Legend of Kublai Khan

ตราบเท่า . . . . . . . . . . อสงไขยเวลา



ปล่อยความคิดถึงปลิวไปในอากาศ ล่องลอยหัวใจสะอาดปล่อยไปแสนไกล

กรุ่นกลิ่นบุหงาพัดมาด้วยรักจากใจ เพียงหวังให้ถึงใครคนที่รอคนนั้น


ส่งความคิดถึงปลิวไปในอากาศ คิดถึงใจจะขาดเธออาจไม่เข้าใจ

แค่อยากให้รู้ไม่ได้ต้องการสิ่งใด เธอไม่ต้องคืนใจถ้าเธอไม่ต้องการ


ฝากเป็นเพลงให้ลอยเล่นลมไป ล่องลอยผ่านไปถึงเธอ

แม้จะเนิ่นนานยังรักเธอ ตราบนานอสงไขยเวลา


หากเพลงคิดถึงที่ปลิวไปในอากาศ เพียงถ้ามันพลั้งพลาดไปไม่พบเธอ

ให้บทเพลงนี้ล่องลอยเรื่อยไปเสมอ รอซักวันที่เจอคนที่เขาต้องการ

Wang Hui Lai : นึกทบทวนถึงตอนถ่ายละคร ผมมักโดนแกล้งประจำเลย นี่ไงครับหลักฐาน


http://weibo.com/1882105760/zdQWYwy9l
http://ent.sina.com.cn/v/m/2013-01-09/16333831100.shtml

พูดถึงอายุขอโม้นอกเรื่องสักนิด อ่านหนังสือท่านกุบไลข่าน ก็เลยนึกถึงประเด็นนี้ขึ้นมาได้

เคยเล่าเรื่ององค์ชายเจนจิ้น โอรสองค์ที่ 2 ของท่านกุบฯ กับพระนางชาบิ

ที่เกิดในปี 1243 ตอนนั้นพระนางชาบิอายุ 16 ปี ส่วนท่านกุบฯ อายุ 28 ปี

แต่ไม่รู้ว่าองค์ชายดอร์จี ที่เป็นโอรสพระองค์แรก เกิดในปีใด

พอมาอ่านหนังสือเลยรู้แล้วค่ะ พระองค์เกิดในปี 1240 นั่นเอง

ซึ่งก็หมายความว่า พระนางชาบิคลอดลูกคนแรกตอนอายุ 13 ปี


อ้ายหยา! ท่านกุบฯ กินเด็กหรือนี่ มิน่าองค์ชายดอร์จีถึงสุขภาพไม่แข็งแรงและอายุสั้น

ก็เกิดตอนแม่ยังเด็กมากกกกก แค่สามารถคลอดออกมาได้นี่ก็เก่งแล้วค่ะ

เพราะเด็กอายุ 13 ร่างกายยังเจริญไม่เต็มที่ด้วยซ้ำ โอกาสเสี่ยงที่คลอดลูกไม่สมบูรณ์มีสูงมาก

แต่งงานตั้งแต่พระนางชาบิยังเป็นเด็ก ดูแลมาจนโตเป็นสาวและแก่ไปด้วยกัน

แบบนี้นี่เองทั้งสองถึงได้ผูกพันกันมาก เข้าใจแล้วค่ะว่าทำไมถึงรักพระนางชาบิที่สุด

ทัวร์พิพิธภัณฑ์ในเขตปกครองตนเอง มณฑล Inner Mongolia


โดย อาจารย์แขชนะ (ดร. จันทร์ชัย หญิงประยูร)


http://www.vcharkarn.com/vcafe/183893/2





หาข้อมูลท่านกุบฯ แล้วเจอบอร์ดวิชาการ ที่ ปตท สนับสนุนค่ะ

เผอิญมีเรื่องของท่านกุบไลข่าน ที่อาจารย์แขชนะท่านได้มีโอกาสไปเยี่ยมชม

เลยขออนุญาตเอามาบอกเล่าต่อ อ่านแล้วอยากไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์นี้จังเลย

ป้ายหน้าพิพิธภัณฑ์ เชิญชมงานศิลปะสมัยกุบไลข่าน







ภายในพิพิธภัณฑ์ มีภาพนูนสูง สังเกตรูปล่างสุด มีพระนางชาบิด้วยล่ะค่ะ

ภาพที่ดูผ้าทอ เดาว่าน่าจะเป็นการจัดแสดงวิถีชีวิตและความสามารถของพระนางชาบิ







เกอร์ที่ตั้งอยู่บนเกวียน เพื่อเตรียมเคลื่อนย้ายไปได้ทุกที่







ในละครก็มีค่ะ น่าจะเป็นเกอร์ของเซลุย พ่อของท่านกุบไลข่าน

ห้องแสดงวิถีชีวิตชาวพื้นเมืองและเครื่องแต่งกาย

ไม่รู้ข่าวที่บอกว่าชุดที่ใช้ในละคร จะนำมาแสดงที่พิพิธภัณฑ์มองโกล

จะใช่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้รึเปล่านะคะ ถ้าใช่อยากมีโอกาสไปดูจังเลย







แผนที่แสดงตำแหน่งมองโกเลียใน

หน้าตาชาวมองโกลพื้นเมือง ภาพล่างสุดอาจารย์แขชนะเล่าว่า

เป็นนักศึกษาที่นำทัวร์ เธอเป็นลูกผสมมองโกลกับฮั่น

ลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัดของใบหน้าชาวมองโกลพื้นเมืองคือ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน

ว้าว! อาเส่บางทีถ่ายรูปก็เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเหมือนกันนะ







พูดถึงเรื่องชาติพันธุ์ เฮียฮูจุนเองก็มีเชื้อสายแมนจูเลียค่ะ (ลงไว้ในประวัติเลย)

ส่วนอาเส่ เท่าที่ดูประวัติ เห็นลงว่าเป็นลูกหลานของชาวเมืองจงซาน มณฑลกวางตุ้ง

เฮียกู่เทียนเล่อ ก็มีถิ่นฐานบ้านเกิดที่เมืองจงซานเหมือนกับอาเส่เลยล่ะค่ะ

เย้! อาเส่มีเพื่อนแล้ว อีกคนที่เป็นชาวจงซานคือท่านซุนยัดเซนค่ะ

ไปดูถิ่นฐานของพี่ๆ น้องๆ ฟงเป็นชาวเมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน

เฮียเคเป็นชาวเมืองฝอซาน (บ้านเกิดเดียวกับหวงเฟยหงและยิปมัน)

พี่ชายจางเป็นชาวเมืองหนานไห่ พี่ชายกับเฮียเคอยู่มณฑลกวางตุ้งเหมือนอาเส่ค่ะ

เมื่อวันที่ 27 เมษายน Weibo ของ 北京阳光盛通 โพสข้อความบอกว่า

Beijing Sunshine Sheng Tong Culture and Arts Co., Ltd แจ้งว่า

ละครเรื่อง 建元风云 Legend of Yuan Empire Founder

เปลี่ยนชื่อเป็น 忽必烈传奇 Kublai Khan legend

และขั้นตอน post-production เสร็จสมบูรณ์แล้วค่ะ


เอ่อ . . ไหนตอนนั้นคุณ ผกก โพสภาพกระบวนการในห้องบันทึกเสียง

ก็บอกว่าขั้นตอน post-production เสร็จสมบูรณ์แล้วนี่หน่า

แล้วตกลงเค้ามีกี่ขั้นตอนกันเนี่ย ผ่านมา 2 ปีแล้วยังไม่ได้ยลละครเลยอ้ะ


http://e.weibo.com/1846215555/zu4jm66es

Legend of Kublai Khan on Hunan TV Live


http://www.haoqu.net/3/hunan/hndsj.html


ออกอากาศตอนแรก 21 กรกฎาคม 2556 ตามดูย้อนหลังได้ทาง


http://www.huatv.tv/dalu/dazhangtiancaihubilie/


แม้ละครจะถูกทางสถานีเปลี่ยนชื่อเรื่อง เปลี่ยนเพลงนำ ตัดออกหลายฉาก

แต่ได้เห็นพระนางชาบิสดใสน่ารัก ท่านกุบสุดเท่ห์ ก็รู้สึกว่าคุ้มที่ได้ดูค่ะ

เฮียหูจุ๊นแสดงได้ดีมากเลยค่ะ ทำให้รู้สึกอินดูแล้วอบอุ่นและให้ความรู้สึกที่หลากหลายดี

แนะนำตัวละคร ‘ตำนานกุบไลข่าน’ . . ครอบครัวเจงกิสข่าน


ก่อนจะดูละครอ่านหนังสือประวัติเจงกิสข่านและกุบไลข่านไป 1 รอบ

พอได้ดูละคร ก็ทำให้ต้องกลับไปอ่านหนังสืออีกครั้ง เนื่องด้วยในละครมีตัวละครออกมาเยอะ

อ่านหนังสือรอบแรกพุ่งความสนใจไปที่เจงกิสข่านและกุบไลข่านเท่านั้น

พอได้ดูละครแล้วก็รู้สึกว่ามีตัวละครอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกเยอะเลยค่ะ

อันดับแรกขอแนะนำครอบครัวของท่านเจงกิสข่านที่ปรากฏในละครก่อนเลยนะ


เจงกิสข่านมีลูกชาย 4 คน (ชื่อตามภาพ) และลูกสาวอีกหลายคน

ในละครที่เห็นๆ ก็คนเดียวเห็นเรียกกันว่าองค์หญิงห้า แต่ฟังชื่อไม่ออกค่ะว่าชื่ออะไร

องค์หญิงห้าเป็นแม่ของชาบิ ก็เท่ากับว่าคูบิไลกับชาบิ เป็นลูกพี่ลูกน้องกันนั่นเอง


ด้วยความที่องค์หญิงห้าแต่งงานเข้าเผ่าอื่น ก็เลยทำให้ลูกพี่ลูกน้องไม่เคยเจอกันเลย

จะมีก็แต่โตลุยพ่อของคูบิไล ที่เคยไปเยี่ยมน้องสาวและได้เห็นหลานสาวตอนที่ยังเล็กๆ

ทำให้คิดอยากจะให้มาแต่งงานกับลูกชายของตนเอง


สำหรับลูกๆ ของท่านเจงกิสข่าน คนที่สามมีบทบาทสำคัญเป็นข่านคนต่อไป

รวมถึงชายาที่ก็มีบทเด่นไม่แพ้กัน ไว้จะแนะนำอีกทีนะคะ

ลูกชายคนแรกกับคนที่สองมีบทบาทแค่ 1-2 ตอน จากนั้นก็จะเป็นรุ่นลูก

พอย้อนกลับไปอ่านหนังสือ ทำให้รู้เรื่องในละครขึ้นอีกนิด

คนเขียนบทนำเรื่องราวและตัวละครในประวัติศาสตร์มาใส่ได้ละเอียดดีทีเดียวค่ะ

แนะนำตัวละคร 'ตำนานกุบไลข่าน' . . ครอบครัวองค์ชายโตลุย

โตลุย + ซอร์กัจตานิ =

1. ท่านชายใหญ่มองเกอ

2. ท่านชายสี่คูบิไล หรือ กุบไล

3. ท่านชายห้าฮูเลกู

4. ท่านชายเจ็ดอริกโบเค


ในละครเค้าเรียกลำดับแบบนี้ค่ะ น่าจะนับศักดิ์ของลูกสาวด้วย

ประมาณว่าคนแรกผู้ชาย คนที่สองกับสามเป็นผู้หญิง กุบไลคือลูกคนที่สี่ ถึงได้เป็นท่านชายสี่

ชาบิพอแต่งเข้ามาก็ถูกเรียกว่า 'ซื่อหวังเฟย' น่าจะหมายถึงฮูหยินสี่ล่ะมั้ง

ส่วนอริกโบเคเรียกชาบิว่า 'ซื่อซ้อ' ก็คงหมายถึงซ้อสี่


บรรดาลูกสาวของโตลุย ไม่มีภาพค่ะ ไม่รู้มีบทบาทมั้ย

แต่ดูๆ แล้วยังไม่เห็นเลยนะ ในประวัติศาสตร์ก็ไม่ได้บันทึกไว้มากนักด้วย