Charmaine Sheh: “I Want A Man That Does Not Need My Monetary Support!”http://www.jaynestars.com/news/charmaine-sheh-i-want-a-man-that-does-not-need-my-monetary-support/Credit Pictures : Charmaine Baidu Forumในช่วงปีที่ผ่านมา “การแต่งงาน” ของเหล่านักแสดงมีมากมายหลายคู่
ก้าวเข้าสู่วัย “Diamond Leftover Bachelorette” “สาวโสดขึ้นคานเพชร”
เสอซือมั่นไม่ได้วิตกเกี่ยวกับการที่จะต้องรีบร้อนหาคู่แต่งงาน
ปีนี้อาเส่ก้าวเข้าสู่สังคมที่กว้างขวางขึ้นและมีทัศนคติเรื่องชีวิตรักที่เปลี่ยนไป
ละครทีวีบีเรื่องใหม่ Let It Be Love ‘4 In Love’ ผลงานของผู้กำกับ Jonathan Chik
เป็นเรื่องราวความรัก 4 เรื่องราว หนึ่งในนั้นเป็นเรื่องของหนุ่ม Mongkok เฉินเหา
ที่ตกหลุมรักซุปเปอร์สตาร์เอเชีย เสอซือมั่น ซึ่งคล้ายกับภาพยนตร์ฮอลีวูด Notting Hill
Charmaine Sheh Tired of Wearing a Mask ใน Let It Be Love ตัวละครของอาเส่เป็นซุปเปอร์สตาร์เอเชียซึ่งเบื่อหน่ายชีวิตในวงการบันเทิง
เธอต้องการที่จะออกจากวงการ เพื่อไปทำตามความฝันของเธอเองและไม่ต้องใส่หน้ากากเวลาอยู่ต่อหน้าผู้คน
อาเส่ยอมรับว่ามีส่วนเหมือนกับชีวิตของเธอเองเหมือนกัน
อาเส่ . . “ถึง Chloe จะบอกว่าเธอเหนื่อยและไม่ต้องการที่จะแสดงอีกต่อไป
แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะละทิ้งความสนุกและเสน่ห์ของการแสดงไปได้
หลังจากเข้าวงการบันเทิงฉันก็เคยมีช่วงเวลาที่รู้สึกว่าหาตัวตนไม่เจอ
โดยเฉพาะในช่วงปีแรกๆ ฉันต้องการให้คนอื่นเห็นแต่ในด้านที่ดี
แต่นั่นก็ไม่ใช่ตัวตนของฉันทั้งหมด ดังนั้นไม่ว่าจะที่ทำงานหรือกลับมาบ้าน
ฉันจะรู้สึกเหนื่อย รู้สึกแปลกและไม่สามารถที่จะหาสมดุลในชีวิตได้
เมื่อฉันอายุมากขึ้นและมีประสบการณ์มากขึ้น ฉันรู้สึกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องทำแบบนี้
นักแสดงสามารถเป็นตัวของตัวเองและมีบุคลิคในตัวตนที่แท้จริงได้
แน่นอนว่าฉันสามารถเป็นตัวฉันเองและไม่อยากที่จะต้องใส่หน้ากาก”
เฉินเหาเห็นด้วยกับความคิดของอาเส่ที่ว่านักแสดงควรมีตัวตนของตัวเอง
เฉินเหา : “คงเป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะไม่มีข้อบกพร่องใดๆ เลย
เมื่อคุณพยายามที่จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เป็นแบบอย่างในฐานะไอดอล
และเมื่อผู้คนค้นพบว่านั่นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของคุณหลังที่ได้รู้จักคุณมากขึ้น
นั่นคงยิ่งเป็นปัญหาหรือสิ่งที่น่าผิดหวังยิ่งว่า ถ้าคุณเป็นตัวของคุณเอง
คงดีกว่าที่จะพยายามเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่คุณเพื่อให้ผู้ชมพอใจ ผมคิดว่าเป็นตัวเองคงจะดีกว่า”
Feeling Very Comfortable After Admitting Relationshipซุปเปอร์สตาร์รักกับหนุ่มชาวบ้านธรรมดา เป็นเรื่องราวความรักที่งดงาม
เบื้องหลังความโรแมนติกนี้มีปัญหามากมาย ทั้งการตามติดจากปาปารัสซี่
ความกดดันจากสังคม การไม่ยอมรับจากครอบครัว และอื่นๆ อีกมากมาย
อาเส่กล่าวว่าความกดดันบางส่วนในละครก็เป็นสิ่งที่นักแสดงหญิงนั้นต้องเผชิญเช่นกัน
อาเส่ : “ตัวละครของฉันมีความเชื่อในเรื่องของ UFO ว่ามีจริง
ตอนที่เฉินเหาและฉันไปดู UFO บนยอดเขา เพื่อเติมเต็มความฝันเล็กๆ ในใจฉัน
ปาปารัสซี่ได้ออกมาอย่างกระทันหันและทำลายบรรยากาศที่โรแมนติกจนหมดสิ้น
เหตุการณ์คล้ายๆ แบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นในชีวิตจริงของฉันเหมือนกันค่ะ”
ตรงกันข้าม หลังจากเฉินเหายอมรับว่าคบกับ Aimee
สังคมให้การตอบรับและอวยพรให้ทั้งคู่มีความสุข
อาเส่ยอมรับว่าเธอรู้สึกอิจฉาคู่ของเฉินเหาจริงๆ
Charmaine Wants a Self Reliant Man อาเส่และเฉินเหาแสดงเป็นคู่รักสุดแปลกในละคร Let It Be Love
ในชีวิตจริง อาเส่จะสามารถยอมรับผู้ชายที่มีสถานะทางสังคมต่ำกว่าได้หรือไม่?
อาเส่ : “ตราบเท่าที่เขาสามารถดูแลตัวเองได้และไม่ต้องให้ฉันคอยเป็นคนเลี้ยงดู
ก็ไม่มีปัญหาค่ะ ขอบเขตของฉันก็คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนสองคนมีความสุขเมื่ออยู่ด้วยกัน
เงินสามารถรับประกันความสุขได้มั้ยล่ะ? ก็ไม่ ถ้าคุณรักใครสักคน คุณก็คงยอมรับเขาได้แน่นอน
ตราบเท่าที่คุณไม่ได้เห็นเงินสำคัญกว่าความรัก ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ”
Charmaine Does Not Mind Being Called a “Leftover Bachelorette” ในช่วงปีที่ผ่านมาคำว่า “Leftover Bachelorette” ถูกใช้เรียกผู้หญิงที่อายุ 30 ปีขึ้น
แล้วยังไม่ได้แต่งงานหรือยังไม่มีคู่รัก หลายคนคิดว่าเป็นคำเรียกที่ดูหมิ่นผู้หญิง
เมื่อถามว่าอาเส่รู้สึกเคืองที่ถูกเรียกว่าเป็นสาวโสดขึ้นคานหรือไม่
อาเส่ : “ตอนแรกก็แอบเคืองเหมือนกันค่ะ แต่ตอนหลังมีการประยุกต์ยกระดับให้ด้วย
ทั้ง ‘Golden Leftover Bachelorette’ (คานทอง) และ
‘Diamond Leftover Bachelorette’ (คานเพชร) ฟังดูดีขึ้นเยอะเลยค่ะ
และถึงแม้ฉันจะเคืองแล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ? ไม่ว่าจะเป็นการชมหรือการดูหมิ่น
เราก็คงไปควบคุมความคิดคนอื่นไม่ได้ ‘สาวโสด’ ไม่จำเป็นว่าคุณเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการ
แต่ถ้ามองกลับกันก็หมายความว่าคุณไม่ได้อยากเลือกเองก็เป็นได้
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหาเหตุผลและคิดไปในแง่ร้ายหรอกค่ะ
ฉันเองก็ไม่ใช่ประเภทที่จะเหงาอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต”
O-yohyo : “เชื่อจ้า ไม่อย่างนั้นอาเส่จะไปดินเนอร์กะเพื่อนทอมรึ”
แซวเล่นจ้า . . คนเราก็ต้องหาเพื่อนรู้ใจล่ะนะ จะหญิงรึชายขอแค่รู้ใจก็มีความสุขได้
Taking Initiative and Changing Strategies นักแสดงมากมายมักจะวางความสำคัญเรื่องงานไว้เป็นอันดับแรก และความรักเป็นเรื่องรอง
แล้วอาเส่ล่ะจัดวางเรื่องความรักไว้อันดับท้ายๆ รึเปล่า? อาเส่ให้คำตอบว่า . .
อาเส่ : “ฉันน่ะให้ความสำคัญกับความรักเป็นอันดับต้นๆ เหมือนกันนะคะ
ช่วงนี้ฉันก็ให้เวลากับการพักผ่อนมากขึ้น นอกจากเหตุผลทางสุขภาพแล้ว
ฉันยังต้องการเวลาที่จะได้พบปะผู้คนและเพิ่มประสบการณ์ชีวิตให้มากขึ้น
ฉันอยากจะพบปะและมีเวลาให้เพื่อนฝูง ฉันเลือกที่จะเดินเส้นทางนี้
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานั้นมีความกดดันมากมาย แต่ฉันก็เลือกอาชีพมาเป็นอันดับแรก
และให้ความสำคัญกับเป้าหมายในการทำงาน ทำให้ไม่มีเวลาที่จะไปออกเดท
ไม่ว่าสิ่งที่ฉันเลือกจะเป็นเช่นไร ฉันก็ไม่รู้สึกเสียใจในสิ่งที่เลือกเดิน
เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เราก็สามารถปรับเปลี่ยนทางเดินชีวิตของเราได้
บางทีการได้เปลี่ยนสถานที่ทำงาน เปลี่ยนบรรยากาศก็เป็นทางเลือกหนึ่ง”
อาเส่และเฉินเหามักจะได้รับเลือกให้มาแสดงในละครของผู้กำกับ Jonathan Chik
อาเส่กล่าวว่าเธอรู้สึกเหมือนเสพติดการแสดงในละครของ Jonathan
อาเส่ : “คุณจะรู้สึกอยากที่จะแสดงในทีมละครของเขา คุณจะสนใจอยากรู้ว่าโปรเจคต่อไปจะเป็นอะไร
และอยากที่จะรู้ว่าคุณจะต้องเจอกับการท้าทายอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่สนุกมาก
หากปราศจากการสื่อสาร คุณคิดว่าจะทำงานในหน้าที่ได้สำเร็จหรือไม่?
ในแต่ละครั้งพวกเราสามารถทำได้ แน่นอนว่าต้องมีการสื่อสารกับผู้กำกับ
แต่เราไม่จำเป็นต้องสื่อสารกับกลุ่มใหญ่ เมื่อพวกเราเริ่มทำงาน เราสามารถสื่อใจกันได้”
O-yohyo : บทความนี้แปลเฉพาะส่วนของอาเส่นะคะ
ใครอยากอ่านเรื่องของเฮียโม ไปอ่านฉบับเต็มภาษาอังกฤษได้ตามลิงค์ค่ะ