Series: Point of no return / เลือดนักสู้จอมทรนง 2003

สิ่งใดสำคัญต่อครอบครัวที่สุด...เงินตราหรือความรัก
โจวหมิงซวน (หลิวสงเหยิน)เป็นทายาทรุ่นที่สามของตระกูล ผู้รับหน้าที่บริหารกิจการของครอบครัว เขาต้องผจญกับความกดดันหลายอย่าง ทั้งต่อสู้ทางธุรกิจและยังสะสางปัญหาครอบครัวไม่รู้จักหมดสิ้น ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของเขาแม้แต่หลี่เต๊อะหยง(หลี่ซัน)ภรรยา มีแต่อูอี้ชิง(เจ้าหย่าจือ)เท่านั้นที่ช่วยเขาได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หมิงซวนอยากสู่ขออู่อี้ชิงมาเป็นภรรยาอีกคนแต่ยังไม่ทันแต่งงานก็มีอันเป็นไป ทำให้โจวเทียซื่อ (จางจื้อหลิน) บุตรชายต้องดำเนินงานแทน เทียนซื่อต้องการคบหากับเหอซวงสี่(หวีซื่อมั่น) โดยไม่สนคำขัดค้านของมารดา เขาไม่มีประสบการณ์ด้านการค้าและยิ่งรับมือกับญาติในบ้านหลังใหญ่นี้ได้แค่ไหนอยากสู่ขออู่อี้ชิงมาเป็นภรรยาอีกคนแต่ยังไม่ทันได้แต่งงานก็มีอันเป็นไป ทำให้โจวเทียนซื่อ(จางจื้อหลิน)บุตรชายต้องดำเนินงานแทน เทียนซื่อต้องการคบหากับเหอซวงสี่(หวีซื่อมั่น)โดยไม่สนใจคำคัดค้านของมารดา เขาไม่มีประสบการณ์ด้านการค้าและยังต้องรับมือกับญาติในบ้านหลังใหญ่นี้ได้แค่ไหน...

source : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=linguniang&month=09-2006&date=30&group=3&gblog=11

สำหรับ เลือดนักสู้จอมทรนง นับได้ว่าผู้ชมสามารถเห็นบทบาทของ จางจื้อหลินอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ประการแรก ทุกคนคงไม่เคยเห็นจางจื้อหลิน รับบทที่ต้องมีพัฒนาการของตัวละครตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงวัยทำงาน ซึ่งการแสดงของจางจื้อหลินที่ผ่านมาเห็นได้ชัดที่สุดจาก เลือดนักสู้จอมทรนง ไม่ว่าจะเป็นบทในวัยเด็กที่ดูซุกซน ขี้เล่น ดื้อรั้น แก่นกะโหลกกะลา ดูไม่ประสีประสา จะขัดใจก็อยู่ตรงที่ เขาคงไม่สามาถทำ baby face ให้สมบทบาทเพื่อการแสดงเรื่องนี้โดยเฉพาะ และเขาเอง ก็คงไม่ต้องลงทุนถึงขนาดนั้นเพราะเพียงแค่ได้ชมบทบาทของเขาในเรื่องนี้ทุกคนก็ต้องยอมรับได้ ไม่ว่าจะเป็นช่วงวัยเด็ก ซึ่งเขาสามารถสื่อสารบุคลิกของตัวละครในวัยนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งกริยา ท่าทางหรือคำพูดคำจา ถ้าจะให้บรรยายหรือวิพากษ์วิจารณ์ก็คงทำได้ยากมาก เพราะจางจื้อหลินแสดงออกมาได้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว

มาถึงช่วงวัยรุ่น แรกเริ่มที่กำลังมีความรัก ซึ่งตามบทบาทในเรื่องพัฒนามาจากการเป็นคู่กัดกับ เหอซวงสี่ แต่อย่างว่าบทประพันธ์จุดนี้เราก็คงเดาๆ กันได้แล้วบ้างว่า โจวเทียนซื่อหลงรักซวงสี่ได้อย่างไร ดังคำที่ว่า รักดอกจึงหยอกเล่น แต่สำหรับ เลือดนักสู้จอมทรนง ดูจะหยอกกันแรงไปสักนิด แต่ถ้าหากไม่ปูพื้นเรื่องให้ทราบว่า โจวเทียนซื่อ เป็นคนที่ปราบพยศได้ยาก จนกระทั่งคนในครอบครัวมาทราบภายหลังว่า เหอซวงสี่ เป็นหญิงเดียวที่สามารถปราบพยศ โจวเทียนซื่อได้แล้วละก็ คงไม่เกิดเรื่องราวอื่นๆ ตามมาในภายหลัง

ต่อมาหลังจาก โจวหมิงซวน ถึงแก่กรรม โจวเทียนซื่อ จึงจำต้องปรับปรุงตนเองให้สามารถดูแลกิจการของครอบครัวต่อได้ ดังนั้นบุคลิกของจางจื้อหลินที่แสดงออกในวัยนี้ เขาคงไม่ต้องใช้พลังในการแสดงเข้าช่วยมากนัก เนื่องมาจากบุคลิกของตัวละครที่จะต้องดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีความสุขุมรอบคอบ รวมถึงการแฝงไปด้วยความกดดันอันเกิดขึ้นมาจากปัญหาในครอบครัว เหล่านี้เข้าใจว่าเป็นบทบาทที่เขาเคยผ่านมาแล้วทั้งสิ้น เพิ่มเติมเพียงแต่การปรับอารมณ์ของ โจวเทียนซื่อ ตามสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นและแสดงออกมาในแบบฉบับของจางจื้อหลิน จุดนี้เขาก็สามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจนเช่นกัน

ดังนั้นถ้าจะให้พูดถึงจุดเด่นของจางจื้อหลิน สำหรับ เลือดนักสู้จอมทรนง นั้นสามารถกล่าวได้ในประการต้นๆ ถึงความสามารถในการสื่อสารด้านพัฒนาการของตัวละคร ซึ่งเขาคงได้คะแนนเต็ม 10 อย่างไม่มีข้อบกพร่อง ถึงแม้ว่า เลือดนักสู้จอมทรนง จะมีดาราเจ้าบทบาทอย่าง หลิวสงเหยิน และเจ้าหย่าจือ ร่วมแสดงด้วย แต่ทั้งคู่ก็แสดงถึงจุดเด่นของตัวเองตามบทบาทของตัวละครในยุคของตระกูลช่วงหนึ่ง ส่วนจางจื้อหลินและเสอซือมั่นก็แสดงจุดเด่นของตัวเองตามบทบาทของตัวละครในอีกช่วงตระกูลหนึ่ง

ประการถัดมาจะเสริมเกี่ยวกับ เหอซวงสี่ ที่แสดงโดยเสอซือมั่น ซึ่งถึงแม้จางจื้อหลินกับเสอซือมั่นจะเคยแสดงละครร่วมกันมาแล้วใน หัวใจปรารถนา ที่ทำให้ทั้งคู่ดังเป็นพลุแตกมาแล้ว แต่สำหรับ เลือดนักสู้จอมทรนง ที่ได้กลับมาพบกันอีกนั้นทั้งคู่ยังคงต้องปรับตัวเข้าหากันเพื่อให้เข้ากับบทบาทที่ทั้งคู่ได้รับ เนื่องจากบทบาทนั้นแตกต่างไปจากที่ทั้งคู่เคยแสดงร่วมกันอย่งสิ้นเชิง แต่ก็ยอมรับได้ว่าทั้ง 2 คนสามารถปรับตัวในการแสดงได้เป็นอย่างดีเยี่ยม สามารถเล่นเข้าขากันได้ดี ไม่ว่าจะเป็น บทตาต่อตา ฟันต่อฟัน อ้อล้อฉอเลาะ จนถึงซีนอารมณ์ สมหวัง ผิดหวัง เสียใจ ในเรื่องชะตากรรมความรักระหว่าง โจวเทียนซื่อ และเหอซวงสี่ ทั้งคู่สามารถแสดงให้ผู้ชมเข้าถึงบทบาทได้โดยไม่ต้องบรรยายให้มากความ สรุปก็คือนักแสดงคู่นี้สามารถเล่นเข้าขากันได้เป็นอย่างดี ถูกใจผู้ชมมากมายจนถึงขนาดได้รับรางวัลจากต่างแดนเสียด้วยซ้ำไป แต่ก็ต้องยกคะแนนให้กับบทประพันธ์ของเรื่องด้วยที่ช่วยส่งเสริมให้เขาทั้งคู่สามารถเติบโตในวงการนี้ได้อีกยาวนาน

ในภาพรวมแล้วถ้าจะให้กล่าวถึงพัฒนาการด้านการแสดงของจางจื้อหลินสำหรับ เลือดนักสู้จอมทรนง ก็คงไม่สามารถให้ต่ำกว่า 10 คะแนนได้ ในเมื่อบท โจวเทียนซื่อ ในแบบของจางจื้อหลินผู้ชมคงไม่เคยได้ชมกันมาก่อน และถึงขนาดได้ชมในครั้งแรกก็ไม่สามารถดึงเอาจุดด้อยมาวิจารณ์กันได้ขนาดนี้ ก็ต้องยอมรับเสียแล้วว่าถ้าจะให้ จางจื้อหลิน แสดงบทบาทประเภทใดเขาคงสามารถแสดงได้หมดทุกบทบาทเป็นแน่แท้

Create and Credit by Phanit A….ซ้อจางงี้

เลือดนักสู้จอมทรนง นับเป็นอีกผลงานหนึ่งที่จางจื้อหลินรับแสดงร่วมกับทีวีบีอีกครั้ง หลังจากประสบความสำเร็จจากเรื่อง หัวใจปรารถนา เมื่อปี 2000 เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาร่วมงานอีกครั้งกับนักแสดงคู่ขวัญที่ได้รับความนิยมสูงสุดนั่นคือ เสอซือมั่น แต่ครั้งนี้เลือดนักสู้จอมทระนงได้ระดมดาราคุณภาพมากมาย อย่างเช่น หลิวสงเหยิน และเจ้าหย่าจือ เรื่องนี้จึงเป็นซีรี่ย์ฟอร์มใหญ่เรื่องหนึ่งของทีวีบีในปี 2003

บทโจวเทียนซื่อ ถือว่าฉีกบทออกไปอย่างสิ้นเชิงในชีวิตการแสดงของจางจื้อหลิน บทชายหนุ่มกะล่อน เสเพล เกเรแบบเด็กๆ ออกแนวตลกและน่ารัก เขาสามารถสวมบทนี้ได้อย่างกลมกลืนอีกครั้ง แม้วัยของบทนี้จะเป็นนักเรียนซึ่งเกินวัยของนักแสดงไปเยอะพอสมควร แต่ก็ไม่ทำให้จุดนี้เป็นข้อด้อยมากมายอะไรนัก เพราะความสามารถทางการแสดงของเขากลบจุดด้อยนี้ได้สนิททีเดียว จึงกล่าวได้ว่าบทโจวเทียนซื่อนอกจากความแตกต่างจากที่กล่าวข้างต้นแล้ว บทนี้จึงไม่ยากเกินความสามารถของนักแสดงอาชีพอย่างจางจื้อหลินที่จะทำให้คนดูเรียกเขาเป็นโจวเทียนซื่อได้อย่างเต็มปาก 3 รางวัล Astro award 2005 ในบทนักแสดงนำยอดเยี่ยม บทคู่ขวัญยอดนิยม และบทเพลงนำยอดนิยม ในเรื่องนี้การันตรีความสามารถเขาเป็นอย่างดี

ด้านเนื้อหา เลือดนักสู้จอมทระนง เป็นเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการแก่งแย่งชิงดีในวงการค้าขายทางด้านการเดินเรือขนส่งสินค้า การต่อสู้ทางธุรกิจปนเปกับดราม่าตามแนวถนัดของทีวีบี ซึ่งชวนให้ติดตามลุ้นอย่างสนุกและตื่นเต้น เนื้อหาดีไม่น้อย แต่เรื่องและบทจะส่งและหนักไปที่บทของหลิวสงเหยินและเจ้าหย่าจือเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทั้งสองได้แสดงฝีมือออกมาได้อย่างน่าชื่นชม แต่เมื่อหมดยุคของรุ่นพ่อบทโจวเทียนซื่อซึ่งคาดว่าจะสืบสานต่อด้านนี้กลับทำให้คนดูอย่างผู้เขียนผิดหวังไม่น้อย เพราะบทโจวเทียนซื่อไม่ได้เพิ่มบทบาทไปกว่าเดิมเลย แต่กลับวกวนอยู่กับการแก่งแย่งในชีวิตความรักเป็นส่วนใหญ่ ในเชิงธุรกิจที่เป็นจุดน่าสนใจและชวนติดตามในต้นเรื่องกลับลดลงและให้ความสำคัญน้อยลงอย่างชัดเจน ส่วนนี้ทำให้ซีรี่ย์ค่อนข้างน่าเบื่อ อืดอาดยืดเยื้อตั้งแต่กลางเรื่องไปยังท้ายเรื่อง หากเขียนบทให้เน้นในเชิงการต่อสู้ทางธุรกิจเหมือนเนื้อหาเริ่มแรกจะทำให้ทั้งเรื่องน่าติดตามไปจนจบและมีคุณภาพมากกว่านี้

หากให้บ่งบอกจุดด้อยของเรื่อง หาใช่ความสามารถของนักแสดงไม่ แต่นั่นคือการเขียนบทที่อ่อนด้อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด การเน้นในเรื่องของความรักระหว่างโจวเทียนซื่อกับเหอซวงสี่ดูเหมือนจะมากเกินไปและวนเวียนอยู่กับที่ทำให้เป็นข้อด้อยที่ไม่ชวนให้ติดตามนัก ในบทสรุปของเรื่องดูรวบรัดอ่อนต่อเหตุผลในเชิงการเขียนบท แต่โดยรวมแล้วเลือดนักสู้จอมทระนงแฝงไว้ด้วยแค่คิดมากมาย การยืนหยัดสู้ชีวิตไม่ว่าจะด้วยเรื่องธุรกิจ ชีวิต และความรัก หากไม่ย่อท้อ มีความอดทน มุ่งมั่น เปี่ยมด้วยพลังใจและความสามัคคีแล้ว ผลตอบแทนที่ได้ก็คือความสำเร็จและสมหวังในที่สุดนั่นเอง

หลินกุเหนียง