Series: The Ching Emperor / ฮ่องเต้บัลลังค์เลือด 1995

ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์แมงจูนาม “คังซี” ต้องขึ้นครองราชย์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ประกอบกับได้รู้จักกับอ๊าวป้ายขุนนางในพระราชสำนัก ที่เมื่อเยาว์วัยปราบปลื้มในความสามารถยิ่งนัก อีกทั้ง “อ๊าวป้าย” ยังเป็นผู้ซึ่งมีความสามารถสูงในงานราชกิจ จึงทรงไว้วางพระทัยให้ “อ๊าวป้าย” ให้ประกอบราชกิจแทนพระองค์ โดยไม่ทรงระแคะระคายเลยว่าการกระทำของ “อ๊าวป้าย” ส่งผลกระทบต่อราชสำนักอย่างร้ายแรงในเวลาต่อมา

เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ “คังซี” มีเพื่อนเล่นตัวน้อยนาม “ปิงเยี่ย” ซึ่งเป็นหญิงเดียวที่ไม่เคยคิดรังเกียจ “คังซี” ยามเมื่อป่วยเป็นฝีดาษ มิหนำซ้ำยังคอยมาเยี่ยมและเป็นเพื่อนเล่นกับ “คังซี” อย่างสม่ำเสมอ จนก่อเกิดขึ้นเป็นความรัก เมื่อโตขึ้น “คังซี” จึงคิดจะอภิเษกสมรส “ปิงเยี่ย” เป็นฮองเฮา นึกไม่ถึงว่าเพื่อความมั่นคงในราชสำนักที่มีแต่การแก่งแย่งชิงดีและคัดคานซึ่งอำนาจกันและกัน ทำให้ “ปิงเยี่ย” ต้องเสียสละตนเองแต่งงานออกไป ทำให้ “คังซี” เศร้าพระทัยเป็นอันมาก เช่นกันแม้แต่ตัว “คังซี” เองก็ยังต้องเฟ้นหาธิดาของขุนนางที่มีความซื่อสัตย์ต่อราชสำนักอย่างแท้จริง ประกอบพิธีอภิเษกสมรสเพื่อสืบทอดราชวงศ์ หนึ่งในนั้นมีธิดาของอ๊าวป้ายมาเข้าพิธีเพื่อคัดเลือกตัวด้วย แต่เพราะคำแนะนำของ “ฮองไทเฮา” ที่ต้องการฝึกให้ “คังซี” รู้จักเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นจึงได้ให้สติกับ “คังซี” ก่อนพิธีการคัดเลือกจะมาถึง ซึ่งก็ไม่ทำให้ “ฮองไทเฮา” ทรงผิดหวังในตัว “คังซี” เลย

ครั้งหนึ่งเมื่อ “คังซี” ออกตรวจราชการได้พบกับ “สุ่ยเยี่ย” หญิงสาวที่มีหน้าตาเหมือนกับ “ปิงเยี่ย” ทุกกระเบียดนิ้ว และด้วยความบังเอิญทำให้ทั้งคู่เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้นจนก่อเกิดเป็นความรัก แน่นอน “สุ่ยเยี่ย”ทราบความจริงจาก “คังซี” ว่านางมีหน้าตาเหมือนกับหญิงคนรักของ “คังซี” แต่ถึงกระนั้น “คังซี” ก็สามารถทำให้ “สุ่ยเยี่ย” มั่นใจได้ว่า “คังซี” รัก “สุ่ยเยี่ย” จริงๆ มิใช่ “ปิงเยี่ย” ต่อมาไม่นานทั้งหมดได้รู้ความจริงว่า “สุ่ยเยี่ย” และ “ปิงเยี่ย” เป็นพี่น้องฝาแฝดที่พลัดพลาดกันตั้งแต่ยังเด็ก โดยที่ “สุ่ยเยี่ย” ถูกรับเลี้ยงโดยทายาทราชวงศ์ชิง

เรื่องราวความรักของ “คังซี” ไม่นานได้ถูกคลี่คลายจนหมดสิ้น แต่เรื่องราวการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในราชสำนักยังไม่จบเพียงแค่นั้น ซึ่ง “คังซี” เองได้ทราบในภายหลังว่าแท้จริงแล้ว “อ๊าวป้าย” ที่เขารู้จักไม่ใช่ขุนนางที่ซื่อสัตย์ต่อราชสำนักอย่างแท้จริง “คังซี” จะจัดการกับ “อ๊าวป้าย” อย่างไร ต้องติดตามใน “ฮ่องเต้บัลลังก์เลือด”

source : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=linguniang&month=09-2006&date=29&group=3&gblog=4

จะว่าไปแล้วสำหรับบท “คังซี” ที่นำแสดงโดย “จางจื้อหลิน” นั้น อาจถือได้ว่าเป็นหนังแนวราชสำนักเรื่องแรกของ “จางจื้อหลิน” ก็เป็นได้ ดังนั้นหากจะบอกว่า “จางจื้อหลิน” ไม่เคยได้รับบทแนวนี้มาและถ้าจะให้เปรียบเทียบกับบทบาทในเรื่องก่อนๆ ที่ผ่านมานั้นคงไม่สามารถเทียบกันได้

เอาเป็นว่าเราคงต้องมาดูกันว่าสำหรับเรื่อง “ฮ่องเต้บัลลังก์เลือด” นั้นเราจะพูดถึง “จางจื้อหลิน” ได้อย่างไร ประการแรก สำหรับ “ฮ่องเต้บัลลังก์เลือด” นั้นตามบทประพันธ์คงไม่เน้นหนักทางด้านความรักของคู่พระ-นางมากนัก หากจะเน้นในเรื่องของความเด็ดขาด เข้มแข็ง ฉลาดทันคน และเป็นที่ยอมรับของประชาราษฎร์ภายใต้การปกครองของผู้ที่เรียกตนเอง หรือถูกเรียกว่า “ฮ่องเต้” เมื่อเป็นเช่นนี้คงมองได้ว่าสำหรับ “จางจื้อหลิน” ในบทบาทแบบนี้เขายังไม่สามารถเข้าถึงตัวละครได้เด่นชัดนัก ด้วยบุคลิกของเขาที่แสดงออกในเรื่อง ยังไม่สามารถแสดงให้ผู้ชมเห็นถึง ความแข็งแกร่งหรือความเด็ดเดี่ยวของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ผู้นำประเทศ” ได้ เช่น บุคลิกที่ต้องดูอาจหาญ หรือการพูดจาที่ดูเด็ดเดี่ยว ดูน่าเกรงขามสมกับเป็นผู้นำประมาณนี้ หรืออาจมองได้ว่าด้วยอายุอานามหรือหน้าตาของ “จางจื้อหลิน” ในช่วงอายุแค่ 20 ต้นๆ ที่ดูอ่อนวัยมากไปหน่อย ทำให้ดูไม่น่าเกรงขามนัก อย่างที่เราๆ จะสามารถยอมรับกันได้ว่าเป็น “ผู้นำ” อย่างแท้จริง เพื่อผู้ใต้บังคับบัญชา (ขุนนาง) และเหล่าประชาราษฎร์จะได้เชื่อถือและเคารพ จึงอาจพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า บทบาท “คังซี” นั้นไม่ค่อยเหมาะกับ “จางจื้อหลิน” ในยุคนั้นสมัยนั้นก็ว่าได้ แต่หากว่า “ฮ่องเต้บัลลังก์เลือด” จะสร้างขึ้นในช่วงที่ “จางจื้อหลิน” อายุเลยเลข 2 ไปแล้วค่อยมารับบทบาทแบบนี้น่าจะเหมาะกับเขามากกว่า

ประการที่สองคงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากการแสดงออกทางสีหน้า จางจื้อหลินยังเป็นนักแสดงหน้าใหม่ แม้ว่าเขาจะแสดงหนังมาแล้วถึง 3 เรื่องก็ตาม แนวกำลังภายใน 2 เรื่อง และบทแนวสากลอีก 1 เรื่อง ไม่มีเรื่องใดที่ “จางจื้อหลิน” เคยได้รับบทแนวราชสำนักแล้วให้นำมาเปรียบเทียบเพื่อดูถึงระดับการพัฒนาของเขาได้เลย ซึ่งก็อาจบอกได้ว่าไม่สามารถให้คะแนนเปรียบเทียบ “จางจื้อหลิน” ในบท “คังซี” ได้อย่างเหมาะสม อย่างฉากที่ “ปิงเยี่ย” จะต้องแต่งงานออกไป การแสดงออกทางสีหน้า แววตาของเขาบ่งได้ไม่ชัดเจนอะไรนัก ประการสุดท้าย สำหรับ “ฮ่องเต้บัลลังก์เลือด” เป็นหนังแนวแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น คัดคานอำนาจกันในราชสำนัก ดังนั้นบทเด่นคงต้องไม่พ้น “คังซี” กับ “อ๊าวป้าย” ดูๆ ไปแล้วเผลอๆ “อ๊าวป้าย” ยังเรียกคะแนนคนดูได้มากกว่า “คังซี” เสียอีก
โดยรวมแล้ว จางจื้อหลิน มีความสามารถทางการแสดงสูงมากทีเดียว เพียงแต่ว่าเขายังไม่สามารถดึงความสามารถของเขาออกมาได้อย่างเต็มที่ จึงต้องติดตามผลงานในลำดับต่อไปของเขาว่าจะพัฒนาทางด้านการแสดงได้ดีขึ้นอีกเพียงใด.....
โปรดติตามอีกก้าวของจางจื้อหลินใน “ลูกผู้ชายต้องสู้” หนังแนวสากลเรื่องที่ 2 ของเขาว่าจะมีการพัฒนาในการแสดงมากแค่ไหน ...เรื่องนี้มีให้เขียนเยอะเลย (ขอลำเอียงหน่อยนะแบบว่าเป็นเรื่องแรกที่ทำให้...ซ้อจางงี้..ตกหลุมรัก “จางจื้อหลิน” จนถอนตัวไม่ขึ้นเลยค่ะ) รับรองว่าแฟนๆ ของจางจื้อหลินจะรักเขามากขึ้นอีกกระบุงเชียวล่ะค่ะ

Credit and Create by Phanit A……......ซ้อจางงี้

ฮ่องเต้บัลลังค์เลือดเป็นหนังแนวโบราณไม่กี่ตอนจบเรื่องที่สามของจางจื้อหลิน ซึ่งห่างจากมังกรหยกเพียงปีเดียว แต่การพัฒนาทางการแสดงของเขาดีขึ้นจากเดิมมากทีเดียว บทบาทระหว่างก๋วยเจ๋งและคังซีรนั้นแตกต่างกันพอควร บทฮ่องเต้ในวัยรุ่นหนุ่มที่มีความจำเป็นต้องขึ้นครองราชย์ก่อนเวลาอันควรเหมาะกับจางจื้อหลินในวัยยี่สิบต้นๆอย่างเหมาะเหม็งทีเดียว เขาสวมบทคังซีหนุ่มน้อยที่ยังคงซุกซนอยากรู้อยากเห็นและเริ่มมีความรักแต่ต้องมารับผิดชอบภาระยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน ต้องต่อสู้กับขุนนางชั่วในราชสำนักได้อย่างน่ารักน่าชัง พาให้ลุ้นเอาใจช่วยตั้งแต่ต้นจนจบ การแสดงออกทางสีหน้าที่เน้นอารมณ์เห็นเด่นชัดขึ้น ยามรักและหลงก็จะสลัดคราบฮ่องเต้ที่แบกภาระของแผ่นดินไว้บนบ่าออกไปเหมือนหนุ่มน้อยที่หลงใหลในอิสตรีพร้อมที่จะสละทุกอย่าง ยามโกรธและจริงจังก็จะสวมบทฮ่องเต้ของแผ่นดินแสดงออกถึงความเป็นผู้นำได้อย่างลงตัว เขาสามารถถ่ายทอดความรู้สึกของคังซีออกมาได้ดีในระดับหนึ่ง ทำให้คนดูอยากติดตามเรื่องราวการผจญภัยของฮ่องเต้น้อยให้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆจนบรรลุเป้าหมาย เรื่องนี้จึงทำให้ได้เห็นอีกบทบาทหนึ่งที่และอีกก้าวหนึ่งที่เปลี่ยนไปของจางจื้อหลินที่มีการพัฒนาขึ้นไปอีกแน่นอน

วิจารณ์โดย หลินกุเหนียง