงตอบว่าใช่สั้นๆ “ท่านจำไม่ผิดหรอกคะ แม่นางหยูเยี่ยนมาสมัครงานเป็นผู้ช่วยแม่ครัว ส่วนน้องชายของนางก็มาสมัครเป็นคนสวน” อี้หลานยังเล่ารายละเอียดเพิ่มเติมให้จื่อหลงฟังตามที่หยูเยี่ยนเพิ่งบอกนางเมื่อครู่ถึงเรื่องที่หยูเยี่ยนเลิกแสดงงิ้วและมาสมัครงานที่นี่ พอจื่อหลงฟังจบเท่านั้น ความสงสัยก็เกิดขึ้นมาในใจทันที
“นางบอกเจ้าแบบนั้นหรอ”
“ใช่สิคะ หรือว่าท่านเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง” อี้หลานถามด้วยน้ำเสียงปนความสงสัย
“ไม่มีอะไร ข้าแค่ถามดูเท่านั้น” ชายหนุ่มกอดอกใช้ความคิดสักพักแล้วจึงตัดสินใจเดินกลับเข้าไปด้านใน ส่วนอี้หลานก็เดินตามเข้าไปด้วย เอาไว้มีคนมาสมัครเพิ่มนางถึงค่อยออกมาคัดเลือกด้วยตัวเอง

แต่เวลาก็ผ่านไปจนหมดวันแล้วก็ยังไม่มีใครมาสมัครเพิ่มสักคน จนอำมาตย์ไป๋กลับมาจากทำงานถามกับอี้หลานเรื่องหาคนมาทำงานแทนอาถังกับเมีย ซึ่งคำตอบจากลูกสาวก็คือนอกจากหยูเยี่ยนและหม่าถงสองพี่น้องก็ยังไม่มีใครอีกเลย ทำให้อำมาตย์ไป๋บอกกับลูกสาวไปว่า หากพรุ่งนี้ยังไม่มีคนมาสมัครเพิ่มก็ให้รับหยูเยี่ยนกับหม่าถงทำงานได้เลย ซึ่งใจของอี้หลานนั้นอยากจะรอดูคนอื่นก่อน แต่ในเมื่อพ่อพูดเช่นนี้นางก็ไม่กล้าที่จะขัด บางทีพรุ่งนี้อาจจะมีคนมาเพิ่มมาก็ได้ หญิงสาวคิดในทางที่ดี โดยที่ไม่เคยล่วงรู้สักนิดเลยว่าตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่อาถังและเมียต้องรีบลาออกอย่างกะทันหันจนกระทั่งไม่มีใครกล้ามาสมัครทำงานที่บ้านไป๋นั้น ล้วนเป็นฝีมือของหม่าถงที่เป็นคนจัดการไปข่มขู่อาถังและเมียให้ต้องรีบลาออกจากงาน แล้วยังได้ลู่ฟงมาช่วยขัดขวางไม่ให้กล้าเข้ามาสมัครได้เลยสักคน เพราะถ้าหากใครกล้าไม่กลัวคำขู่ของลู่ฟง ทางเลือกก็มีอยู่อย่างเดียวคือ...ความตาย

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
วันประกาศผลสอบข้อเขียน...ผู้ที่ผ่านคัดเลือกมาสอบข้อเขียนทั้งสามสิบคนมายืนเข้าแถวหน้ากระดาษเรียงหนึ่ง แบ่งเป็นแถวละสิบคน รวมสามแถวเพื่อรอฟังผลการสอบข้อเขียน ใครที่ถูกประกาศชื่อก็หมายความว่าสอบผ่านจะได้เข้าไปด้านในเพื่อแข่งขันต่อในรอบต่อไปทันที ท่ามกลางการลุ้นของผู้ที่เข้าคัดเลือกและบรรดาญาติพี่น้องที่มาลุ้นรอฟังผลหน้ากรมการปกครอง แต่ละชื่อที่ถูกเรียกขานออกไป สร้างทั้งรอยยิ้มและเสียงตบมือด้วยความยินดี หากแต่ผู้ที่ยังไม่ถูกเรียกชื่อก็ยังคงมีสีหน้าหวั่นวิตกอยู่ใช่น้อย ไม่เว้นแม้แต่อี้หลานและอี้เซียงที่ยังคงขอติดตามบิดามายังสนามแข่งขัน เพื่อรอลุ้นผลการคัดเลือก สองพี่น้องยืนจับมือกันแน่นตั้งใจฟังชื่อที่ท่านเจ้ากรมการปกครองเป็นคนประกาศด้วยตัวเอง จนกระทั่งถึงชื่อที่ท่านประกาศเป็นคนที่สิบสามที่ผ่านคัดเลือกเป็นชื่อของจื่อหลง อี้หลานก็ยิ้มจนแก้มแทบปริในขณะเดียวกันก็เหมือนยกภูเขาออกจากอกเมื่อรู้ว่าจื่อหลงผ่านรอบนี้ไปได้
“พี่รอง...พี่จื่อหลงเก่งสุดๆไปเลยคะ ข้าว่าแล้วเชียวพี่เขยคนนี้ต้องไม่ทำให้ข้าผิดหวัง” อี้เซียงเอียงหัวไปล้อพี่สาวใกล้ๆที่มัวแต่ยืนส่งยิ้มให้จื่อหลงที่กำลังเดินเข้าไปด้านใน ทำให้อี้หลานเผลอตอบรับน้องสาวไปสั้นๆยอมรับตามที่อี้เซียงพูด
“นั่นแน่...ยอมรับแล้วว่าพี่จื่อหลงเป็นว่าที่พี่เขยของข้า” อี้เซียงเอียงหัวไปล้อพี่สาวอีกรอบ ทำให้อี้หลานนึกได้จึงรีบทำทีเป็นหยิกแขนอี้เซียงแก้เขิน
“น้องเซียง ไม่ลุ้นให้พี่ลี่หูแล้วหรอจ๊ะ ถึงได้มาล้อพี่อยู่ได้ เดี๋ยวเกิดเขาประกาศชื่อไปแล้ว เจ้าจะไม่ได้ดีใจเหมือนพี่นะจ๊ะ” อี้หลานพูดจบก็ดึงแก้มน้องสาวไปสองที
“ลุ้นสิคะ ข้าก็ตั้งใจฟังอยู่นี่ไง” อี้เซียงกลับมาตั้งใจฟังเหมือนเดิม ยิ่งลุ้นยิ่งบีบคั้นจนนางต้องกัดริมฝีปากเบาๆระงับอาการตื่นเต้น และแล้วเจ้ากรมการปกครองก็ขานชื่อของลี่หูมาเป็นลำดับที่สิบเจ็ด พออี้เซียงได้ยินเท่านั้นก็กระโดดตัวลอยจนคนทั้งหมดต้องหันมาดูนางเป็นจุดเดียว อี้เซียงพอเห็นสายตาทุกคู่ซึ่งไม่เว้นแม้แต่ลี่หูหันมามองนางเท่านั้นก็รีบไปหลบหลังพี่สาวด้วยความอาย
“พี่รอง พี่ลี่หูทำได้แล้ว” นางยืนหลบอยู่หลังพี่สาวแต่ก็ยังแอบพูดออกมาเบาๆด้วยความดีใจ
“จ้า ว่าที่น้องเขยของพี่ก็เก่งใช่เล่นนะเนี่ย” อี้หลานแอบเอาคืนอี้เซียงที่ยังคงไม่รู้เรื่องเอามือปิดปากหัวเราะชอบใจ
ขึ้นไปข้างบน Go down
tabtim
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
tabtim


จำนวนข้อความ : 868
Registration date : 12/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptySun Feb 08, 2009 10:43 pm

ด้านใน...ผู้ที่สอบผ่านข้อเขียนต่างก็มายืนรอกันอยู่เพื่อทดสอบความสามารถในการยิงธนูซึ่งจะมีเป้าที่มีระยะห่างที่แตกต่างกัน โดยเป้าแรกห่างจากจุดที่ผู้เข้าคัดเลือกยืนอยู่สิบหลา เป้าที่สองห่างยี่สิบหลาและเป้าที่สามห่างสามสิบหลา (1 หลา เท่ากับ 0.9144 เมตร) โดยกติกามีอยู่ว่าต้องยิงธนูให้ถูกเป้าที่กำหนดทั้งสามเป้าโดยห้ามพลาดเด็ดขาด ถ้าพลาดเป้าหมายก็หมายความว่าจะตกรอบทันที หลังจากที่เจ้ากรมการปกครองประกาศรายชื่อผู้ที่จะเข้ามาคัดเลือกในรอบนี้เรียบร้อยแล้ว ผู้เข้าคัดเลือกทั้งยี่สิบเอ็ดคนที่สอบผ่านก็มายืนรอทดสอบในด่านนี้ อี้หลานกับอี้เซียงเดินเข้ามานั่งยังที่ที่เตรียมไว้ให้ทางด้านหลังของบิดา โดยทางขวามือนั้นมีขุนพลเจิ้นนั่งอยู่ด้วย สายตาของขุนพลเจิ้นมองลี่หูอย่างเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่ทำให้ผิดหวัง ส่วนทางด้านซ้ายมีเจ้ากรมการปกครองนั่งอยู่กับเจ้ากรมกลาโหมที่จะต้องมาเป็นกรรมการตัดสินในรอบสุดท้าย
เมื่อผู้เข้าคัดเลือกทั้งยี่สิบเอ็ดคนพร้อมแล้ว การทดสอบการยิงธนูก็เริ่มต้นขึ้น ซึ่งเป้าหมายแรกที่ระยะห่างสิบหลานั้นดูเป็นเรื่องที่ไม่ยากเย็นเท่าไหร่สำหรับผู้แข่งขัน แต่เริ่มจะลำบากขึ้นจนเห็นมีคนตกรอบในระยะห่างที่ยี่สิบหลาและสามสิบหลาตามลำดับ บางคนพอรู้ตัวว่าพลาดเท่านั้นก็ทรุดลงกับพื้นเอามือกุมศีรษะด้วยความเสียดาย จนกระทั่งคนขานชื่อเรียกจื่อหลงให้เข้าไปทดสอบ อี้หลานที่นั่งทำใจให้สบายได้อยู่นาน มือไม้ก็เริ่มเย็นเฉียบเอาใจช่วยจื่อหลงเต็มที่ อี้เซียงที่อยู่ใกล้ๆยื่นมือไปจับมือพี่สาวไว้เช่นกัน เพราะอีกเดี๋ยวนางก็จะได้ลุ้นแบบนี้บ้าง จอมยุทธ์หนุ่มจื่อหลงก้าวเท้าออกไปพร้อมคันธนูและลูกศรยืนยังจุดที่กำหนดไว้ จื่อหลงยืนตัวตรงหันข้างทำมุมเก้าสิบองศากับเป้ายิง และจึงขึ้นสายธนูโดยการดึงศอกมาข้างหลังให้ระดับของศอกเป็นเส้นตรงกับแขนข้างที่จับคันธนูและดึงเข้ามาจนมือที่ใช้น้าวสายอยู่ระดับใต้คาง ส่งผ่านแรงดึงจากมือ แขนและข้อศอกมาที่กล้ามเนื้อหลัง พอขึ้นสายธนูได้แล้วจื่อหลงก็เล็งเป้าหมายและจึงยิงลูกธนูออกไป สายตาของจื่อหลงมองดูลูกธนูดอกแรกที่พุ่งฝ่าอากาศปักยังเป้าหมายในตำแหน่งกึ่งกลางพอดี ทำให้เสียงตบมือดังขึ้นเป็นกำลังใจให้ชายหนุ่มพร้อมด้วยเสียงตะโกนของอี้เซียงที่ดังประสานตามขึ้นมา “เย้...พี่จื่อหลงเก่งที่สุดเลย” สาวน้อยชูนิ้วโป้งให้จื่อหลงทั้งสองนิ้ว ในขณะที่อี้หลานก็ตบมือให้ด้วยความดีใจ

จื่อหลงเมื่อยิงธนูที่เป้ายิงระยะสิบหลาผ่านไปได้แล้วเขาก็เดินไปยังตำแหน่งเป้ายิงที่ระยะยี่สิบหลา จอมยุทธ์หนุ่มยังคงมีสีหน้าที่สงบนิ่งและสมาธิที่ดีเยี่ยม ทำให้ลูกธนูดอกที่สองยังคงพุ่งฝ่าอากาศปักลงที่กึ่งกลางของเป้ายิงได้พอดี เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งพร้อมเสียงตะโกนของอี้เซียงที่ลุกขึ้นยืนเอามือป้องปาก “พี่จื่อหลงสุดยอด” พอนางตะโกนเช่นนั้น ทำให้อำมาตย์ไป๋ต้องหันหน้ามามองจนอี้หลานต้องรีบสะกิดให้อี้เซียงนั่งลง พอผ่านเป้ายิงที่สองไปได้จื่อหลงก็เดินไปยังเป้ายิงระยะสามสิบหลาซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีผู้เข้าแข่งขันไม่ผ่านไปหลายคน บางคนยิงพลาดเป้าไปอย่างน่าเสียดายด้วยซ้ำ ทำให้เป้ายิงระยะสามสิบหลาจื่อหลงต้องหลับตาลงเพื่อทำสมาธิอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นมาแล้วทำการขึ้นสายธนู เล็งและยิง....ทุกสรรพสิ่งเงียบสนิทมีเพียงเสียงของลูกธนูที่เพิ่งพุ่งฝ่าอากาศออกไปเท่านั้น อี้หลานกับอี้เซียงที่นั่งลุ้นอยู่แทบจะหยุดหายใจให้ได้ เมื่อลูกธนูเข้าใกล้เป้าหมายเข้าไปทุกที จนกระทั่ง........
“เย้.....พี่จื่อหลงทำสำเร็จแล้ว” เสียงของอี้เซียงตะโกนลั่นพร้อมทั้งลุกขึ้นมากระโดดจนตัวลอย เมื่อนางเห็นลูกธนูดอกที่สามปักลงยังกึ่งกลางเป้ายิงพอดี “พี่รอง พี่จื่อหลงทำได้แล้ว” นางพูดพร้อมทั้งดึงอี้หลานที่กำลังยิ้มไม่ยอมหุบให้ลุกขึ้นมาโบกไม้โบกมือให้จื่อหลงด้วยความดีใจ อำมาตย์ไป๋หันหน้ามามองลูกสาวทั้งสองแล้วท่านก็ได้แต่อมยิ้มและจึงหันหน้ากลับไปตบมือให้จื่อหลงเช่นกัน ชายหนุ่มเมื่อผ่านการทดสอบเรียบร้อยก็ต้องไปลงชื่อและยืนรวมกับคนที่สอบผ่านมาได้ก่อนหน้านี้ เพื่อรอจนกว่าคนที่เหลือจะเข้าทดสอบจนครบ
ขึ้นไปข้างบน Go down
tabtim
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
tabtim


จำนวนข้อความ : 868
Registration date : 12/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptySun Feb 08, 2009 10:43 pm

การทดสอบยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนมาถึงลี่หูที่ต้องออกไปทดสอบบ้าง คราวนี้อี้เซียงเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จากับใคร แม้อี้หลานจะชวนคุยนางก็ยังไม่สน สายตาของอี้เซียงเอาแต่จ้องไปที่ลี่หู แม้เขาจะผ่านเป้ายิงระยะสิบหลาไปได้ อี้เซียงก็ยังนั่งเงียบไม่ลุกขึ้นมาร้องตะโกนดีใจเหมือนตอนที่จื่อหลงทำได้
“น้องเซียง...พี่ลี่หูผ่านเป้ายิงระยะสิบหลาได้แล้วนะจ๊ะ เจ้าไม่ดีใจเลยหรอ” อี้หลานกระซิบข้างหูน้องสาว
“ดีใจคะ แต่ข้าต้องเงียบเสียงไว้ก่อน เดี๋ยวพี่ลี่หูจะเสียสมาธิ” อี้เซียงตอบเบาๆแบบนั้นทำให้อี้หลานยิ้มและส่ายหน้าช้าๆ ในความคิดของน้องสาว สองคนพี่น้องเฝ้าดูลี่หูที่เป้ายิงในระยะยี่สิบหลา ซึ่งเขาก็ยังคงทำได้ดีสมกับที่ได้เป็นจอหงวนบู๊ ทำให้ขุนพลเจิ้นที่นั่งดูผลงานของลูกชายอยู่ยิ้มที่มุมปากด้วยความพอใจ จนมาถึงเป้ายิงสุดท้ายที่ระยะสามสิบหลาซึ่งต้องใช้พละกำลังที่มากพอสมควร ในจังหวะที่ลี่หูกำลังขึ้นสายธนูและถ่ายเทพลังไปที่กล้ามเนื้อหลัง สีหน้าของเขากลับดูไม่สู้ดีเท่าไหร่เมื่อความรู้สึกเจ็บแล่นผ่านไปถึงหน้าอก ทำให้ลี่หูที่ขึ้นสายธนูไปแล้วถึงกลับสะดุดไปชั่วขณะ แต่ทว่าเขาก็ยังกัดฟันน้าวสายธนูเข้าหาตัวให้อยู่ในระดับใต้คางจนได้และจึงเล็งเป้าหมายก่อนจะยิงลูกธนูออกไป พอลูกธนูพุ่งออกไปแล้วลี่หูถึงกลับทรุดลงไปที่พื้นโดยที่ขาอีกข้างนึงยังคงพอพยุงตัวเอาไว้ได้ ขุนพลเจิ้นกับอี้เซียงพอเห็นลี่หูทรุดลงไปแบบนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าร่างกายของเขายังไม่หายเป็นปกติดี พอต้องใช้กำลังในการทดสอบครั้งสุดท้าย อาการบาดเจ็บที่ยังคงไม่หายถึงได้ฟ้องออกมาให้เห็น ลี่หูที่รู้ตัวเองดีไม่กล้าที่จะเงยหน้าไปมองผลงานของตัวเอง เพราะถ้าหากเขาพลาดนั่นก็หมายความว่าโอกาสของเขาที่จะผ่านไปยังรอบต่อไปก็จะหมดสิ้นลง ลี่หูก้มหน้านิ่งรอเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปตรวจสอบเป้ายิงระยะสามสิบหลาที่บัดนี้ลูกธนูที่เขายิงออกไปนั้นได้ปักลงยังเป้าหมายแล้ว ขุนพลเจิ้นลุกขึ้นยืนลุ้นให้ลูกชาย จนวินาทีสุดท้าย เสียงที่รอคอยก็ดังขึ้น
“ผ่าน” เจ้าหน้าที่ขานบอกเมื่อตรวจสอบดูแล้วลูกธนูที่ปักลงยังเส้นขอบของกึ่งกลางเป้าหมาย ซึ่งถ้าไม่หลุดออกไปก็ถือว่าผ่าน ทำให้ลี่หูที่แทบจะสิ้นหวังเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มอย่างดีใจ ส่วนคนอื่นๆที่รอลุ้นอยู่ด้วยก็พากันตบมือให้แสดงความยินดี ขุนพลเจิ้นพอเห็นลูกชายทำสำเร็จก็รีบเดินเข้าไปหา พร้อมทั้งถามลี่หูด้วยความเป็นห่วงถึงอาการบาดเจ็บ ลูกชายตอบบิดาด้วยการส่ายหน้าช้าๆพร้อมรอยยิ้มทำให้ขุนพลเจิ้นดึงลูกชายเข้ามาสวมกอดพร้อมทั้งตบหลังเบาๆเป็นการชื่นชม อี้เซียงพอเห็นลี่หูผ่านเข้ารอบไปได้แทนที่จะตะโกนออกมาดังๆให้หายเครียดก็ยังคงนั่งเงียบเหมือนเดิม
“น้องเซียง..พี่ลี่หูผ่านเข้ารอบแล้วนะจ๊ะ เจ้าไม่ดีใจเลยหรอ” อี้หลานถามน้องสาวเหมือนเดิม คราวนี้อี้เซียงเงยหน้าขึ้นมาสบตาพี่สาว
“พี่รอง ข้า..ข้าดีใจจนน้ำตาจะไหลแล้ว หือ.....” สาวน้อยพอพูดจบก็ร้องไห้ออกมาจริงๆ จนอี้หลานต้องรีบเช็ดน้ำตาให้ไม่ทัน
“โธ่..เด็กน้อยของพี่” อี้หลานยิ้มน้อยๆให้น้องสาวที่กำลังร้องไห้และยิ้มทั้งน้ำตา

หลังจากการทดสอบเสร็จสิ้นลงทำให้มีผู้ผ่านเข้ารอบต่อไปทั้งหมดสิบห้าคน เพื่อเข้าทดสอบในด่านต่อไปทันทีในช่วงบ่าย ซึ่งรอบนี้จะให้ผู้เข้าคัดเลือกทำการต่อสู้กับผู้เข้าคัดเลือกด้วยกันบนหลังม้า โดยจะใช้การจับฉลากในการจับคู่ประลอง ซึ่งผู้ที่ชนะในแต่ละคู่ก็ผ่านไปในรอบสุดท้าย แต่ก่อนที่จะมีการจับฉลากเพื่อจับคู่ประลองนั้น ทุกคนจะได้จับไม้สั้นไม้ยาวกันก่อน เพราะคนที่ผ่านเข้ารอบมาได้มีทั้งสิ้นสิบห้าคน จึงทำให้ต้องมีคนนึงผ่านเข้ารอบสุดท้ายไปได้โดยที่ไม่ต้องทดสอบรอบนี้ แล้วโชคดีก็เป็นของลี่หูเมื่อเขาจับได้ ทำให้ตอนนี้เขาได้นั่งพักผ่อนอย่างสบายใจ
ขึ้นไปข้างบน Go down
tabtim
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
tabtim


จำนวนข้อความ : 868
Registration date : 12/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptySun Feb 08, 2009 10:44 pm

พอให้ผู้เข้าคัดเลือกได้กินข้าวพักผ่อนกันแล้ว ในช่วงบ่ายก็จะมีการทดสอบในด่านต่อไปทันที อี้หลานกับอี้เซียงจึงต้องมานั่งประจำที่เดิม มองดูการแข่งขันที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น กติกาครั้งนี้คือให้ทั้งสองฝ่ายอยู่บนหลังม้าและเลือกใช้อาวุธที่ถนัดแต่ทำจากไม้เพื่อใช้ในการต่อสู้ หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดตกจากหลังม้าก่อน คนที่ยังอยู่บนหลังม้าก็จะเป็นผู้ชนะ ซึ่งคู่ที่หนึ่งต่างใช้ทวนเป็นอาวุธเหมือนกัน ทั้งสองฝ่ายเตรียมพร้อมอยู่บนหลังม้าแล้วในเวลานี้ พอเจ้าหน้าที่ยกธงสีแดงขึ้นการประลองก็จะเริ่มขึ้น โดยผลของคู่แรกนั้นใช้เวลาไม่นานนั้น เพราะผู้ที่ตกจากหลังม้าลงมาก่อนนั้นไม่เชี่ยวชาญในการบังคับม้า จึงทำให้เสียหลักพลาดตกลงมาอย่างง่ายๆ ส่วนคู่ที่สอง คนนึงใช้ดาบ ส่วนอีกคนใช้ทวน แต่ด้วยความคล่องตัวและพละกำลังเหนือกว่าทำให้คนที่ถือดาบสามารถโค่นคนที่ใช้ทวนเป็นอาวุธลงได้ พอคู่ที่สองรู้ผลคู่ต่อไปก็เข้าประลองต่อทันที

จนมาถึงคู่ที่ห้าซึ่งเป็นคู่ของจื่อหลงที่เลือกใช้กระบี่เป็นอาวุธ ส่วนคู่ประลองของเขาเลือกใช้ดาบ พอเจ้าหน้าที่ยกธงแดงขึ้น ทั้งสองก็บังคับม้าตรงเข้าต่อสู้ เสียงอาวุธทั้งสองที่กระทบกันนั้นบ่งบอกได้ถึงวรยุทธ์ของทั้งสองฝ่ายได้เป็นอย่างดี กระบวนท่าที่พลิ้วไหวหากแต่ว่องไวของจื่อหลงจู่โจมฝ่ายตรงข้ามติดต่อกันจนอีกฝ่ายตั้งรับได้ลำบาก หากแต่คู่ต่อสู้ของจื่อหลงนั้นก็แข็งแกร่งอยู่ไม่น้อย เพราะยังคงพอต้านจื่อหลงไว้ได้ จนถึงกระบวนท่าที่เก้าเท่านั้นดาบไม้ก็ถูกกระบี่ของจื่อหลงตวัดขึ้นจนหลุดออกจากมือ จื่อหลงรีบลอยตัวขึ้นใช้ปลายเท้าเตะไปที่หัวไหล่ของฝ่ายตรงข้าม ทำให้คู่ต่อสู้ของจื่อหลงหล่นไปจากหลังม้า การแข่งขันคู่ที่ห้าจึงสิ้นสุดลงโดยที่จื่อหลงเป็นผู้คว้าชัย

จวบจนพระอาทิตย์ตกดินการทดสอบด่านนี้ถึงได้ผู้ชนะทั้งแปดคนไปแข่งรอบสุดท้ายต่อไป ซึ่งจะเป็นการประลองต่อหน้าเหล่าขุนนางต่างๆที่จะมาร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งการคัดเลือกรอบสุดท้ายนั้นถูกกำหนดให้มีขึ้นในวันมะรืน

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
เช้าวันรุ่งขึ้น จื่อหลงออกมาซ้อมกระบี่แต่เช้าที่ลานกว้างเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับร่างกายโดยมีอี้หลานยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง เขาเป็นคนที่ฝึกยุทธ์ท่วงท่าในการร่ายรำกระบี่จึงดูคล่องแคล่วว่องไว กระบวนท่าพลิ้วไหวหากแต่แฝงไว้ด้วยพลังที่แข็งแกร่ง อี้หลานไม่เคยเห็นการใช้กระบี่ของจื่อหลงแบบจริงจังสักครั้ง เพราะที่ผ่านมานั้นแม้ว่านางจะมาดูเขาสอนวรยุทธ์ให้อี้เซียง แต่นั่นมันก็แค่พื้นฐานหาใช่กระบวนท่าที่เขาฝึกซ้อมอยู่ในเวลานี้ พอได้เห็นจื่อหลงใช้กระบี่เป็นอาวุธก็ทำให้อี้หลานนึกถึงสาเหตุการเสียชีวิตของพี่ชายขึ้นมาได้ นางเคยขอให้จื่อหลงช่วยสืบหาคนร้ายแต่นางก็ลืมเลือนไปและจื่อหลงก็คงลืมไปด้วยแล้วเป็นแน่ เพราะเขาก็ไม่เคยพูดถึงอีกเลย
“อี้หลานกำลังคิดอะไรอยู่รึเปล่า เห็นยืนใจลอยเชียว หรือว่ากำลังกังวลการแข่งรอบสุดท้ายอยู่อย่างงั้นหรอ” จื่อหลงหยุดซ้อมกระบี่แล้วเดินเข้ามาถาม ทำให้อี้หลานสะดุ้งเล็กน้อย
“เปล่าคะ ข้าเห็นท่านซ้อมกระบี่เลยทำให้ข้าคิดไปถึงพี่ใหญ่ขึ้นมาเท่านั้น” จื่อหลงเลิกคิ้วสูง “พี่หลง..ท่านยังจำเรื่องที่ข้าเคยขอให้ช่วยได้ไหม”
“จำได้สิ ข้าจะไม่สนใจคำขอร้องของเจ้าได้อย่างไร เพียงแต่ว่าคนก็ตายไปแล้ว ข้าก็ไม่อยากให้เจ้าไปรื้อฟื้นถึงมันอีก เพราะมันคงไม่เป็นผลดีเท่าไหร่ ถ้าลืมได้ข้าก็อยากให้เจ้าลืมมันเสีย อย่าไปนึกถึงมันอีกเลย”
“ข้าลืมไม่ได้หรอกคะ พี่ชายของข้าตายไปทั้งคน ข้าจะต้องให้คนๆนั้นชดใช้ให้ข้าให้ได้” อี้หลานพอพูดถึงคนที่สังหารพี่ชายของนาง น้ำเสียงก็แสดงถึงความโกรธออกมา
“แล้วถ้าข้าขอร้องเจ้าให้ลืมมันไป เจ้าจะทำเพื่อข้าได้ไหม”
“ทำไมท่านต้องให้ข้าลืมคนที่ทำให้พี่ชายของข้าต้องตายด้วยล่ะคะ หรือว่าท่านรู้แล้วว่าใครเป็นฆาตกร” อี้หลานคาดคั้นหาคำตอบจากชายหนุ่มที่ยังคงยืนนิ่ง ไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมา จนอี้หลานต้องถามซ้ำอีกครั้ง
“ข้าไม่รู้ว่าใครเป็นฆาตกร แต่ที่ข้าพูดเพราะไม่อยากให้เจ้าผูกใจเจ็บกับคนๆนั้น ยังไงคุณชายใหญ่ก็จากไปแล้ว เขาคงไม่สบายใจถ้าหากการตายของเขา จะเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวต้องเสียใจ”
“พี่หลง...ข้าแค่อยากให้คนร้ายถูกลงโทษเท่านั้น ถ้าคนร้ายถูกจับได้ข้าจะดีใจมากกว่า” ชายหนุ่มได้ฟังคำของหญิงสาวแล้วสุดท้ายของต้องถอนหายใจ ค่อยๆเอื้อมมือไปกุมหัวไหล่ทั้งสองข้างของอี้หลาน สายตาของเขาก็มองไปที่แววตาคู่นั้นของคนรัก
“ข้าขอร้องเจ้า อย่ารื้อฟื้นหรือสนใจเรื่องนี้อีก เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ขอให้ผ่านเลยไปจะได้ไหม”
“เพราะอะไรล่ะคะ” อี้หลานถามด้วยน้ำเสียงใคร่รู้
“เพราะว่าข้า...”
“จื่อหลง..มาอยู่ที่นี่เอง ข้ามาตามไปกินข้าว” ยังไม่ทันที่จื่อหลงจะได้พูดจนจบครบประโยค หยูเยี่ยนที่เดินเข้ามาถึงก็พูดแทรกขึ้นมาเสยก่อน
“คุณหนูใหญ่ ใต้เท้าให้ข้ามาตามคุณหนูใหญ่ไปรับประทานอาหารเช้าค่ะ” นางหันไปบอกอี้หลาน
“คุณหนูใหญ่เข้าไปก่อนนะ เดี๋ยวข้าขอไปล้างมือก่อนแล้วจะรีบตามเข้าไป” จื่อหลงเห็นอี้หลานยืนรอให้เขาเข้าไปพร้อมกันจึงบอกกับนางไปแบบนั้น ทำให้นางต้องเดินเข้าไปก่อน พออี้หลานไปแล้วจื่อหลงถึงได้มีโอกาสคุยกับหยูเยี่ยนในเรื่องที่เขาอยากรู้และสงสัยมานานหลายวัน
“นายท่านส่งเจ้ากับน้องห้ามาใช่ไหม”
ขึ้นไปข้างบน Go down
tabtim
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
tabtim


จำนวนข้อความ : 868
Registration date : 12/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptySun Feb 08, 2009 10:45 pm

“ใช่...นายท่านส่งข้ากับน้องห้ามาช่วยงานของพี่ใหญ่ เพื่อที่งานที่พี่ใหญ่ได้รับมอบหมายมาจะได้สำเร็จได้เร็วขึ้น”
“แค่เหตุผลนี้เหตุผลเดียวหรือว่ามีอย่างอื่นด้วย” จื่อหลงถามกลับเสียงแข็ง
“ข้าต้องการมาช่วยท่าน มาเตือนท่าน ไม่อยากให้ท่านเดินทางผิดเหมือนน้องสาม เพราะตัวอย่างมันก็มีให้เห็นแล้วว่าเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด ถ้าไม่ได้นายท่านเมตตา พี่ใหญ่คิดหรือว่าน้องสามจะยังมีลมหายใจอยู่ต่อ จนได้มาเข้าประลองพร้อมกับท่านรึไง พี่ใหญ่...มือสังหารอย่างเราจะมีความรักให้ใครไม่ได้ ท่านอย่าลืมสิ ถอยห่างจากมาตอนนี้มันก็ยังไม่สายจนเกินไปนะค่ะ” หยูเยี่ยนจับต้นแขนทั้งสองข้างของจื่อหลงพูดเตือนสติเขา โดยที่นางไม่อาจรู้เลยว่าสิ่งที่นางพูดไปทั้งหมดนั้น มันสายเกินไปเสียแล้ว
“ข้าขอบใจในความหวังดีของเจ้า แต่สิ่งใดก็ตามที่ข้าตัดสินใจไปแล้ว ใครก็จะมาเปลี่ยนแปลงไม่ได้” จื่อหลงจับมือของหยูเยี่ยนออกจากต้นแขนของเขา
“นี่หมายความว่าพี่ใหญ่ไปหลงรักนางจริงๆและกำลังที่จะ...”
“ข้าไม่เคยคิดหักหลังนายท่าน เจ้าจงวางใจ” จื่อหลงพูดสวนขึ้นมา เพราะรู้ว่าหยูเยี่ยนจะพูดอะไรต่อ หญิงสาวปั้นหน้านิ่ง เรียบเฉยเย็นชา
“ท่านคิดแบบนั้นได้ก็ดี แต่อี้หลานไม่ใช่ผู้หญิงที่ท่านสมควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย รีบทำงานของท่านให้สำเร็จแล้วจงรีบถอยออกมา เพราะถ้าท่านยังไม่เชื่อก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
“เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร” จื่อหลงดึงแขนของหยูเยี่ยนไว้เมื่อนางกำลังจะหันหลังเดินหนี
“พี่ใหญ่ไม่จำเป็นต้องโกหกข้าว่าท่านไม่ได้รักนาง เพราะแค่สายตาของท่านในยามที่มองนางข้าก็รู้หมดแล้วว่าท่านคิดยังไงกับนางกันแน่ ก็เหมือนกับที่ท่านก็รู้ว่าข้าคิดยังไงกับท่าน และถ้าหากวันนึงที่ท่านต้องเลือกระหว่างชีวิตของตัวเองกับคนรัก ข้าก็อยากจะบอกท่านเหมือนกันว่าข้าก็จะเลือกทำทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตของคนที่ข้ารักไว้ให้ได้เช่นกัน พี่ใหญ่เป็นคนฉลาด ข้าคิดว่าท่านคงเข้าใจ” หยูเยี่ยนพูดทิ้งท้ายแล้วก็จะเดินหน้าต่อ หากแต่จื่อหลงยังคงรั้งนางไว้
“เจ้าคิดจะทำอะไร” หยูเยี่ยนไม่ตอบ หากแต่ใบหน้าที่เรียบเฉยของนางนั้น ช่างน่าหวั่นใจยิ่งนัก “เจ้าจะเอายังไงกับข้า ก็บอกมา” จื่อหลงถามต่อ คำถามนี้สร้างรอยยิ้มให้ระบายบนใบหน้าของหยูเยี่ยนขึ้นมาได้ และเมื่อนางยอมเอ่ยปากกับจื่อหลงเพียงไม่กี่คำเท่านั้น ทำให้อี้หลานที่ยังคงยืนรอจื่อหลงอยู่ตรงมุมตึก แม้ไม่ได้ยินคำสนทนาของทั้งสองคน หากแต่ภาพที่เห็นอยู่ ณ เบื้องหน้ามันก็ชัดเจน ภาพของจื่อหลงและหยูเยี่ยนที่กำลังสวมกอดกันและกัน

เช้าวันต่อมา...การประลองรอบสุดท้าย ผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งแปดคนมาพร้อมกันที่ลานกว้างหน้ากรมการปกครอง กติกาในวันนี้คือจับสลากแบ่งกลุ่ม กลุ่มละสี่คน โดยจับคู่ประลองกันเองเพื่อหาผู้ชนะของแต่ละกลุ่มเพียงหนึ่งเดียวเพื่อไปประลองในรอบสุดท้าย ซึ่งผู้ที่ชนะก็จะได้เป็นแม่ทัพปราบเหลียวคนใหม่ ลี่หูกับจื่อหลงจับสลากได้อยู่กันคนละข้างทำให้ทั้งสองคนไม่ต้องมาปะทะกัน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสโคจรมาเจอกันเลย เพราะถ้าหากทั้งสองคนเป็นผู้ชนะของกลุ่ม ทั้งลี่หูกับจื่อหลงก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมาต่อสู้กันเอง สำหรับจื่อหลงนั้นเขาพร้อมอยู่แล้ว แต่ลี่หูคงต้องหนักใจเพราะด้วยกำลังที่เพิ่งจะฟื้นคืนมาได้เพียงแปดเก้าส่วนย่อมยากที่จะเอาชนะจื่อหลงได้ แม้จะรู้สภาพของตัวเองดีแต่สองวันมานี้ลี่หูก็ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองกลับมามีร่างกายที่แข็งแรงโดยเร็ว ขอเพียงกายพร้อม ใจพร้อม สติปัญหาย่อมเกิดและสามารถเอาชนะทุกสิ่งได้

เมื่อผู้เข้าคัดเลือกทั้งแปดคนจับสลากแบ่งกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว การประลองก็เริ่มขึ้นทันที โดยมีเวทีใหญ่ตั้งอยู่คนละทิศให้ทั้งสองกลุ่มได้แยกกันประลองเพื่อหาผู้ชนะของแต่ละกลุ่ม ลี่หูไปแข่งทางเวทีทิศเหนือ ส่วนจื่อหลงอยู่ทางเวทีทิศใต้ ทำให้อี้หลานกับอี้เซียงที่มาเป็นกำลังใจให้ทั้งสองหนุ่มต้องแยกกันไปคนละทิศเช่นกัน
“พี่รอง ข้าจะไปเป็นกำลังใจให้พี่ลี่หูทางด้านนู้นก่อนนะค่ะ ถ้าท่านพ่อถามหาข้าพี่ก็ช่วยตอบแทนให้ข้าด้วยนะค่ะ” อี้เซียงบอกพี่สาวที่ยืนอยู่ด้วย ซึ่งตอนนี้คล้ายอี้หลานจะไม่ได้ยินในสิ่งที่น้องสาวบอก
“พี่รอง ได้ยินข้ารึเปล่า” อี้เซียงเอามือป้องปากถามอี้หลานข้างๆหู
“อะไรนะจ๊ะ น้องเซียงพูดกับพี่ว่าไงนะ” อี้หลานสะดุ้งคล้ายเพิ่งตื่นจากภวังค์ อี้เซียงเม้มปากเล็กน้อยแล้วก็บอกพี่สาวใหม่อีกรอบว่านางจะไปดูลี่หูประลองทางด้านนู้น ทำให้อี้หลานพยักหน้าอนุญาตแต่ท่าทางของอี้หลานยังคงดูเหม่อลอยเหมือนมีเรื่องให้ครุ่นคิด
“พี่เป็นอะไรไปรึเปล่าคะ หรือว่าพี่ทะเลาะกับพี่จื่อหลง เพราะข้าสังเกตเห็นตั้งแต่เมื่อวานแล้วเหมือนพี่สองคนจะไม่ค่อยได้คุยกัน หรือว่าพี่จื่อหลงรังแกพี่ พี่บอกข้าได้นะค่ะ ข้าจะช่วยไปจัดการให้เองค่ะ”
“เปล่าหรอกจ๊ะ พี่หลงต้องหมั่นฝึกซ้อมวรยุทธ์ พี่กับเขาเลยคุยกันน้อยลงเท่านั้นเอง” อี้เซียงพยักหน้าหงึกๆ
“อ๋อ...งั้นก็แล้วไป แต่ว่าก็คุยกันเยอะก็ได้นี่ค่ะ ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“แต่พี่ไม่อยากทำให้พี่หลงเสียสมาธิ เหมือนที่เจ้าไม่ยอมพบพี่ลี่หูเพราะไม่อยากให้เขาเสียสมาธิไงจ๊ะ” อี้หลานอธิบายให้น้องสาวฟังที่ยังคงพยักหน้าตอบรับ อี้เซียงเห็นว่าการประลองจะเริ่มแล้วจึงรีบแยกตัวจากพี่สาววิ่งไปยังเวทีทิศเหนือ ส่วนอี้หลานก็เดินไปทางที่บิดานั่งซึ่งอยู่ใกล้กับเวทีที่จื่อหลงต้องขึ้นไปประลองอยู่แล้ว
ขึ้นไปข้างบน Go down
tabtim
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
tabtim


จำนวนข้อความ : 868
Registration date : 12/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptySun Feb 08, 2009 10:45 pm

กติการอบนี้คือการต่อสู้ด้วยมือเปล่า คนที่ชนะคือคนที่สามารถยืดหยัดอยู่ได้บนเวที จื่อหลงได้จับคู่ประลองเป็นคู่แรก คู่ต่อสู้ของเขาร่างกายสูงใหญ่ ถึงแม้จื่อหลงจะเสียเปรียบเรื่องรูปร่าง หากแต่เมื่อยามลงมือความว่องไวของจื่อหลงกลับเหนือกว่า และเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างแลกหมัดกันอย่างดุเดือด จื่อหลงเริ่มจู่โจมด้วยเพลงเตะที่รวดเร็วและว่องไว คู่ต่อสู้ของเขาก็หลบเลี่ยงและตอบโต้กลับบ้างแต่จื่อหลงก็ยังหยิบยืมพลังของฝ่ายตรงข้ามมาเล่นงานกลับ ไปได้ จนกระทั่งหมัดเปลือยของจื่อหลงกระทบไปที่แผ่นอกของชายร่างสูงใหญ่อย่างจังจนทำให้ชายผู้นั้นเซไปด้านหลัง จื่อหลงเห็นเช่นนั้นก็ลอยตัวขึ้นพุ่งร่างเข้าไปหาด้วยลูกเตะที่ตามเข้าไปเป็นชุด แม้ชายผู้นั้นจะพยายามยกมือขึ้นเพื่อปัดป้อง แต่สุดท้ายก็ยังพลาดถูกจื่อหลงเตะไปที่หัวไหล่จนคู่ต่อสู้ถอยหลังจนเกือบจะตกเวที จื่อหลงเห็นชัยชนะรออยู่แล้วจึงไม่ยอมให้โอกาสหลุดลอยไปเมื่อเท้าของเขาสัมผัสพื้น ร่างของเข้าก็แทบประชิดตัวคู่ต่อสู้และหมัดที่ทรงพลังก็กระแทกไปที่ร่างของคู่ต่อสู้ของเขาโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ร่างทั้งร่างของคนที่ถูกจื่อหลงทำร้ายตกจากเวที เสียงตบมือดังกึกก้องเมื่อเจ้าหน้าที่ประกาศว่าจื่อหลงเป็นผู้ชนะ อี้หลานที่นั่งดูอยู่เห็นชายที่รักคว้าชัยก็แย้มยิ้มด้วยความยินดี

ทางเวทีทิศเหนือ..ลี่หูขึ้นมาประลองเป็นคู่ที่สอง คู่ต่อสู้ของเขาเป็นคนร่างเล็กซึ่งดูภายนอกแล้วดูเหมือนลี่หูจะได้เปรียบเรื่องรูปร่างที่แข็งแกร่งกว่า แต่เมื่อตรงเข้าต่อสู้กันฝีมือของเขานั้นนับว่าไม่ธรรมดา ทำให้ลี่หูต้องทุ่มเทพลังออกไปไม่น้อย ทั้งเตะและต่อยกว่าจะรู้ผลก็ทำเอาลี่หูเหงื่อไหลซึมร่าง อี้เซียงที่ยืนลุ้นจนลืมหายใจพอเห็นคู่ประลองของลี่หูตกจากเวทีเท่านั้น นางก็เอามือมาจับแก้มทั้งสองข้างพร้อมรอยยิ้มด้วยความดีใจทันที การประลองของทั้งสองเวทียังคงดำเนินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวของแต่ละกลุ่ม ซึ่งกว่าจะรู้ผลก็เป็นเวลาเกือบเที่ยง เจ้าหน้าที่ทางเวทีทิศเหนือเดินนำผู้ชนะเข้ามาพร้อมเจ้าหน้าที่ที่เดินนำผู้ชนะทางเวทีทิศใต้เข้ามายืนยังเบื้องหน้าของอำมาตย์ไป๋พร้อมทั้งประกาศชื่อ
“เรียนใต้เท้าผู้ชนะของกลุ่มที่หนึ่งคือ....จางจื่อหลงขอรับ” เจ้าหน้าที่ทางเวทีทิศใต้ประกาศชื่อก่อน ตามด้วยเจ้าของชื่อก้าวเท้าออกมาคำนับอำมาตย์ไป๋
“เรียนใต้เท้า ผู้ชนะของกลุ่มที่สองคือ...เจิ้นลี่หูขอรับ” เจ้าหน้าที่ทางเวทีทิศเหนือประกาศรายชื่อตามด้วยเจ้าของชื่อห้าวเท้าออกมาคำนับอำมาตย์ไป๋เช่นกัน
“จางจื่อหลง..เจิ้นลี่หู พวกเจ้าทั้งสองล้วนเป็นผู้ที่มีความสามารถครบถ้วนเหมาะที่จะได้รับตำแหน่งแม่ทัพปราบเหลียวด้วยกันทั้งคู่ แต่ตำแหน่งนี้จะมีได้เพียงคนเดียว ฉะนั้นในวันพรุ่งนี้คือการตัดสินรอบสุดท้าย ข้าขอให้พวกเจ้าทั้งสองจงเข้าประลองเพื่อตัดสินหาผู้ชนะกันอย่างยุติธรรม เพื่อทำหน้าที่ที่สำคัญยิ่ง เพื่อแผ่นดินต้าซ้องของเรา” อำมาตย์ไป๋กล่าวกับชายหนุ่มทั้งสองด้วยเสียงอันดังกังวาน จื่อหลงกับลี่หูก้มหน้าคำนับให้สัญญา

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

“เจ้ามั่นใจแค่ไหนว่าจะชนะ” ขุนพลเจิ้นถามลูกชายทันทีเมื่อกลับมาถึงบ้าน
“ข้ามั่นใจมากครับท่านพ่อว่าข้าจะต้องได้ตำแหน่งแม่ทัพปราบเหลียว จื่อหลงจะต้องพ่ายแพ้ให้กับข้าอย่างแน่นอนครับ”
“แม้อาการบาดเจ็บของเจ้าจะหายดีแล้วแต่กำลังของเจ้าก็ใช่ว่าจะฟื้นคืนกลับมาเหมือนเดิม ลำพังยามปกติเจ้าก็ยังสู้จื่อหลงไม่ได้แล้วนี่นับประสาอะไรในยามนี้ ลี่หู..ถ้าเจ้าไม่มั่นใจข้าว่าเจ้าก็อย่าเสี่ยงเลยดีกว่า เพราะถ้าหากเจ้าเกิดพลาดท่าพ่ายแพ้ให้กับจื่อหลง เจ้าจะไม่อับอายเลยรึไงที่จอหงวนบู๊ของปีนี้ต้องมาแพ้ให้กับจอมยุทธ์ที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า” ขุนพลเจิ้นบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง หากแต่สายตานั้นกลับแฝงความนัยไว้บางอย่าง
“ข้าทราบดีครับว่าด้วยกำลังของข้าคงยากที่จะเอาชนะจื่อหลงได้ แต่ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วงเพราะว่าข้ามีวิธีของข้าอยู่แล้ว ท่านพ่อครับ..ถ้าหากข้าชนะ ข้าอยากจะขออะไรกับท่านพ่อสักอย่างจะได้หรือไม่” ลี่หูเห็นพ่ออารมณ์ดีก็เลยลองพูดขอในสิ่งที่ต้องการดู ขุนพลเจิ้นมีท่าทีนิ่งเงียบไปหากแต่สุดท้ายก็ลูบหนวดสีเทาช้าๆพร้อมทั้งพยักหน้า
“เจ้ามีอะไรจะขอกับข้าก็พูดมาเลย ถ้าข้าให้ได้ย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว”
“ข้าอยากให้ท่านพ่ออนุญาตให้ข้าได้แต่งงานกับอี้เซียงครับ”
“แล้วอี้หลานล่ะ ข้าหมั้นหมายนางไว้ให้เจ้าแล้ว อย่าลืมสิ” ขุนพลเจิ้นทำท่าเหมือนจะไม่เห็นด้วยจนลี่หูหน้าเสีย
“แต่ข้ารักอี้เซียง นอกจากนางแล้วข้าก็ไม่คิดจะแต่งกับใครทั้งนั้น ท่านพ่อ..ยังไงอี้เซียงก็เป็นลูกสาวของอำมาตย์ไป๋เหมือนกันนะครับ ข้าว่ายังไงเรื่องนี้ท่านพ่อก็น่าจะ...น่าจะพออนุโลมกันได้” ผู้อาวุโสพอได้ฟังคำขอลูกชายก็ถอนหายใจ ยื่นมือไปตบไหล่เบาๆ
“ที่เจ้าพูดมามันก็ถูกต้อง ขอเพียงเจ้าได้แต่งกับลูกสาวของอำมาตย์ไป๋ไม่ว่าจะเป็นคนพี่หรือคนน้อง มันก็ไม่ได้ทำให้งานของข้าต้องเสียอยู่แล้ว เอาเถอะ...ในเมื่อมันเป็นความต้องการของเจ้า ข้าก็จะตามใจ ถ้าหากเจ้าสามารถชนะจื่อหลงได้ข้าจะให้เจ้าสมหวัง” ลี่หูพอได้ยินบิดาพูดแบบนี้ก็ยิ้มอย่างดีใจ แต่ก็ยิ้มได้ครู่เดียวเมื่อขุนพลเจิ้นพูดประโยคถัดมา “แต่ถ้าหากเจ้าแพ้ให้กับจื่อหลง เจ้าก็ต้องทำตามคำสั่งของข้าทุกอย่าง ไม่ว่าข้าจะเลือกใครให้เจ้า เจ้าก็ต้องทำตาม เข้าใจไหม”
“เข้าใจครับท่านพ่อ แต่ข้ามั่นใจว่าข้าจะต้องชนะ“
“อย่าดีแต่ปากพูดแต่ต้องทำให้ได้ด้วย การประลองในวันพรุ่งนี้ เจ้าไม่ได้แค่ทำเพื่อข้า ไม่ได้แค่ทำเพื่อตัวเอง แต่เจ้าต้องทำเพื่อคนที่เจ้ารัก จำคำของข้าไว้ให้ดี” ขุนพลเจิ้นเอื้อมมือไปตบไหล่ลูกชายอีกครั้งเบาๆและพูดบอกให้ลี่หูไปพักผ่อน ชายหนุ่มพยักหน้ารับทราบและจึงเดินกลับเข้าไปในห้อง ในสมองของเขากำลังครุ่นคิดถึงแผนการที่วางเอาไว้ พ่อของเขาสั่งสอนถูกแล้ว พรุ่งนี้เขาไม่ได้ทำเพื่อตัวเองอย่างเดียว หากแต่ทุกอย่างที่กำลังจะทำไปนั้นล้วนเพื่อนางในดวงใจ


แก้ไขล่าสุดโดย tabtim เมื่อ Mon Feb 09, 2009 9:51 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ขึ้นไปข้างบน Go down
tabtim
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
tabtim


จำนวนข้อความ : 868
Registration date : 12/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptySun Feb 08, 2009 10:46 pm

เวลายามสอง..อี้เซียงดับไฟในห้องนอนเพื่อหลอกเสี่ยวเจาว่านางหลับไปแล้ว หลังจากนั้นนางก็ปีนออกมาทางหน้าต่างห้อง เดินลัดเลาะไปทางสวนจนกระทั่งถึงประตูทางหลังบ้าน สาวน้อยมองซ้ายขวาพอแน่ใจว่าปลอดคนแล้วจึงค่อยๆเปิดประตูและเดินย่องออกไป พอออกมาได้เท่านั้นอี้เซียงก็รีบเดินกึ่งวิ่งไปที่ผาดูดาวเพื่อไปหาคนที่แอบนัดนางมาพบยามวิกาล แต่พอไปถึงนางกลับไม่เห็นคนๆนั้นอยู่ที่นั่น หรือว่าเขาจะมาไม่ได้เสียแล้ว ในขณะที่อี้เซียงกำลังคิดก็รู้สึกได้ว่ามีคนเดินเข้ามาหานางทางด้านหลัง ทำให้นางต้องรีบหันหน้ากลับไปดู แต่พอเห็นหน้าผู้ที่เดินเข้ามาเท่านั้น ไม่ทันที่นางจะได้พูดอะไร คนที่มาใหม่ก็รีบดึงนางเข้ามากอดโดยที่ไม่ทันให้ได้ตั้งตัว
“ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน คิดถึงที่สุด” คนพูดบอกเบาๆข้างๆหูพร้อมทั้งพรมจูบไปทั่วใบหน้า
“พี่ลี่หู อย่าทำอย่างนี้คะ มันไม่ดี” อี้เซียงผลักร่างชายหนุ่มที่กอดนางไว้แน่น
“ไม่ดียังไงเดี๋ยวเราก็จะได้แต่งงานกันอยู่แล้วนะ ข้าแค่จูบเจ้าให้หายคิดถึงเท่านั้น ไม่เป็นไรหรอกน่า” พอลี่หูพูดจบริมฝีปากอุ่นร้อนของเขาก็ประทับลงบนริมฝีปากบางของอี้เซียง แม้ว่านางจะมีท่าทีขัดขืนในตอนแรก แต่ด้วยรสจูบที่ทั้งนุ่มนวลและอ่อนหวานกลับทำให้สาวน้อยที่ยังไร้เดียงสาต้องคล้อยตามจนกว่าลี่หูจะพอใจ
“พี่รังแกข้าอีกแล้ว ถ้าข้าเกิดหายใจไม่ออกขึ้นมา พี่จะทำยังไง” อี้เซียงแสร้งต่อว่าลี่หูด้วยใบหน้าที่แดงก่ำเมื่อเขาเลื่อนริมฝีปากของตนออก
“ข้าก็จะช่วยผายปอดให้เจ้ายังไงล่ะ”
“คนบ้า..ข้าไม่คุยด้วยแล้ว ยิ่งคุยข้าก็ยิ่งเสียเปรียบ” อี้เซียงผลักลี่หูออก แล้วทำท่าจะเดินหนี ทำให้ลี่หูต้องรีบเข้าไปโอบกอดนางไว้ทางด้านหลังและซบหน้าลงที่หัวไหล่ของหญิงสาว
“อย่าเพิ่งไป กว่าข้าจะได้พบเจ้ามันช่างยากเย็นเหลือเกิน หลายวันมานี้ที่ข้าต้องรักษาตัวอยู่แต่ในบ้าน ใจของข้ามันก็คิดถึงเจ้าจนแทบจะขาดไปเสียให้ได้ พอได้เจอหน้ากัน ข้าก็ต้องเข้าแข่งขันกับคนอื่น มีเวลาได้พูดคุยกับเจ้าจนแทบจะนับคำได้ เจ้ารู้ไหม..ความรู้สึกที่ทรมานแบบนี้ ข้าแทบจะทนต่อไปไม่ไหวอยู่แล้ว” ลี่หูพูดเสียงออดอ้อน พร้อมทั้งแตะริมฝีปากไปที่ซอกคอขาวผ่องจนอี้เซียงสะท้านไปทั้งร่าง
“ข้ารู้ว่าพี่คิดถึงข้า แต่ก็ใช่ว่าข้าจะไม่คิดถึงพี่เลยนี่คะ พี่ลี่หู..พรุ่งนี้พี่ก็จะประลองเป็นวันสุดท้ายแล้ว หลังจากนั้นเราก็จะได้เจอกันทุกวันเหมือนเดิมแล้วนะ ข้าอยากให้พี่ตั้งใจแล้วก็มีสมาธิให้มาก เพราะวันพรุ่งนี้สำคัญมาก” ลี่หูยิ้มและประคองอี้เซียงให้นั่งลงกับพื้นหญ้าด้วยกัน
“ข้ารู้แล้ว แต่ข้าบอกเจ้าตามตรงนะว่าวันพรุ่งนี้ข้าไม่อยากให้คนที่ต้องประลองกับข้าเป็นจื่อหลงเลยแม้แต่น้อย” ลี่หูพูดพลางโน้มร่างของอี้เซียงให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด หญิงสาวเงยหน้าขึ้นไปมองลี่หู ทำให้เห็นสีหน้าของเขาที่เหมือนมีเรื่องให้กลุ้มใจ
“ทำไมล่ะคะ” อี้เซียงถาม ลี่หูเงยหน้ามองดาวบนฟ้าแล้วถอนหายใจ
“ตอนที่ข้าบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่ได้จื่อหลงช่วยแบกข้าไปหาหมอเทวดาให้ช่วยรักษา ป่านนี้ข้าคงจะตายไปแล้ว คงไม่มีแม้โอกาสได้ไปประลองกับเขาในวันพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ อี้เซียง...จอมยุทธ์อย่างเราเมื่อมีคุณก็ต้องทดแทน จื่อหลงเป็นผู้มีพระคุณของข้า แต่พรุ่งนี้ข้ากลับต้องมาสู้กับเขาเพื่อตำแหน่งแม่ทัพนั่น แล้วข้าควรจะทำยังไงดี ตอนนี้ข้าไม่อยากสู้กับจื่อหลง แต่ข้าก็ไม่อยากละทิ้งเจ้า ข้าอยากให้เจ้าได้เป็นฮูหยินแม่ทัพ อี้เซียง..ที่ข้านัดเจ้ามาวันนี้ก็เพื่ออยากให้เจ้าช่วยข้าตัดสินใจ ข้าไม่อยากทำให้เจ้าต้องผิดหวัง แต่ก็ไม่อยากให้ตัวเองต้องกลายเป็นคนที่เนรคุณ” น้ำเสียงของลี่หูบ่งบอกถึงความทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส อี้เซียงได้ฟังน้ำเสียงและเห็นสีหน้าของชายที่ตนเองรักก็พลอยรู้สึกไม่สบายใจไปด้วย สองแขนน้อยๆของอี้เซียงค่อยๆโอบร่างของลี่หูเอาไว้เพื่อให้กำลังใจ
“ข้าน่าจะบอกเรื่องที่พี่จื่อหลงช่วยพาพี่ไปหาหมอหลังจากการประลองผ่านพ้นไปแล้วดีกว่า พี่จะได้ไม่ต้องทุกข์ใจแบบนี้ ข้าขอโทษนะคะ”
“มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก เจ้าทำถูกแล้ว จื่อหลงมีบุญคุณต่อข้าให้ข้ารู้ไว้ก็ย่อมถูกต้อง ถ้ายังไงการประลองวันพรุ่งนี้ข้าจะสละสิทธิ์ดีไหม เพื่อที่ข้าจะได้ไม่ต้องไปสู้กับจื่อหลง ให้ข้าไม่ต้องถูกมองว่าเป็นคนที่ไม่รู้คุณคน” ลี่หูทำน้ำเสียงหนักใจอย่างมาก พร้อมทั้งถอนหายใจออกมายาวๆ
“พี่ลี่หู...ไม่ว่าพี่จะได้ตำแหน่งแม่ทัพหรือไม่ ข้าไม่เคยใส่ใจเลยแม้แต่น้อย ที่ข้าต้องการคือได้ใช้ชีวิตอยู่กับพี่ สร้างครอบครัวเล็กๆด้วยกันเท่านี้ข้าก็พอใจแล้ว แต่การที่พี่เลือกตอบแทนบุณคุณของพี่จื่อหลงแบบนี้มันดีแล้วหรอค่ะ พี่คิดหรือว่าพี่จื่อหลงจะยอมรับน้ำใจของพี่แบบนี้หรอ แล้วที่พี่กับพี่จื่อหลงต้องมาสู้กันมันก็เป็นเพียงการแข่งขัน ใช่ว่าเป็นการต่อสู้เพื่อเข่นฆ่ากันให้ตายไปข้างนึงสักหน่อย ข้าไม่อยากให้พี่เอาเรื่องนี้มาเป็นต้นเหตุให้พี่ต้องคิดมากจนมาบั่นทอนกำลังใจของตัวเอง พี่ลี่หู..โอกาสที่พี่จะได้ตอบแทนพี่จื่อหลงยังมีอีกมากมากนัก ใช่ว่าจะมีแค่วันพรุ่งนี้วันเดียวนะคะ “
“เจ้าหมายความว่าจะให้ข้าสู้กับจื่อหลงให้รู้ผลแพ้ชนะอย่างงั้นหรอ” อี้เซียงยิ้มน้อยๆเงยหน้าขึ้นมาซบตากับลี่หู
“ข้าเพียงบอกให้พี่ทำอย่างเต็มที่เท่านั้นค่ะ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรนั้น ข้ายอมรับได้”
“แต่ข้าก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี ข้ายังรู้สึกว่าข้าต้องไปต่อสู้กับผู้มีพระคุณ ข้า..ข้าคงทำไม่ได้ ข้าคงต้องทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว” ลี่หูเบือนหน้าหนีแล้วถอนหายใจออกมาอีกครั้ง อี้เซียงค่อยๆเอื้อมมือไปจับหน้าของลี่หูให้หันมามองที่นาง
“พี่ลี่หู งั้นให้ข้าแบกรับบุญคุณของพี่จื่อหลงไว้แทนพี่ก็ได้ แต่พี่อย่าคิดแบบนั้นอีกเลยนะค่ะ ข้าไม่อยากเห็นพี่ไม่สบายใจ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมมือของอี้เซียงที่ประคองหน้าของเขาไว้
ขึ้นไปข้างบน Go down
tabtim
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
tabtim


จำนวนข้อความ : 868
Registration date : 12/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptySun Feb 08, 2009 10:46 pm

“เจ้าจะแบกรับแทนข้ายังไง”
“พี่ก็ต้องคิดเสมอว่าข้าเป็นคนขอร้องพี่จื่อหลงให้ช่วยพี่ เพราะงั้นคนที่ติดหนี้บุญคุณของพี่จื่อหลงก็คือข้า ไม่ใช่พี่สักหน่อย ทีนี้พี่ก็ไม่ต้องรู้สึกว่าพี่ไปสู้กับผู้มีพระคุณแล้วยังไงค่ะ” ลี่หูได้ยินคำบอกเล่าของอี้เซียงเสียงใสก็ส่ายหน้าช้าๆ
“เด็กน้อย ความคิดของเจ้าช่างไร้เดียงสานัก ข้าจะคิดแบบนั้นได้อย่างไร” ลี่หูกอดอี้เซียงไว้แนบอก
“ข้ารู้ว่าความคิดของข้ามันไม่เอาไหน แต่ข้าก็อยากทำให้พี่สบายใจนี่ค่ะ”
“ข้าสบายใจแล้ว พอใจรึยัง” ลี่หูคลายอ้อมกอดจากอี้เซียงและมองหน้าของหญิงสาว “เพื่อเจ้าแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะทำให้ดีที่สุด จะไม่เอาเรื่องบุญคุณของจื่อหลงมาคิดให้ปวดหัว เจ้าพูดถูกต้อง โอกาสที่ข้าจะได้ตอบแทนเขายังมีอีกมาก ใยข้าต้องรีบร้อนด้วย” อี้เซียงเห็นลี่หูยิ้มได้ นางก็ยิ้มได้ ชายหนุ่มพูดเสียงอ้อนกับอี้เซียงว่าที่เขาต้องเข้าประลองมาหลายรอบทำให้รู้สึกปวดเมื่อยไปหมดอยากให้นางช่วยบีบนวดให้ อี้เซียงพอได้ยินคำขอเช่นนั้นก็ไม่รอช้ารีบไปนั่งข้างหลังบีบหัวไหล่ให้ลี่หู จนเขาครางออกมาเบาๆอย่างสบายตัว
“อี้เซียง ข้านึกขึ้นมาได้อีกอย่าง คือข้ามียาบำรุงอย่างดีทำให้ข้ารู้สึกกระปรี่กระเปร่า ร่างกายแข็งแรงขึ้นมาก แล้วถ้าข้าเอายาบำรุงขวดนี้ไปให้จื่อหลงได้บำรุงร่างกาย เจ้าว่าจะดีไหม” อี้เซียงยื่นหน้ามามองขวดยาเล็กๆที่ลี่หูเอาออกมาจากอกเสื้อและถือไว้ในมือ
“คือข้าว่าจื่อหลงก็คงเหมือนข้าที่ต้องประลองหลายรอบจนรู้สึกเหนื่อย แต่ข้าดีกว่าเขาตรงที่ข้ามีว่าที่ภรรยาที่น่ารักมาคอยบีบนวดให้ แล้วข้าก็ยังมียาดีอีกด้วย ถึงทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ไหนๆจื่อหลงก็เป็นผู้มีพระคุณของข้า ข้าก็ควรจะแบ่งยาดีๆแบบนี้ไปให้เขาบ้าง ที่รัก..ความคิดของข้าแบบนี้ดีรึเปล่าจ๊ะ” ลี่หูเอี่ยวตัวไปข้างหลังเพื่อโน้มตัวของอี้เซียงเข้ามาหาพร้อมทั้งส่งขวดยาที่อยู่ในมือให้อี้เซียงถือไว้
“พี่จะให้ข้าเอาไปให้พี่จื่อหลงหรอค่ะ”
“ฉลาดมากจ๊ะ ยาดีแบบนี้ข้าจะเก็บไว้กินคนเดียวได้ยังไง” ลี่หูยังพูดเสริมต่อไปอีกว่าที่เขาไม่สามารถเอายาไปให้จื่อหลงได้ด้วยตัวเองเพราะเกรงว่าจื่อหลงจะเข้าใจเจตนาของเขาผิด คิดว่าเขาจะคิดร้าย ซึ่งอี้เซียงพอได้ฟังก็บอกกับเขาไปว่านางเชื่อใจลี่หู และในเมื่อลี่หูไม่สะดวกเอาไปให้ด้วยตัวเอง นางก็ยินดีจะทำหน้าที่แทน ขอให้เขาสบายใจได้
“ยาบำรุงที่อยู่ในขวดเป็นผงสีขาว เวลาที่ข้ากินจะผสมในน้ำชาก่อนแล้วถึงค่อยดื่ม ถ้ายังไงตอนที่เจ้าเอาไปให้จื่อหลงเจ้าก็ผสมในน้ำชาอุ่นๆเหมือนที่ข้ากินก็ได้ อ๋อ..แล้วอย่าลืมนะว่าต้องให้เขาดื่มตอนเช้า ร่างกายจะได้สดชื่น” ชายหนุ่มอธิบายถึงวิธีการใช้ยาให้กับอี้เซียง ซึ่งนางก็ยังคงรับปากว่าจะทำตามนั้น ทำให้ลี่หูบอกกับอี้เซียงว่าเขาเริ่มรู้สึกสบายใจขึ้นมากแล้ว เพราะอย่างน้อยตอนนี้เขาก็สามารถทดแทนบุญคุณของจื่อหลงได้ส่วนหนึ่ง
“พี่ลี่หูไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ก่อนออกจากบ้าน ข้าจะเอายาผสมกับน้ำชาให้พี่จื่อหลงดื่มค่ะ แต่พี่ก็อย่าลืมดื่มด้วยนะค่ะ ร่างกายจะได้สดชื่น”
“ข้ารู้แล้ว แต่เจ้าแค่เอายาให้จื่อหลงเท่านั้นนะ ห้ามไปบีบนวดให้ด้วย ข้าไม่ยอมเด็ดขาด”
“ทำไมล่ะ ลูกศิษย์บีบนวดให้อาจารย์ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย” อี้เซียงทำเป็นถามหน้าตาซื่อ
“เป็นสิ มีสามีคนไหนยอมให้ภรรยาของตัวเองไปบีบนวดให้คนอื่นกันบ้างเล่า ถึงจะเป็นศิษย์อาจารย์กัน แต่ข้าก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนจะได้ไม่รู้สึกหึงหวง”
“อี้..คนขี้ตู่ ข้ากับพี่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย พูดออกมาได้ไม่อายปาก”
“ถึงตอนนี้ยังไม่เป็น แต่อีกเดี๋ยวก็จะเป็นแล้ว เจ้าคิดรึว่าจะหนีข้ารอด” คำพูดของลี่หูพร้อมด้วยหน้าตาที่เหมือนเสือที่กำลังจ้องจะกินเหยื่อ ทำให้อี้เซียงหน้าร้อนผ่าวขึ้นมากะทันหันรีบเอามือมาทุบอกของเขาเป็นการใหญ่ จนสุดท้ายลี่หูก็ต้องเปล่งเสียงหัวเราะชอบใจที่สามารถแกล้งคนรักให้ทั้งกลัวและเขินอายได้ในเวลาเดียวกัน
“ข้าล้อเจ้าเล่น ข้าไม่ชวนเจ้าเข้าหอตอนนี้หรอกน่า” ลี่หูก้มหน้าไปบอกอี้เซียงพร้อมทั้งหัวเราะออกมาดังๆอีกครั้ง ยิ่งทำให้อี้เซียงรีบยกมือขึ้นมาปิดหน้าที่กำลังใกล้จะระเบิดออกมาด้วยความอาย

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

เช้าวันรุ่งขึ้น...จื่อหลงและลี่หูยืนอยู่ที่ลานกว้างหน้ากรมการประลอง เบื้องหน้าของคนทั้งคู่มีเจ้ากรมกลาโหมทำหน้าที่เป็นกรรมการตัดสินและอำมาตย์ไป๋ที่ทำหน้าที่เป็นประธาน ส่วนทางด้านซ้ายและขวาล้วนเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่มาร่วมรับชมและเป็นสักขีพยานในการประลองรอบสุดท้าย อี้หลานกับอี้เซียงที่ตามบิดามาด้วยนั่งอยู่แถวหลังสุดแต่ก็ยังมองเห็นได้อย่างถนัด
“จางจื่อหลง..เจิ้นลี่หู การประลองในวันนี้จะให้พวกเจ้าใช้อาวุธที่ถนัดในการต่อสู้และจะสิ้นสุดลงเมื่อมีคนใดคนหนึ่งเท้าอยู่นอกเส้นกรอบสีแดง คนที่เหลือก็จะเป็นผู้ชนะได้ตำแหน่งแม่ทัพปราบเหลียวคนใหม่ แต่พวกเจ้าจงจำเอาไว้ว่าอาวุธไม่มีตาอาจมีการพลาดพลั้ง ข้าจึงหวังว่าพวกเจ้าทั้งสองคนจะไม่ถือโทษโกรธเคืองต่อกัน ขอให้ต่อสู้กันอย่างยุติธรรม” เจ้ากรมกลาโหมกล่าวด้วยเสียงดังฟังชัดต่อชายหนุ่มทั้งสอง จื่อหลงกับลี่หูประสานมือคำนับรับทราบ ท่านเจ้ากรมจึงมีคำสั่งให้การประลองเริ่มขึ้นได้
ขึ้นไปข้างบน Go down
tabtim
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
tabtim


จำนวนข้อความ : 868
Registration date : 12/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptySun Feb 08, 2009 10:47 pm

แสงแดดยามสายให้ความอบอุ่น หากแต่ชายหนุ่มทั้งสองคนที่ยืนอยู่คนละมุมของลานกว้างที่บัดนี้ถูกตีกรอบด้วยเส้นสีแดงขนาดสีเหนี่ยมผืนผ้ากว้างสิบสองหลาและยาวสิบสองหลาต่างมีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นบนใบหน้า ในมือของทั้งสองต่างถือกระบี่ที่บางเฉียบเป็นอาวุธคู่กาย สายตาดุจพญาอินทรีของจื่อหลงจ้องมองคู่ต่อสู้ มือพลันตวัดกระบี่ขึ้นชี้ฟ้าไปทางด้านข้าง สายตาของลี่หูมองตอบ แสงสว่างวาบของกระบี่ยามที่ต้องแสงอาทิตย์ตวัดลงไปทางด้านหลังพร้อมพุ่งตัวเข้ามาหาจื่อหลงที่ยังคงยืนสงบนิ่งรอรับมือ เมื่อลี่หูเข้ามาใกล้แล้วจื่อหลงจึงได้พุ่งตัวเข้าไปหาและตวัดปลายกระบี่เข้าต้านรับ เสียงกระบี่ที่กระทบกันดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว แสงสว่างจากแสงสะท้อนของกระบี่กับดวงอาทิตย์ทำให้ผู้ที่ชมการประลองต้องหรี่ตาลงเพื่อหลบแสง แต่ผู้ที่ประลองกลับตรงเข้าต่อสู้เพื่อให้รู้ผล ลี่หูเริ่มยิ้มที่มุมปากด้วยความลำพองใจเพราะเขาเชื่อมั่นว่าจื่อหลงจะต้องอ่อนแรงลงในไม่ช้า จึงเร่งลงมือจู่โจมจื่อหลงหนักมือขึ้น ในตอนแรกจื่อหลงใช้กำลังไปเพียงแปดส่วนเท่านั้นเพื่อออมมือให้ลี่หูที่กำลังยังไม่ฟื้นเป็นปกติ ถึงจะเหมือนเป็นการดูถูกลี่หูอยู่ไม่น้อย แต่ด้วยสำนึกของความเป็นพี่ จื่อหลงก็ไม่อาจเอาเปรียบลี่หูได้ แต่ในเมื่อลี่หูเร่งเร้าจู่โจมจื่อหลงมากขึ้นด้วยกระบวนท่าที่หมายเอาชีวิต ทำให้จื่อหลงต้องเปลี่ยนความคิดทุ่มเทพลังทั้งหมดโต้ตอบลี่หูบ้าง

จื่อหลงยกกระบี่ขึ้นต้านกระบี่ของลี่หูจนเสียงปะทะดังสนั่น ร่างทั้งสองถอยห่างจากกันเพื่อไปตั้งหลัก ลี่หูเห็นจื่อหลงที่ยังไม่มีทีท่าที่จะอ่อนแรงเริ่มหวั่นใจ หรือว่าสิ่งที่คิดเอาไว้จะไม่เป็นตามนั้น จื่อหลงเห็นลี่หูยังไม่จู่โจมเข้ามาจึงคิดเป็นฝ่ายบุกบ้าง เขาตรงเข้าไปหาลี่หูที่ยังคงยืนนิ่ง แต่เมื่อจื่อหลงเข้ามาใกล้แล้ลี่หูก็ยกกระบี่ขึ้นต้านรับแต่พลังของจื่อหลงที่ส่งผ่านไปที่กระบี่คราวนี้ล้วนมีอนุภาพยิ่งนักจนลี่หูต้องย่อตัวลงเพื่อต้านทานแรงที่ปะทะเข้ามาและส่งผ่านพลังไปที่ปลายกระบี่ของตนผลักจื่อหลงออกให้พ้นห่าง ตอนนี้ลี่หูเริ่มรู้แล้วว่าสิ่งที่คาดคิดไว้นั้นคงล้มเหลว เขาจึงทุ่มเทพลังทั้งหมดที่มีอยู่เพียงแปดส่วนตรงเข้าต่อสู้กับจื่อหลงให้รู้ผล ลี่หูเริ่มตวัดปลายกระบี่เข้าใส่จื่อหลงหนักหน่วงมากขึ้น ไม่ปล่อยให้จื่อหลงได้มีโอกาสตอบโต้ แต่ยิ่งลงมือหนักตัวลี่หูเองกลับยิ่งเหนื่อยหอบจนเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นเต็มหน้า แต่เขาก็ยังกัดฟันตวัดปลายกระบี่เข้าใส่จื่อหลงจนต้องล่าถอยออกไป พอลี่หูเห็นว่าเขารุกจนจื่อหลงยืนอยู่ห่างจากเส้นขอบสีแดงเพียงสิบก้าวเท่านั้นก็เริ่มได้ใจหวังเผด็จศึกในกระบวนท่านี้ เมื่อกระบี่ของลี่หูหมุนเป็นเกลียวเข้ามาหาจื่อหลงเพื่อหวังไล่ต้อนให้จื่อหลงจนมุม แต่ทว่าจอมยุทธ์หนุ่มกลับตวัดปลายกระบี่ลงต้านเพลงกระบี่ของลี่หูเอาไว้ได้ เมื่อไม่ได้เป็นอย่างที่ใจคิดลี่หูจึงซัดฝ่ามือใส่แต่จื่อหลงก็ยกฝ่ามือขึ้นมาต้านรับ แรงปะทะกันครี้ทำให้ลี่หูเซไปข้างหลังสามก้าวในขณะที่จื่อหลงไม่ขยับตัวแม้แต่เพียงก้าวเดียว
ขึ้นไปข้างบน Go down
tabtim
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
tabtim


จำนวนข้อความ : 868
Registration date : 12/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptySun Feb 08, 2009 10:47 pm

จื่อหลงเมื่อตั้งรับลี่หูอยู่หลายกระบวนก็เป็นฝ่ายเริ่มบุกบ้าง จอมยุทธ์หนุ่มลอยตัวหมุนเป็นเกลียวกลางอากาศพุ่งปลายกระบี่เข้าใส่ลี่หูที่กำลังหันปลายกระบี่ตรงเข้ามาหา ปลายกระบี่ของทั้งสองจรดกันกลางอากาศแต่ด้วยอนุภาพของพลังที่จื่อหลงถ่ายทอดมาที่กระบี่นั้นมีพลังเกินกว่าที่ลี่หูจะต้านทานไว้ได้ ทำให้ร่างของเขาถูกแรงที่จื่อหลงส่งผ่านมาที่ปลายกระบี่กระแทกเข้าใส่ แม้ไม่ถึงขนาดทำให้บาดเจ็บแต่ก็ส่งผลให้ลี่หูเซถอยไปที่ด้านหลังหลายก้าว จื่อหลงเห็นเช่นนั้นจึงรีบจู่โจมตวัดปลายกระบี่เข้าใส่ลี่หูซึ่งตอนนี้เขาทำได้แต่เป็นฝ่ายรับจนถอยหล่นไปเรื่อยๆ จนเท้าเกือบจะก้าวพ้นเส้นขอบสีแดง ลี่หูเหลือบสายตามาเห็นก็รีบเอี่ยวตัวหลบและก้มตัวลงต่ำตวัดปลายกระบี่ที่ท่อนขาของจื่อหลง ทำให้จื่อหลงต้องรีบลอยตัวขึ้นเพื่อหลบเลี่ยง พอรอดพ้นสถานการณ์นั้นมาได้ลี่หูก็ยืนขึ้นและตรงเข้าจู่โจมจื่อหลงอีกครั้ง แต่เพียงก้าวขาออกไปได้สามก้าวจื่อหลงที่ตั้งหลักรออยู่ก็ลอยตัวขึ้นเตะเท้าออก ลี่หูไม่ทันจะได้ยกกระบี่ขึ้นต้าน ข้อมือของเขาก็ถูกจื่อหลงเตะจนกระบี่หลุดออกจากมือ เมื่อไร้อาวุธเขาจึงต้องใช้มือเปล่าเข้าสู้ ฝ่าเท้าที่ถามโถมเข้าใส่จนสุดท้ายลี่หูก็มิอาจหลบเลี่ยงถูกจื่อหลงเตะไปที่หัวไหล่ต้องเซถอยไปข้างหลัง เขากำลังจะตั้งหลักสู้ต่อจื่อหลงที่ยอมทิ้งกระบี่ในเมื่อเพื่อไม่ให้ลี่หูเสียเปรียบก็พุ่งหมัดเข้ามากระแทกไปที่หน้าท้องจนเขาตัวงอ จื่อหลงเห็นว่าลี่หูอยู่ห่างจากเส้นขอบสีแดงเพียงห้าก้าวเท้านั้นก็เร่งจู่โจมลี่หูทั้งมือและเท้าจนกระบวนท่าสุดท้าย เมื่อจื่อหลงกวาดปลายเท้าเพื่อจู่โจมช่วงขาของลี่หู ตัวของเขาโน้มลงพุ่งหมัดไปที่หน้าท้องของลี่หูซ้ำอีกครั้ง แล้วจึงยืดตัวขึ้นตวัดขาเตะไปที่ชายโครงจนลี่หูเสียหลักจนปลายเท้าของเขาหลุดออกจากเส้นสีแดง
“การประลองรู้ผลแล้ว...จางจื่อหลงเป็นผู้ชนะ” เสียงเจ้าหน้าที่ตะโกนบอกเสียงดัง ตามด้วยเสียงตบมือที่ดังกึกก้อง อี้หลานที่รอลุ้นอยู่ตลอดเวลาถึงกลับลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ ในขณะที่อี้เซียงเห็นลี่หูที่ยังไม่ยอมลุกขึ้นมาก็เริ่มเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ
“คุณชายเจิ้นไม่เป็นไรนะ” จื่อหลงแสดงความมีน้ำใจให้ลี่หู จะช่วยประคองให้เขาลุกขึ้น แต่ลี่หูปฏิเสธสะบัดมือของจื่อหลงออกและลุกขึ้นมาด้วยตัวเอง พอเขายืนขึ้นมาได้ก็เห็นสายตาของเหล่าขุนนางที่มองมายังเขาเป็นจุดเดียว บางคนชี้มือชี้ไม้ บางคนหันหน้าไปคุยกัน ซึ่งเขาไม่อาจทราบได้ว่ามันคืออะไร เจ้าหน้าที่เดินนำลี่หูและจื่อหลงกลับไปยืนที่เดิมต่อหน้าเจ้ากรมกลาโหม เพื่อให้ท่านประกาศอย่างเป็นทางการ พอสิ้นเสียงประกาศให้จื่อหลงเป็นผู้ชนะและรอเข้าเฝ้ารับการแต่งตั้งเป็นแม่ทัพปราบเหลียวคนใหม่เท่านั้น เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างก็เข้ามาแสดงความยินดีกับจื่อหลง ส่วนลี่หูที่ต้องมาพ่ายแพ้กลับไม่มีใครสนใจ เขาพยายามประคองร่างกายเข้าไปหาบิดาที่ยืนหน้าบึ้งรออยู่พร้อมทั้งกล่าวขอโทษที่ทำให้บิดาผิดหวัง แต่แทนที่ขุนพลเจิ้นจะพูดปลอบใจลูกชาย กลับทำท่าทีเมินเฉยเดินผ่านหน้าลี่หูไป ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน

เวลาเย็น..ที่จวนของอำมาตย์ไป๋มีการเลี้ยงฉลองความสำเร็จให้กับจื่อหลง แขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความยินดีนอกจากคนในบ้านแล้วก็มีเจ้ากรมการปกครอง เจ้ากรมกลาโหมและขุนพลเจิ้นเท่านั้น จื่อหลงแม้เคยตั้งใจไว้ว่าจะต้องชนะการประลองเพื่ออี้หลานให้ได้ แต่พอมาถึงวันนี้ยามที่เขาได้รับชัยชนะขึ้นมาจริงๆเขากลับไม่รู้สึกดีใจแม้แต่น้อย หรือนั่นเป็นเพราะเวลานี้เขาต้องมานั่งอยู่เบื้องหน้าของขุนพลเจิ้น ขุนพลใหญ่ที่เขารู้ดีมาตลอดว่าคือผู้เป็นนาย และต่อจากนี้ไปเขาก็คงต้องรับใช้นายด้วยความจำใจ ทั้งที่เขากำลังคิดจะถอนตัว

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ขึ้นไปข้างบน Go down
tabtim
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
tabtim


จำนวนข้อความ : 868
Registration date : 12/09/2008

The Swordsman of Devil - Page 19 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Swordsman of Devil   The Swordsman of Devil - Page 19 EmptySun Feb 08, 2009 10:48 pm

พระอาทิตย์ตกดินไปนานมากแล้วจนแสงโคมถูกจุดขึ้นแทนให้ความสว่างไปจนทั่วเมืองไคเฟิง อี้เซียงที่ไม่เห็นลี่หูตั้งแต่การประลองรู้ผล นางก็ออกตามหาพร้อมทั้งนึกกล่าวโทษตัวเองที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างลี่หูในยามที่จิตใจของเขากำลังย่ำแย่ หญิงสาวเดินถามกับชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาจนมีคนบอกว่าเห็นเขานั่งดื่มสุราอยู่ที่โรงเตี๊ยมเล็กๆที่เกือบอยู่ท้ายตลาด อี้เซียงพอรู้ว่าลี่หูอยู่ที่ไหนก็รีบไปหา จนได้เห็นเขานั่งดื่มสุราอย่างเมามายฟุบหน้าลงที่โต๊ะ แม้เสี่ยวเอ้อจะมาบอกให้เขาหยุดดื่มแต่ลี่หูก็ยังไม่ฟัง ปากก็ร้องให้เสี่ยวเอ้อเอาสุรามาให้เขาอีกเรื่อยๆ อี้เซียงเดินเข้ามาถึงก็นั่งลงที่เก้าอี้และบอกให้เสี่ยวเอ้อไปเอาผ้าชุบน้ำสะอาดมาให้
“พี่ลี่หู ทำไมดื่มหนักแบบนี้ล่ะคะ”
“อี้เซียงหรอ นั่นเสียงเจ้าพูดกับข้าใช่ไหม” ลี่หูหรี่ตาขึ้นมามอง พอเห็นหน้าของอี้เซียงเท่านั้นก็โผเข้ากอดนางร้องไห้ยกใหญ่ โชคดีที่ที่นี่เป็นโรงเตี๊ยมเล็กๆ ไม่มีคนพลุกพล่าน มิเช่นนั้นลี่หูที่หยิ่งและถือตัวที่สุดคงไม่ร้องไห้ต่อหน้าผู้หญิงให้เป็นขี้ปาก
“พี่ลี่หูใจเย็นๆนะค่ะ ข้ารู้ว่าพี่เสียใจ แต่การแข่งขันมันก็ย่อมมีแพ้มีชนะ ข้าอยากให้พี่ทำใจให้ได้ ถึงพี่ไม่ได้เป็นแม่ทัพปราบเหลียว แต่พี่ก็เป็นถึงจอหงวนบู๊ เป็นองครักษ์หลวงอยู่นะคะ” อี้เซียงพูดปลอบใจ ค่อยๆเอามือลูบหลัง
“ก็เพราะข้าเป็นจอหงวนบู๊นี่ไง ข้าถึงไม่มีหน้าไปสู้ใครได้อีกแล้ว อี้เซียง..เจ้าเห็นสายตาของขุนนางพวกนั้นไหม พวกเขามองข้าอย่างดูถูก”
“ไม่ค่ะ ไม่มีใครดูถูกพี่หรอกนะ พี่อย่าคิดมากสิ” อี้เซียงประคองลี่หูไว้พร้อมทั้งหยิบผ้าที่เสี่ยวเอ๋อเพิ่งเอามาให้เช็ดหน้าให้ลี่หู “พี่เมามากแล้ว ข้าจะพาพี่กลับบ้านนะค่ะ” เพียงนางบอกเท่านั้น ลี่หูที่เริ่มสงบไปได้ชั่วครู่ก็เริ่มส่งเสียงโวยวายไม่ยอมกลับบ้าน ปากของเขาร่ำร้องที่จะดื่มสุราให้ได้
“ข้าไม่กลับ ข้าจะดื่ม เสี่ยวเอ้อเอาเหล้ามาให้ข้าอีก” ลี่หูตะโกนลั่นสั่งเสี่ยวเอ้อ ส่วนมือก็ควานหาขวดสุราที่วางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งทุกขวดถูกเขาดื่มไปจนหมด
“ไม่ดื่มแล้วนะค่ะ พี่เมามากแล้วต้องกลับบ้านนะค่ะ” อี้เซียงขอร้องให้เสี่ยวเอ้อมาช่วยประคองลี่หูขึ้นเพื่อจะพาเขากลับบ้าน แต่ลี่หูที่ยังคงดื้อรั้นยืนกรานไม่ยอมกลับบ้าน ไม่ว่าจะทำยังไงเขาก็ไม่ยอม จนสุดท้ายอี้เซียงต้องเปิดห้องที่โรงเตี๊ยมพาลี่หูขึ้นไปนอนพักให้สร่างเมาเสียก่อน แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันที่หลัง

เมื่อนางกับเสี่ยวเอ้อช่วยกันประคองลี่หูนอนลงที่เตียงแล้ว นางก็ขอให้เสี่ยวเอ๋อช่วยเอาน้ำอุ่นกับผ้าสะอาดเข้ามาให้ หลังจากเสี่ยวเอ๋อออกไปจากห้องนางก็เริ่มเช็ดตัวให้ลี่หู ใบหน้าของชายหนุ่มแดงกร่ำด้วยฤทธิ์เหล้า ขอบตาทั้งสองข้างยังมีน้ำตาซึมออกมาให้เห็น นางรู้ว่ายามนี้ลี่หูรู้สึกเจ็บปวดและโดดเดี่ยวเพียงใด
“อี้เซียง...อย่าทิ้งข้าไป อยู่กับข้า” เสียงคนเมาพร่ำบอก “อี้เซียง..อี้เซียง..เจ้าเอายาให้จื่อหลงมันกินรึเปล่า” ลี่หูปรือตาขึ้นมามองอี้เซียงที่ยังคงตั้งใจเช็ดตัวให้เขาอยู่
“ว่ายังไง เจ้าเอายาให้มันกินรึเปล่า” ลี่หูเมื่อไม่ได้ยินเสียงอี้เซียงตอบก็ยันกายลุกขึ้นนั่งจับไหล่ทั้งสองข้างของอี้เซียงไว้แน่น
“ข้าก็ทำตามที่พี่บอก ผสมยาในน้ำชาให้พี่จื่อหลงดื่มแล้วนี่ค่ะ พี่ถามข้าทำไมหรอ”
“ไม่จริงเป็นไปไม่ได้ ถ้ามันดื่มมันจะต้องหมดแรง ไม่มีทางเอาชนะข้าได้แน่” ลี่หูลืมตัวเผยความลับออกมาต่อหน้าอี้เซียง ปากของเขายังคงบ่นพึมพำว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะยาที่เขาให้อี้เซียงเอาไปให้จื่อหลงมันเป็นยาพิษ แม้จะไม่รุนแรงถึงตายแต่ภายในหนึ่งชั่วยามผู้ที่ถูกพิษก็จะมือเท้าชาไร้สิ้นเรี่ยวแรง ไม่ต่างอะไรกับคนที่สูญเสียวรยุทธ์ อี้เซียงพอได้ยินลี่หูเผลอพูดออกมาแบบนั้นดวงตาก็เบิกกว้าง
“ทำไมพี่จื่อหลงดื่มแล้วต้องหมดแรงด้วย นี่พี่ให้ข้าเอายาอะไรไปให้พี่จื่อหลงกิน มันเป็นยาพิษใช่ไหม”
“แล้วเจ้าได้เอาให้มันกินรึเปล่า” ลี่หูจับไหล่ของอี้เซียงไว้แน่น เขย่าร่างของนางอย่างแรงด้วยความลืมตัว
“พี่หลอกใช้ข้าทำร้ายพี่จื่อหลง พี่ทำไปได้ยังไง”
“ข้าถามว่าเจ้าเอาให้มันกินรึเปล่า” ลี่หูจับร่างของอี้เซียงจนชิดกับเสาเตียงคาดคั้นเอาคำตอบ
“ไม่ได้กิน” อี้เซียงตอบทั้งน้ำตาด้วยความผิดหวังและเสียใจที่นางถูกลี่หูหลอกใช้ “ข้าไม่ได้ให้พี่จื่อหลงกิน” นางพูดซ้ำจนทำให้ลี่หูบันดาลโทสะ
“เจ้าหักหลังข้า เจ้าทรยศข้า” ลี่หูพลั้งมือผลักอี้เซียงสุดแรงจนนางตกเตียงไปนอนที่พื้นน้ำตาไหลอาบแก้ม
“ข้าไม่ได้หักหลังพี่ แต่เป็นเพราะสวรรค์คงมีตาถึงทำให้พี่จื่อหลงไม่ได้ดื่มยาพิษนั้น ข้าถึงไม่ต้องรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ที่หลงรักท่านจนไม่ลืมหูลืมตาไปทำร้ายคนดีอย่างพี่จื่อหลงได้” อี้เซียงร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจ ลี่หูที่เริ่มรู้สึกตัวได้รีบลงจากเตียงเดินชันเข่าเข้ามาหา


แก้ไขล่าสุดโดย tabtim เมื่อ Mon Feb 09, 2009 8:26 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
The Swordsman of Devil
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 19 จาก 37ไปที่หน้า : Previous  1 ... 11 ... 18, 19, 20 ... 28 ... 37  Next

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Welcome To Charlianz world :: Fiction & Recreation :: Fiction & Recreation-
ไปที่: