บทวิจารณ์
โดยจางงี้
source :
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=linguniang&month=09-2006&date=29&group=3&gblog=5จะว่าไปแล้วสำหรับเรื่อง “ลูกผู้ชายต้องสู้” นั้นตามท้องเรื่องบทที่เป็น “ลูกผู้ชายตัวจริง” คงจะหนีไม่พ้น “ฉีหย่งปัง” เป็นแน่แท้ แต่ด้วยความสามารถของ “จางจื้อหลิน” ในบทของ “หลอจื่อเจี้ยน” ก็สามารถซื้อใจคุณผู้ชมได้ไม่แพ้กัน หรือพูดง่ายๆ ก็คือเป็นบทตัวเอกในละครตัวหนึ่งนั่นเอง
“หลอจื่อเจี้ยน” ด้วยความสามารถของเขาจึงได้รับยศเป็นถึงผู้หมวดหลอตั้งแต่อายุยังน้อย สำหรับบท “ตำรวจ” ที่มีอันต้องข้องแวะกับปืนผาหน้าไม้นั้นคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ “จางจื้อหลิน” เนื่องจากก็เคยเจอมาแล้วในเรื่อง “สองพยัคฆ์เซี่ยงไฮ้” แต่สำหรับ “ลูกผู้ชายต้องสู้” นั้นเขาต้องนำตัวเองไปเกี่ยวข้องกับปืนมากขึ้นตามบทบาทที่เขาได้รับ แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคของเขาเลย ตรงกันข้ามเขาสามารถแสดงบทบาทตรงนี้ได้ดีทีเดียว การแสดงความแม่นยำในการใช้ปืน หรือบุคลิกของความเป็นตำรวจชั้นผู้นำ ความเด็ดขาดในการสั่งการ เป็นต้น
ดังนั้นสำหรับบทบาทในเรื่องนี้ของ “จางจื้อหลิน” การเป็น “ตำรวจ” คงไม่มีอะไรที่สามารถท้วงติงได้ นอกจากบอกได้ว่าเรื่องนี้ “จางจื้อหลิน” เข้าถึงบทบาทได้ดี อีกทั้งสามารถพัฒนาฝีมือในการแสดงขึ้นได้มากเมื่อเทียบกับบทบาทที่เขาได้รับจากการแสดงเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านมา แต่จะขอเสริมในเรื่องการแสดงออกทางด้าน “ความรัก” ที่มีให้กับตัวละครต่างๆ ในเรื่อง “ลูกผู้ชายต้องสู้”
ประการแรก “ความรักแบบพี่น้อง” ดูเป็นน้องที่รักพี่สาว “หลอฮุ่ยฟัง” เป็นอย่างมาก เพราะไม่มีพ่อแม่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก และมีแต่พี่สาวคอยดูแลมาตลอดดังนั้น พฤติกรรมต่างๆ ที่เขาแสดงออกเพื่อให้พี่สาวสมหวังโดยเฉพาะในเรื่องของความรัก (ช่วยพี่สาวทุกอย่างในการสืบคดีให้กับ “ฉีหย่งปัง” เพื่อให้พ้นข้อกล่าวหา หรือแม้กระทั่งไม่ขัดขวางความรักระหว่าง พี่สาวกับทนายสี่ เนื่องจากเห็นว่าเป็นความสุขของพี่สาวที่ควรได้รับ) อีกทั้งไม่โกรธพี่สาวที่ดูจะอดออมทางด้านการเงินให้เขาถึงแม้ว่าเขาอาจจะถูกเพื่อนร่วมงานดูถูกก็ตาม เหล่านี้ “จางจื้อหลิน” สามารถแสดงออกถึงอารมณ์ของตัวละครได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น กริยาประหม่าที่ลูกน้องรู้ความลับเรื่องเงินออมของเขา (ที่ต้องนำไปให้พี่สาวเสียส่วนใหญ่) กริยาเสียใจ (ที่พี่สาวต้องพลาดรักกับ “จ่าฉี”) หรือกริยาช่วงที่ช่วยพี่สาวสืบคดีของคนรัก แสดงสีหน้าบ่งบอกถึงความห่วงใยกับญาติสนิท (ที่มิได้หมายถึงกริยาที่มีแบบชู้สาว) ได้อย่างชัดเจน
ประการถัดมา “ความรักแบบชู้สาว” แบบที่มีให้กับ “หยงหยง” และ “เสี๊ยะหนิง” แน่นอนย่อมแตกต่างกัน “หมวดหลอ” รักหยงหยงด้วยใจจริง แต่ด้วยเหตุการณ์ต่างๆ ที่นำพาให้เกิดความเข้าใจผิดต่างๆ นานาทำให้ “หยงหยง” ไม่สามารถอภัยให้เขาได้ เขาจึงต้องยอมรับสภาพ “คนอกหัก” โดยดุษฎี และช่วงเวลานั้นเองเกิดเหตุการณ์ที่เขาต้องเข้าไปพัวพันกับ “จางเซี๊ยะหนิง” จนก่อให้เกิดเป็นความรักตามมา จุดนี้ “จางจื้อหลิน” สามารถแสดงออกถึงความแตกต่างด้านความรักที่เขามีให้กับ “หยง หยง” และ “จางเซี๊ยะหนิง” ได้อย่างชัดเจน สังเกตตอนที่เขาต้องแสดงบทบาทเป็นคู่รักกับ “เซี๊ยะหนิง” ให้พ่อแม่ฝ่ายสาวไม่ต้องกังวลสงสัย จนก่อให้เกิดความสนิทสนมจนกลายเป็นความรักขึ้นมา ดูเผินๆ แล้วอาจดูเหมือนเขา “รัก” – “เซี๊ยะหนิง” แต่จริงแล้วน่าจะเกิดจากทั้ง “ความใกล้ชิด” และ “ความสงสาร” ของ “หมวดหลอ” ที่มีต่อ “เซี๊ยะหนิง” มากกว่า ไม่ว่าจะเกิดจากความเหงาของคนทั้งคู่ หรือ การอยากปกป้องคุ้มครอง “เซี๊ยะหนิง” ให้พ้นจากการก่อกวนของ “ฉีเจียลิ” เหล่านี้ แตกต่างกับความรู้สึกที่เขามีต่อ “หยง หยง” ตลอดมา แต่เพราะเขาทราบว่า “เยี่ยเฉินคัง” รัก “หยง หยง” เช่นกัน เขาจำต้องเสียสละความรักที่เขามีให้กับเพื่อนไป ถึงกระนั้นท้ายที่สุดแล้ว เมื่อ “หมวดหลอ” ทราบว่า “หยง หยง” ก็ยังรักเขาอยู่และทำทุกอย่างเพื่อเขา (ตอนที่ช่วยเซี๊ยะหนิงจนหยงหยงต้องตาบอด) เขาก็ไม่ละความพยายามที่จะตามหา “หยง หยง” ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ “หยง หยง” หลบไปรักษาตัว....เพราะว่าถ้าไม่รักกันจริงก็คงไม่รอกันนานขนาดนี้กว่าจะสมหวังในความรัก
ประการสุดท้าย “ความรักที่มีให้กับเพื่อน” ดูจากตอนที่เขาพลาดยิงถูก “เยี่ยเฉินคัง” จนทำให้เพื่อนรักเกือบต้องพิการ “จางจื้อหลิน” สื่อถึงอารมณ์ได้ดีมาก... เกิดความทุกข์ใจมากมายที่ทำร้ายเพื่อน จนไม่อยากสนใจอะไรทั้งสิ้นแม้กระทั่งคนรัก ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่ต้องการทำร้าย “หยง หยง” ความรู้สึกสับสนระหว่างความรักที่มีให้กับเพื่อนและความรักที่มีให้กับคนรัก เขาจำต้องแบ่งแยกให้ชัดเจน ตรงนี้ก็เป็นการบ้านที่หนักหนาสาหัสของ “จางจื้อหลิน” ข้อหนึ่งเลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวัง เขาสามารถสื่อสารความรู้สึกของตัวละครตรงจุดนี้ได้เข้าถึงบทบาท จนทำให้ผู้ชมไม่ว่าจะช่วงใดวัยใดเข้าถึงบทบาทที่เขาได้รับ (ถึงขนาดไม่พอใจในตัว “เยี่ยเฉินคัง” ที่เอาความพิการมาเป็นเครื่องขัดขวางความรักของ “หมวดหลอ” และขอความเห็นใจจาก “หยง หยง”)
สรุปแล้วสำหรับ “ลูกผู้ชายต้องสู้” เข้าใจว่าเป็นซีรีย์เรื่องแรกที่ทำให้ “จางจื้อหลิน” ดังเป็นพลุแตกได้เลยทีเดียว เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้ชมช่วงใดวัยใด ในยุคนั้น สมัยนั้นคงไม่มีใครไม่รู้จักหมวด “หลอจื้อเจี้ยน” ที่นำแสดงโดย “จางจื้อหลิน” ซึ่งเขาสามารถเข้าไปอยู่ในใจผู้ชมได้นับแต่นั้นมา ดูเอาเถอะว่า “จางจื้อหลิน” จะต้องทำการบ้านหนักเพียงไร เพื่อแสดงให้ผู้ชมเข้าใจถึง “ความรัก” ที่แตกต่างกันของเขาที่มีกับตัวละครที่แตกต่างกัน ทำอย่างไรให้ผู้ชมเข้าใจได้ถึงความรู้สึกที่แตกต่างกันที่เขามีต่อตัวละครที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกที่แสดงออกต่อ “ญาติสนิท” “คนรัก” หรือ “เพื่อนรัก” ดูดูไปก็น่าจะสร้างความฉงนให้กับ “จางจื้อหลิน” ไม่น้อย แต่ก็อย่างที่บอกเขาไม่ทำให้แฟนละครผิดหวังเลย เพราะแม้กระทั้งปัจจุบัน นับๆ แล้วเวลาล่วงเลยมากว่า 10 ปี “ลูกผู้ชายต้องสู้” ก็ยังเป็นซีรีย์ที่ผู้ชมนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ แน่นอนหมวด “หลอจื่อเจี้ย” ก็ไม่พ้นที่จะเข้าไปอยู่ในใจของผู้ชมจนถึงบัดนี้
นับได้ว่า “จางจื้อหลิน” เดินมาถูกทางเลยทีเดียวสำหรับบทบาทการเป็นนักแสดงของเขา และจากผลงานชิ้นนี้ทำให้เขาได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ สำหรับซีรีย์เรื่องอื่นๆ ตามมา
Credit and Create by Phanit A. ….ซ้อจางงี้