| The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน | |
|
|
|
ผู้ตั้ง | ข้อความ |
---|
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| |
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:34 pm | |
| | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:35 pm | |
| | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:36 pm | |
| | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| |
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:37 pm | |
| - Andaman พิมพ์ว่า:
- ไปอ่านเจอในพันทิบ ก็เลยก๊อปเอามาฝากค่ะ
หลินกุถามเรื่อง แมนจู กับมองโกลใช่ไม๊ ลองอ่านดูนะ
ความเห็นที่ 1 สมัยมองโกลยึดครอง ก็ตรงกับประมาณสุโขทัยของเรา พ่อขุนรามอะไรแถวนั้น (ราชวงศ์ของมองโกล ชื่อราชวงศ์หยวน) ต่อจากนั้นก็คั่นด้วยราชวงศ์หมิงของคนจีน จากนั้นก็ถึงสมัยแมนจูยึดครองประเทศจีน ก็ตรงกับสมัยปลายๆอยุธยา ธนบุรี ต่อเนื่องมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ของเรา หลังจากนั้นเมืองจีนก็ไม่มีระบบกษัตริย์อีก เพราะโดนดร.ซุนยัดเซ็นล้ม
ความเห็นที่ 2 ในสมัยต้าซ้องนั้น พวกที่บุกเมืองจีนคือพวกกิมก๊ก เพราะแมนจูมีอำนาจเหนือชาวฮั่นในราชวงค์ชิง คำตอบก็คือ กิมก๊กเป็นประเทศๆหนึ่งในดินแดนของชาวจีน เมืองหลวงของกิมก๊กก็คืออี้เก้งหรือปักกิ่งในปัจจุบันนั้นเอง ชาวแมนจูก็คือพลเมืองของประเทศกิมก๊กนั้นเอง ซึ่งราชวงค์แมนจูได้พยายามเข้าปกครองชาวฮั่นมาหลายหนแล้ว ร่วมถึงสมัยราชวงค์ซ้องที่ อ.กิมย้งได้นำประวัติศาสตร์มาเขียนมังกรหยกทั้งสามภาค แต่ก็ไม่สำเร็จซะที เพียงแต่ว่าที่เรารู้จักชื่อแมนจูในสมัยราชวงค์ชิงนั้น ก็เป็นช่วงที่แมนจูมีอำนาจปกครองอย่างเด็ดขาดเหนือชาวฮั่นได้นั้นเอง ในมังกรหยกภาคแรกเป็นช่วงที่กิมก๊กหรือแมนจูเริ่มเรืองอำนาจแต่ภายหลังถูกมองโกลที่มีอำนาจทางทหารเหนือกว่าในสมัยเตมูจินหรือเจ็งกิสข่าน เข้ายึดราชวงค์ซ้องและปราบพวกแมนจูจนหมดอำนาจไป ในมังกรหยกภาค 3 หรือในชื่อภาคดาบมังกรหยกเป็นช่วงที่มองโกลเริ่มเสื่อมอำนาจลง และถูกชาวฮั่นปราบได้ในที่สุด
ความคิดเห็นที่ 3 ราชวงศ์ฉิน--เจาะเวลาหาจิ๋นซี ราชวงศ์ฮั่น ราชวงศ์จิ้น ราชวงศ์สุย --สามก๊ก ยุคจีนแตกแยก ราชวงศ์ถัง--ไซอิ๋ว พระถังซำจั๋ง บูเช็กเทียน ราชวงศ์ซ้อง--เปาบุ้นจิ้น ราชวงศ์หยวน--มังกรหยก ราชวงศ์หมิง--จอมใจจักรพรรดิ รางวงศ์แมนจู(ชิง)--อุ้ยเสี่ยวป้อ องค์หญิงกำมะลอ
อ่านแล้วสรุปๆว่า มองโกล ก็คือพวกเจงกิสข่านอ่ะ ส่วนแมนจูเนี่ย คนละพวกกับมองโกล คือพวกกิมก๊กในมังกรหยก ทั้งสองเผ่าต่างต้องการเข้าปกครองประเทศจีนจ้า | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:38 pm | |
| | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:39 pm | |
| - lingu พิมพ์ว่า:
- อ่านยาวเพลินเลยค่ะ o-yo สมกะเป็นเจ้าแม่ละเอียดยิบ คือดูหนังตะละเรื่องแล้วจับความเอามาชนปลายกันได้ นับถือๆ คังซีหลินกุยังไม่เคยดูเวอร์ชั่นอื่นๆเลยค่ะ เพิ่งเคยดูเวอร์ชั่นนี้อันเดียวก็เลยอดเอาไปชนต้นชนปลายเลย
ก็อย่างว่าแหล่ะฮองเฮาช่างแสนดีมากๆ จนบางครั้งก็รู้สึกหมั่นไส้เล็กๆ 555 ส่วนสุ่ยเยี่ยหลินกุไม่ชอบเท่าไหร่ค่ะ บทนะคะ คือเป็นหญิงชาวบ้านที่ช่างอ่อนต่อโลกเสียเหลือเกิน ยิ่งเข้าวังมาเจอสนมอย่างเทียนเจียวยิ่งไปกันใหญ่เลยค่ะ ถูกรังแกตามระเบียบ แถมยังเถรตรงไม่มีเหลี่ยมเชิงเลย (ความจริงอยากเล่าช่วงฉากหนึ่งที่หลินกุรำคาญเธอมากๆ แต่เดี๋ยวจะเผลอสปอยไป)จึงเห็นด้วยกะ o-yo ว่าชีวิตในวังไม่เหมาะกับเธอเลย นี่ถ้าได้ไปอยู่ท่ามกลางเสือสิงกระทิงสาวอย่างในเรื่องศึกรักจอมราชันย์ อย่างเอ่อฉุน อี๊อิ๋ง และสนมหยู ตายกับตายเลยค่ะ โชคดีเรื่องนี้ไม่มีใครร้ายเกินพิกัด เทียนเจียวนี่หลินกุให้เธออยู่แผนกขำขันค่ะ ถ้าไม่มีเธอขาดสีสันแย่เลย ขำตอนที่พ่อของเธอถามเรื่องฮ่องเต้เสด็จมาหาบ้างรึเปล่า แล้วเธอบ่นว่า อย่าว่าแต่ฮ่องเต้เลย หน้าตาของเสี่ยวเยี่ยนจื่อ (คนสนิทของฮ่องเต้) ยังไม่ได้เห็นเลย หลินกุขำก๊ากเลยค่ะ ส่วนอ้าวไป้ก็อย่างที่ o-yo ว่าไว้มีทั้งเลวและดีก้ำกึ่งกัน ตอนท้ายจะรู้สึกสงสารมากค่ะ แต่ก็เป็นบทสรุปที่ลงเอยได้ดีค่ะ | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:39 pm | |
| - Andaman พิมพ์ว่า:
- โหย o-yo ดูหนังได้ละเอียดมากๆนะเนี่ย
แต่จริงๆแล้วละครที่สร้างจากประวัติศาสตร์จีนเนี่ย ยังไงตัวละครทั้งหลาย ก็ต้องเกี่ยวเนื่องกันอยู่แล้วล่ะค่ะ เอ แต่ว่าจางอ้อมเริ่ม งง อีกอย่าง คำว่าประวัติศาสตร์ กับ พงศาวดารเนี่ยมันเเตกต่างกันยังไงนะ
สำหรับตัวละครที่จางอ้อมชอบมากที่สุดรองจากคังซี ก็คือองค์ไทเฮาเนี่ยแหละค่ะ เวลาคังซีอยู่กับไทเฮาแล้วน่ารัก น่าเอ็นดูมาก เรียกตัวเองว่า หลานยังโง้น หลานอย่างงี้ น่ารักมาก ถ้าคังซีไม่ได้ไทเฮาช่วยสอน ช่วนเตือนสติ ก็คงไม่เติบโตกลายเป็นฮ่องเต้ที่ดีและยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ ฉากที่จางอ้อมเศร้าสะเทือนใจมาก ก็ตอนที่ทะเลาะกับไทเฮาเนี่ยแหละค่ะ ไม่เล่าดีกว่านะ ไม่แน่ใจว่า o-yo ดูถึงตอนนั้นรึยัง สำหรับฮองเฮานั้น คิดว่าเหมาะสมกับคังซีที่สุดแล้วค่ะ คังซีเลือกคนไม่ผิดจริงๆ ส่วนสุ่ยเยี่ยจะให้มาเป็นฮองเฮาคงทำไมได้หรอกค่ะ เธอไม่มีบารมีมากพอ ออกจะเป็นเด็กอยู่เลย เหมาะจะเป็นนางสนมของฮ่องเต้มากกว่าค่ะ | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:40 pm | |
| - Maremare พิมพ์ว่า:
- พี่แต๋มไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ..รออ่านอยู่นะคะ.........
อ่านซ๋อๆโพสเรื่องประวัติศาสตร์กับหนังแล้ว คิคิอยากจะแจมด้วยแต่ว่าพิมพ์มะเร็ว...ไว้วันหลังจะมาเม้าท์นะคะ ..คิคิบะบายค่ะ | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:43 pm | |
| - tomtam พิมพ์ว่า:
- ตอนที่ 3 หีบทองคำ (เพิ่มเติมหมู่บ้านหลิว)
ลู่เสี่ยวฟงกับกงซุนเช่อเดินทางมาได้ครึ่งทางระหว่างเมืองหลวงกับค่ายเหลียนอิ๋น คุณชายเจ้าสำอางอย่างลู่เสี่ยวฟงไม่ได้พักติดต่อกันสามวันสามคืนเลยอดที่จะโอดครวญไม่ได้ “โอ๊ยพี่รอง นี่ขาท่านทำจากเหล็กหรือไง ขอข้าพักก่อนได้ไหม” ลู่เสี่ยวฟงโวยวายขึ้น “อะไรกันเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกแท้ๆ แค่นี้เจ้าก็บ่นแล้วเหรอ” กงซุนเช่อที่เดินนำอยู่ข้างหน้าหันมาพูดกับเขา “ก็ขาหิวนี่ เหนื่อยด้วย ร้อนก็ร้อน ข้าไม่ได้กินตำราเป็นอาหารแบบท่านนิ ขอพักสักหน่อยไม่ได้หรือไง” ลู่เสี่ยวฟงบ่นพรึมพำพร้อมกับสะบัดพัดถี่ๆ เพื่อไล่ความร้อน “เอ้าอยากพักก็พักสิ ทำไมต้องมาพาลข้าด้วยเล่า” คราวนี้กงซุนเช่อหยุดเดินแล้วหันมาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไม่พาลท่านได้ไง ก็เพราะท่านนั่นแหละทำให้ข้าต้องออกเดินทางมาพร้อมกับหัวหน้าใหญ่ พี่รองท่านรู้มั๊ย หัวหน้าใหญ่หน่ะเดินเร็วซะยิ่งกว่าท่านอีกนะ พวกเราออกจากค่ายเหลียนอิ๋นมาเจ็ดวันเจ็ดคืน ข้าแทบไม่ได้พักเลย แถมพอไปถึงเมืองหลวงก็ต้องเดินทางกลับค่ายทันทีอีก เป็นเพราะท่านหนีมาเสวยสุขอยู่ที่เมืองหลวงอยู่คนเดียวนี่แหละ ไม่ให้ข้าพาลท่านแล้วจะให้ข้าพาลใครหล่ะหะพี่รอง” “เสวยสุขอะไรกัน ข้าเกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่นั่นหล่ะสิไม่ว่า ข้าว่าเจ้าก็พูดให้น้อยๆ หน่อยสิ จะได้ไม่เหนื่อย ไม่หิวน้ำด้วย” กงซุนเช่อเอาหนังสือที่ถืออยู่ตีไปเบาๆ ตรงหน้าผากของลู่เสี่ยวฟง ก่อนจะหันไปสังเกตเห็นอะไรบางอย่างข้างหน้า “เอ๊ะนี่ ข้างหน้ามีร้านน้ำชาริมทางอยู่นิ เราไปพักดื่มน้ำที่นั่นก็แล้วกัน” กงซุนเช่อกล่าว
ฝ่ายลู่เสี่ยวฟงได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รอช้า เขารีบเดินตรงไปยังร้านน้ำชาดังกล่าว เขานั่งลงที่โต๊ะมุมสุดแล้วกางพัดคู่ใจออก ทันใดนั้นเถ้าแก่ของร้านก็ออกมาต้อนรับพอดี “สวัสดีครับคุณชายทั้งสอง ไม่ทราบว่าท่านจะรับอะไรดีครับ” เถ้าแก่กล่าวต้อนรับอย่างเป็นกันเอง “เถ้าแก่ ข้าขอไก่ยาจกอบภูเขาไฟ ปลาตู้เจียนนึ่งน้ำแดง บะหมี่เนื้อตุ๋นห้ารส ขากบหิมะทอดกรอบ อ้อแล้วก็เอานารีแดงมาสามไหนะ” พอลู่เสี่ยวฟงสั่งอาหารเสร็จ ทั้งเถ้าแก่ร้านน้ำชาและกงซุนเช่อก็หันมามองหน้าคนสั่งพร้อมๆ กันแล้วทำตาโต “หา... คุณชาย ร้านเราเป็นแค่ร้านน้ำชาเล็กๆ เท่านั้น ไม่ใช่เหลาใหญ่โต อาหารที่ท่านสั่งมาหน่ะเราไม่มีหรอก” เถ้าแก่อธิบาย “นั่นสิ น้องสี่ เจ้าจะสั่งอะไรก็น่าจะดูสถานที่บ้าง ร้านริมทางเล็กๆ แบบนี้จะมีอาหารที่เจ้าว่าได้ยังกัน” กงซุนเช่อเสริม “ก็ข้าอยากกินนิ ถ้าตอนนี้ยังอยู่ที่เมืองหลวง ก็คงจะได้กินอะไรหรูๆ รายล้อมด้วยสาวๆ มากมาย” คนพูดทำหน้าเพ้อฝันแล้วโบกพัดไปมาช้าๆ เป็นจังหวะ กงซุนเช่อเห็นเช่นนั้นจึงหยิบตะเกียบบนโต๊ะมาโบกขึ้นลงข้างหน้าเขาให้ได้สติ “ทำอะไรหน่ะพี่รอง” ลู่เสี่ยวฟงหันมาทำหน้างงๆ ใส่กงชุนเช่อ “ข้านึกว่าเจ้าเมาแดดจนเพ้อไปซะแล้วหน่ะสิ” กงซุนเช่อยิ้ม “ใครว่าข้าเมา ข้าแค่คิดอะไรเพลินๆ เท่านั้นเอง” ลู่เสี่ยวฟงยิ้มตอบอย่างมีเลิศนัย แน่นอนตอนนี้เขากำลังจินตนาการถึงสาวๆ ขาวๆ อวบๆ ที่เมืองหลวงอยู่ “เออนิ เถ้าแก่ ท่านมีอะไรก็ไปเอามาเถอะนะ” กงซุนเช่อเห็นเถ้าแก่มายืนคอยนานแล้วจึงสั่งอาหารไป “ครับๆ คุณชาย” เถ้าแก่รับคำแล้วรีบเดินตรงไปในครัว แต่ว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็สังเกตเห็นว่าทหารสี่ห้าคนที่นั่งอยู่โต๊ะในสุดกำลังลุกออกจากร้านไปโดยที่ยังไม่ได้ชำระเงิน “เอ่อนายท่านครับนายท่าน พวกท่านยังไม่ได้จ่ายค่าอาหารเลยครับ” เถ้าแก่เดินเข้าไปขวาง “เจ้าว่าอะไรนะ” คนที่เป็นหัวหน้าหันมาถามด้วยสายตาอำมหิต “คะ คือว่าท่านยังไม่ได้จ่ายค่าอาหารครับ” เถ้าตอบเสียงสั่นเมื่อเห็นแววตาของทหารผู้นั้น “แล้วเจ้ารู้มั๊ยว่าข้าเป็นใคร” คนที่เป็นหัวหน้าถามขึ้น “ขะ ข้าน้อยไม่ทราบครับ” เถ้าแก่ตอบอย่างหวาดๆ “งั้นข้าจะบอกเจ้าให้เอาบุญ ข้าคือคนสนิทของเสนาบดีอ๋าวไป้” คนพูดตอบด้วยน้ำเสียงภูมิใจสุดๆ ลู่เสี่ยวฟงซึ่งนั่งอยู่ตรงโต๊ะหัวมุมได้ยินเช่นนั้นก็ตบเท้ากำลังจะลุกขึ้นมาร่วมสนุกด้วย แต่ทว่ากงซุนเช่อดึงแขนเขาเอาไว้ก่อน แล้วส่ายหน้าส่งสัญญาณว่าไม่ให้ไปยุ่งเรื่องคนอื่น “ไต้ท้าวโปรดเมตตาด้วย ข้าค้าขายสุจริต หากทุกคนกินแล้วไม่จ่าย ข้าและครอบครัวคงต้องเดือดร้อนแน่” เถ้าแก่ชี้แจงเหตุผล “เผี๊ยะ” เสียงเถ้าแก่ถูกคนที่เป็นหัวหน้าตบเข้าอย่างเต็มแรง “บังอาจ นี่เจ้าว่าข้าโกงเจ้างั้นเหรอ เจ้ารู้มั๊ยที่ต้าซ่งอยู่ได้ทุกวันนี้เป็นเพราะบารมีของใคร” คนเป็นหัวหน้าหันไปถามลูกน้องที่ยืนอยู่รอบๆ “แน่นอนว่าต้องเป็นท่านเสนาบดีอ๋าว ใช่ไหมพวกเรา” นายทหารผู้เป็นลูกน้องคนหนึ่งพูดขึ้น “ใช่” เสียงทหารคนอื่นๆ กล่าวสนับสนุน “เจ้าเห็นของพวกนี้ไหม” คนเป็นหัวหน้าชี้ไปที่หีบใบใหญ่สองใบที่พวกเขาขนมาด้วย “ข้าเป็นทหารคนสนิทของท่านเสนา กำลังจะเดินทางไปส่งของให้กับท่าน ทหารอย่างพวกเราทำงานหนักมากมาย เพื่อรับใช้บ้านเมืองแล้วก็ชาวบ้านโง่ๆ อย่างเจ้า วันนี้เจ้าทำให้พวกเราต้องเสียเวลา ข้าจะคิดค่าเสียหายกับเจ้าห้าสิบตำลึง ห้ามขาดแม้แต่แดงเดียว” คนเป็นหัวหน้ากล่าว “โอวไต้ท้าว งั้นก็แล้วๆ ไปเถอะนะ มื้อนี้ท่านก็ไม่ต้องจ่ายหรอก” เถ้าแก่ขอร้องเสียงสั่น “ไม่ได้!!! เจ้าต้องไปเอาเงินที่เจ้าขายได้วันนี้มาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ถือว่าเป็นค่าเสียหายที่เจ้าทำให้ข้าส่งของท่านเสนาล่าช้า” หัวหน้าทหารยืนกรานเสียงแข็ง “ไต้ท้าวเมตตาด้วย ข้าเองก็ต้องกินต้องใช้ หากท่าน...” เถ้าแก่พูดยังไม่ทันจบประโยค คนเป็นหัวหน้าก็ชักกระบี่ออกมาจ่อที่คอของเขา “ข้าบอกให้เจ้าไปเอาเงินมา!!!” คนเป็นหัวหน้าตวาดเสียงดัง ทันใดนั้นก็มีเหรียญอีแปะบินเข้ามาตบที่ปากคนพูดอย่างจัง “เฮ้ยใครวะ” คนเป็นหัวหน้ากุมปากตัวเองแล้วหันไปมองรอบๆ พอเห็นชายถือพัดนั่งยิ้มอย่างกวนประสาทอยู่ก็รู้ทันทีว่าต้องเป็นเขา | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:44 pm | |
| - tomtam พิมพ์ว่า:
- “ไอ้หน้าตี๋ นี่เจ้ากล้าล่วงเกินข้างั้นเหรอ” คนเป็นหัวหน้าพุ่งมายังโต๊ะของลู่เสี่ยวฟงด้วยความโกรธ
“พี่รองท่านได้กลิ่นอะไรเหม็นๆ ไหม” ลู่เสี่ยวฟงหันไปพูดกับกงซุนเช่ออย่างใจเย็น นายทหารที่เดินตามมาคนหนึ่งทำจมูกฟุดฟิดแต่ว่าไม่ได้กลิ่นอะไรจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “กลิ่นอะไร ไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลย” “กลิ่นสุนัขรับใช้ไง หลายตัวด้วย” ลู่เสี่ยวฟงตอบด้วยน้ำเสียงยียวน แล้วหัวเราะเพื่อกวนประสาทผู้มาเยือน ฝ่ายกงซุนเช่อก็ได้แต่ส่ายหัวด้วยความระอา ในที่สุดคุณชายลู่ก็ก่อเรื่องจนได้ “บังอาจ นี่เจ้ากล้าว่าหัวหน้าหันเป็นสุนัขงั้นเหรอ” ทหารผู้เป็นลูกน้องคนหนึ่งพูดขึ้น “ฮ่าๆๆ น่าขัน ข้าแค่บอกว่าข้าได้กลิ่น เจ้าต่างหากที่บอกว่าหัวหน้าเจ้าเป็นสุนัข” พูดจบลู่เสี่ยวฟงก็หัวเราะออกมาดังๆ หัวหน้าหันได้ยินเช่นนั้นก็หันมาตบหน้าลูกน้องของตนด้วยความโกรธ ก่อนจะหันมาจัดการกับลู่เสี่ยวฟง “เจ้าคนไม่เจียมตัวเห็นทีวันนี้ข้าต้องสั่งสอนเจ้าซักหน่อยแล้ว” ว่าแล้วหัวหน้าหันก็ส่งสัญญาณสั่งให้ลูกน้องลุย ลู่เสี่ยวฟงสะบัดพัดเก็บแล้วยกกระบี่ขึ้นมาแทน เขารับดาบของทหารทั้งสี่ได้อย่างคล่องแคล่ว ต่อสู้กันได้เพียงครู่เดียวลู่เสี่ยวฟงก็รู้ว่าฝีมือของทหารพวกนี้เทียบกับเขาแล้วยังห่างไกลกันนักจึงโยนกระบี่ให้กับกงซุนเช่อแล้วสะบัดพัดขึ้นมาต่อสู้แทน “วาจาสามหาว” เขาเอาพัดตบไปที่ปากของนายทหารคนหนึ่ง “โกงกินบ้านเมือง” เขาเอาพัดตบหน้าของทหารคนที่ยืนอยู่ถัดไป “ข่มเหงราษฎร” ทหารอีกคนหนึ่งก็ถูกเขาซัดเข้าที่ลำตัวจนกระเด็นล้มลงไป ทหารคนสุดท้ายที่ยังยืนอยู่เห็นเช่นนั้นก็ทำท่าจะวิ่งหนี ลู่เสี่ยวฟงหุบพัดแล้วแทงไปที่ก้นของนายทหารผู้นั้นก่อนจะพูดขึ้นว่า “ขี้ขลาดตาขาว” แล้วเขาก็หัวเราะชอบใจที่ได้ยืดเส้นยืดสายกำหลาบพวกขุนนางโฉด แต่ยังไม่ทันที่ลู่เสี่ยวฟงจะหันหน้ากลับมาก็มีกระบี่พุ่งมาเฉียดเข้าที่ลำคอของเขาจากทางด้านหลัง
หัวหน้าหันจู่โจมลู่เสี่ยวฟงโดยที่เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว ลู่เสี่ยวฟงจึงได้แต่เป็นฝ่ายตั้งรับ เขาหลบกระบี่ของหัวหน้าหันถอยออกมาเรื่อยๆ แต่กระบี่ของหัวหน้าหันก็ยังไม่สามารถทำอะไรเขาได้ “อะไรกันฝีมือเจ้ามีแค่นี้เองงั้นหรือ” ลู่เสี่ยวฟงจงใจพูดยั่วโมโหคนตรงหน้าพรางเอามือปัดกระบี่ที่จู่โจมเขาอยู่ไม่หยุด “งั้นลองไม้ลองตายข้าหน่อยเป็นไง” หัวหน้าหันชักกระบี่กลับแล้วพุ่งออกมาอีกครั้งด้วยความเร็วสูงสุด จุดมุ่งหมายของกระบี่นั้นอยู่ที่หน้าอกข้างซ้ายของลู่เสี่ยวฟง เขาหมายจะปลิดชีวิตคนตรงหน้าเลยทีเดียว ลู่เสี่ยวฟงเองก็ผวะด้วยความตกใจเล็กน้อยก่อนจะเอาพัดของเขารับกระบี่นั้นไว้ แล้วใช้ฝ่ามือส่งพลังวัตรต้านกลับไป จนทั้งกระบี่ทั้งคนถือกระเด็นออกไป “เล่นแรงไปหน่อยรึเปล่า ข้าสู้กับเจ้ามือเปล่า นี่คิดจะฆ่าแกงกันเลยเหรอ” ลู่เสี่ยวฟงถลาเข้ามาตวาดใส่คนตรงหน้าด้วยความโกรธ ว่าแล้วก็ก้มลงมองพัดคู่ใจที่บัดนี้ได้ขาดรุ่งริ้งด้วยแววตาเศร้าเล็กน้อย กงซุนเช่อเห็นลู่เสี่ยวฟงอาละวาดเสร็จก็รีบเดินเข้ามาไกล่เกลี่ย “ไม่เอาน่า น้องสี่ อย่าไปมีเรื่องกับเขาเลย” “ท่านไม่เห็นเหรอ มันทำพัดข้าพังหมดเลย” “เดี๋ยวถึงค่ายเหลียนอิ๋นแล้วข้าจะซื้อให้ใหม่ก็แล้วกันนะ” กงซุนเช่อปลอบ “มันไม่เหมือนกันนิพี่รอง พัดอันนี้หงเผาเค้า... เฮ้อช่างเถอะ แล้วจะให้ทำยังไงกับไอ้พวกนี้หล่ะ” “ก็ปล่อยพวกเขาไปสิ” กงซุนเช่อตอบ “อะไรนะจะให้ปล่อยพวกมันไปง่ายๆ งั้นเหรอ” ลู่เสี่ยวฟงทำท่าไม่ยอม คนเลวๆ แบบนี้ต้องสั่งสอนให้สาสมก่อนแล้วค่อยปล่อยไป “เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร น้องสี่เจ้ารู้ไหมว่า...” ยังไม่ทันที่กงซุนเช่อจะได้อธิบายเหตุผลใดๆ ลู่เสี่ยวฟงก็ตัดบทขึ้นมาก่อน “เอาหล่ะ เอาหล่ะ ปล่อยก็ปล่อย ไม่เห็นต้องเทศน์เลย ข้าว่าท่านเหมาะจะไปบวชกับนักพรตคูที่ช่วงจิงก่า มากกว่ากลับไปอยู่ที่ค่ายเหลียนอิ๋นเสียอีกนะ” ลู่เสี่ยวฟงบ่นพรึมพรำก่อนจะหันไปเห็นพวกทหารซึ่งกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ จึงเกิดไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอีก “เอ้ามองอะไรเหอะ ไม่ได้ยินเหรอว่าท่านนักพรตบอกให้ปล่อยเจ้าแล้ว ยังไม่รีบไปอีก เดี๋ยวจับมาตุ๋นน้ำแกงซะนี่ คนยิ่งหิวๆ อยู่” ลู่เสี่ยวฟงทำท่ายกกระบี่ขึ้น พวกนั้นจึงวิ่งกระจัดกระจายออกไปอย่างไม่คิดชีวิต “จอมยุทธทั้งสอง ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าน้อย” เถ้าแก่เห็นเหตุการณ์สงบแล้วก็รีบวิ่งเข้ามาขอบคุณ “เถ้าแก่อย่าได้เกรงใจ ดูสิ น้องข้าทำร้านเจ้ารกหมดเลย” กงซุนเช่อมองไปรอบๆ ร้านที่ตอนนี้ข้าวของแตกหักเสียหายหมด “เฮ้อเสียเงินซ่อมร้านนิดหน่อย ยังดีกว่าให้ไอ้พวกขุนนางโฉดมันสูบเลือดเสียอีก” ลู่เสี่ยวฟงหันไปปลอบเถ้าแก่ “แล้วหีบพวกนี้หล่ะจะว่าอย่างไรท่านจอมยุทธ” เถ้าแก่ชี้ไปที่หีบสองใบซึ่งตั้งอยู่บนพื้น “ดูพวกมันสิ รักตัวกลัวตายวิ่งหนีไปจนลืมข้าวของ” ลู่เสี่ยวฟงมองหีบนั้นแล้วก็หัวเราะเบาๆ “เมื่อกี๊เขาบอกจะเอาไปส่งเสนาอ๋าวไป้นิ” กงซุนเช่อนึกได้แล้วนั่งลงพิจารณาหีบใบนั้น “ไหนลองเปิดดูสิ” ลู่เสี่ยวฟงผลักให้เถ้าแก่เปิดหีบนั้นออก “มันล๊อกไว้หน่ะครับ” เถ้าแก่ก้มลงมองโลหะที่คล้องหีบอยู่ด้วยความสงสัย “ไม่เห็นยาก” ลู่เสี่ยวฟงชักกระบี่ออกเตรียมตัวจะฟันโลหะนั้นอย่างเต็มแรง “ช้าก่อนน้องสี่เจ้าดูดีๆ สิ หีบนี้มันถูกวางกลไกเอาไว้” กงซุนเช่อรีบเข้ามาห้ามลู่เสี่ยวฟงไว้ “จริงเหรอพี่รอง แล้วท่านแก้ได้ไหม” ลู่เสี่ยวฟงก้มลงมองปรากฏว่าเห็นว่ามีกลไกอยู่จริงๆ “ขอข้าดูก่อน” กงซุนเช่อหยิบโลหะนั้นมาพิจารณาโดยละเอียดอยู่ครู่นึง “ของข้างในคงจะมีค่ามาก ถึงได้วางกลไกไว้แน่นหนาขนาดนี้” ลู่เสี่ยวฟงเอ่ยขึ้น “รอยสลักนี้มันหมุนได้เจ้าเห็นไหม” กงซุนเช่อชี้ให้ลู่เสี่ยวฟงดูใกล้ๆ “จริงด้วยมีตั้งสามวง แล้วเราต้องหมุนไปทางไหนหล่ะ” | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:45 pm | |
| - tomtam พิมพ์ว่า:
- “เท่าที่ข้าเคยเห็นกลไกแบบนี้ จะมีแค่เจ้าของและผู้ที่สร้างมันขึ้นมาเท่านั้นที่รู้รหัส” กงซุนเช่อตอบด้วยสีหน้าหนักใจ
“เราก็ลองหมุนมั่วๆ เดี๋ยวก็ตรงช่องเองนั่นแหละ” ลู่เสี่ยวฟงทำท่าจะเข้าไปลองหมุนกลไกนั้นดู “ไม่ได้ ทำอย่างนั้นอาจมีอันตราย หรือไม่ของในหีบอาจจะเสียหายได้นะ” กงซุนเช่อห้ามลู่เสี่ยวฟงเอาไว้ทัน “ไม่เห็นเป็นไรเลยพี่รอง ของชั่วๆ ของคนชั่วๆ ปล่อยให้มันพังไปเสียเถอะ” “แต่...ข้ารู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นสัญลักษณ์นี้ที่ไหนมาก่อนนะ” กงซุนเช่อพลิกโลหะนั้นไปมาแล้วพิจารณาโดยละเอียดก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นมันมาก่อน “นึกออกแล้ว” ว่าแล้วกงซุนเช่อก็ค่อยๆ หมุนกลไกโลหะที่คล้องอยู่บนหีบช้าๆ จนมีเสียงคลิ๊กดังขึ้น “โอว... ท่านแก้ได้แล้วใช่ไหมพี่รอง” ลู่เสี่ยวฟงถามอย่างตื่นเต้น “อืม แก้ได้แค่วงนอกเท่านั้น ทีนี้ข้าจะลองต่อนะ” กงซุนเช่อค่อยๆ หมุนกลไกวงที่อยู่ตรงกลางต่อไป ไม่นานก็มีเสียงคลิ๊กดังขึ้นอีก “สำเร็จแล้ว พี่รองนี่เก่งจริงๆ เลย” ลู่เสี่ยวฟงลุ้นอยู่ข้างๆ ด้วยอาการตื่นเต้น กงซุนเช่อเองก็มีเหงื่อผุดขึ้นมาบนใบหน้านิดหน่อย เขาก้มมองกลไกวงที่อยู่ด้านในสุดด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อย เพราะไม่แน่ใจว่าตนเองจะสามารถแก้ได้หรือไม่ เขาหมุนกลไกตัวสุดท้ายอย่างระมัดระวังที่สุด ทำเอาทั้งลู่เสี่ยวฟงและเถ้าแก่ลุ้นไปตามๆ กัน และแล้วก็มีเสียงคลิ๊กดังขึ้นอีก “เย่ สำเร็จแล้ว” เถ้าแก่กับลู่เสี่ยงฟงลุกขึ้นมากระโดดกอดกันด้วยความดีใจ ส่วนกงซุนเช่อนั่งหอบอยู่เหมือนคนเป็นโรคหัวใจ พอตั้งสติได้เขาก็ค่อยๆ เปิดฝาหีบนั้นออก ทันใดนั้นก็ปรากฏแสงแวววับจับตา เพราะหีบทั้งใบบรรจุด้วยทองคำเต็มหีบ “โอ้โหวววววว” ทั้งสามร้องขึ้นพร้อมๆ กัน แล้วจ้องมองก้อนทองคำเหล่านั้นโดยปราศจากคำพูดไปเกือบนาที “เฮ้อ ชาวบ้านตาดำๆ มีข้าวให้กินมื้อหนึ่งก็ถือว่าโชคดีแล้ว แต่ขุนนางโฉดกลับมีสมบัติมากมายขนาดนี้ โลกนี้ช่างอยุติธรรมเสียจริงๆ เลย” กงซุนกล่าวออกมาด้วยจิตใจอันโศกสลด หลายปีมานี้ราชสำนักเรียกเก็บเงินภาษีระบบใหม่โดยอาศัยเรื่องศึกสงครามกับต้าเหลียวมาเป็นข้ออ้าง ประชาชนที่ลุกขึ้นมาต้อต้านก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ ค่ายเหลียนอิ๋นทำการต่อสู้ปกป้องชายแดนต้าซ่งมาหลายปี ต้องสูญเสียเหล่าผู้กล้าไปมากมาย แต่ก็ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจากทางการเลยแม้แต่น้อย ที่เหลียนอิ๋นอยู่ได้ทุกวันนี้เป็นเพราะพี่น้องภายในค่ายร่วมแรงร่วมใจกัน ประกอบกับชาวบ้านในละแวกนั้นนำข้าวของเครื่องใช้และอาหารที่จำเป็นมามอบให้เพื่อเป็นการตอบแทน หลังจากกงซุนเช่อทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หันไปพูดกับลู่เสี่ยวฟงว่า “น้องสี่เดี๋ยวเจ้าเอาเงินพวกนี้แบ่งเป็นสี่ส่วนเท่าๆ กันนะ” “อะไรกันพี่รองเรามีกันแค่สามคน แบ่งเป็นสี่ส่วนทำไมให้ยุ่งยาก” ลู่เสี่ยวฟงทำหน้าตาสงสัย “เจ้าทำตามที่ข้าว่าก็พอ เออจริงสิ เถ้าแก่ข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่านด้วยนะ” กงซุนเช่อหันมาทางเถ้าแก่ “ยินดีๆ ท่านจอมยุทธมีอะไรก็ว่ามาได้เลย” เถ้าแก่รีบรับปาก “งั้นก็ดี ข้าอยากทราบว่าที่เมืองนี้ มีวัด สถานกำพร้า และโรงทานทั้งหมดกี่แห่ง” กงซุนเช่อถาม “สถานกำพร้าหน่ะมีไม่กี่แห่งหรอก ที่ข้าจำได้ก็มีแค่สี่แห่ง แต่วัดกับโรงทานมีอยู่สิบกว่าแห่งเห็นจะได้” เถ้าแก่ตอบ
หลังจากนั้นกงซุนเช่อลู่เสี่ยวฟงและเถ้าแก่ก็นำเงินสามส่วนไปบริจาคให้กับสถานกำพร้า โรงทาน และวัดทุกแห่งในเมืองนั้น กว่าจะเสร็จก็ถึงเวลาพลบค่ำพอดี พวกเขาจึงจำเป็นต้องหาที่พักค้างแรมในเมืองเสียก่อน “นี่น้องสี่เจ้าจะไปไหนหน่ะ” กงซุนเช่อทักขึ้นเมื่อเห็นลู่เสี่ยวฟงกำลังเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมซึ่งมีลักษณะคล้ายกับหอนางโลม “ถามได้พี่รอง วันนี้เราช่วยทั้งพระ เด็ก และคนชรามาก็หมดแล้ว ท่านจะใจดำไม่ช่วยสาวๆ พวกนี้หรือไงกัน” ลู่เสี่ยวฟงหันมาทำหน้าตากรุ้มกริ่มใส่กงซุนเช่อที่ยืนเขินอยู่หน้าโรงเตี๊ยม แล้วก็หันกลับไปมองบรรดาสาวงามที่กวักมือเรียกเขาด้วยความเสน่หา | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:46 pm | |
| - tomtam พิมพ์ว่า:
- “คุณชายคะเชิญทางนี้ค่า...” นางโลมในชุดสีชมพูคนหนึ่งเรียกลู่เสี่ยวฟงด้วยเสียงหวานหยดย้อย
“คุณชายผู้ใจบุญ วันนี้ท่านต้องช่วยข้านะค้า...” สาวในชุดเหลืองอ่อนครวญเบาๆ แล้วส่งสายตายั่วยวนให้กับลู่เสี่ยวฟง “เจ้าเอาคนน้องไปนะ ข้าชอบคนพี่ น่ารักจริ๊งจริง...” สาวในชุดเขียวอีกคนสบทบขึ้น ยังไม่ทันที่ลู่เสี่ยวฟงจะก้าวขาออกไป กงซุนเช่อก็ตบที่บ่าของเขาแล้วพูดขึ้นว่า “นับว่าเราพี่น้องมีจิตใจตรงกัน” ว่าแล้วกงซุนเช่อก็เดินตัวปลิวเข้าไปยังหอนางโลมนั้นทันที ทิ้งให้ลู่เสี่ยวฟงกับเถ้าแก่ยืนอ้าปากค้างอยู่ข้างนอก พอได้สติพวกเขาก็วิ่งตามเข้าไป เห็นกงซุนเช่อยืนคุยอยู่กับแม่เล้าและนางโลมกลุ่มหนึ่ง “ท่านแม้เล้า ไม่ทราบว่าท่านมีพวกสาวๆ ที่อายุน้อยกว่านี้ไหม” กงซุนเช่อเอ่ยถามแม่เล้าอย่างสุภาพ “อู๊ยมีสิคะ ท่านจะเอาอายุเท่าไหร่ข้าก็มีหมด สิบห้า สิบหก หรือว่า สิบแปดดีหล่ะคะ” แม่เล้ายิ้มตอบ “ข้าอยากได้ที่อายุน้อยที่สุดหน่ะ” กงซุนเช่อกล่าว ฝ่ายลู่เสี่ยวฟงที่เดินตามเข้ามาถึงกับหน้าถอดสี นี่หัวหน้ารองของค่ายเหลียนอิ๋นวิปริตชอบเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะหรือนี่ “เด็กๆ หน่ะมี แต่เกรงว่าจะปรนนิบัติคุณชายไม่ถูกใจหน่ะสิคะ เอาอย่างนี้ข้าจะให้หงอี้ดูแลท่านคืนนี้ก็แล้วกันนะคะ นางแค่สิบหกเท่านั้นเอง แต่เรื่องอย่างว่ารับรองท่านไม่ผิดหวังแน่นอน” แม่เล้าดึงนางโลมชุดเขียวเข้ามา นางเองก็แกล้งทำเป็นเซเข้าสู่อ้อมอกของกงซุนเช่อ ฝ่ายกงซุนเช่อเห็นเช่นนั้นก็ผวะเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ประคองนางให้ยืนตามเดิม “ไม่จะดีกว่า ข้าอยากดูพวกเด็กๆ หวังว่าท่านแม่เล้าจะช่วยส่งเสริม” ว่าแล้วกงซุนเช่อก็หยิบตั๋วเงินขึ้นมาใบหนึ่ง หลังจากแม่เล้าดูจำนวนเงินในตั๋วแล้ว นางก็รีบพากงซุนเช่อมายังอีกห้องหนึ่งซึ่งตั้งอยู่หลังร้าน ในห้องนั้นมีเด็กสาวร่วมสิบคน แต่ละคนอายุไม่เกินสิบขวบ “คุณชายใหญ่ไม่ทราบว่าคืนนี้ท่านจะเอาคนไหนดีคะ” แม่เล้าชี้ไปที่บรรดาเด็กสาวซึ่งนั่งคุดคู้สะอื้นไห้ด้วยความหวาดกลัว “ข้าเอาหมดนี่เลย” กงซุนเช่อตอบ เล่นเอาทั้งแม่เล้า เถ้าแก่ และลู่เสี่ยวฟงหันมามองหน้ากัน “เอ่อพี่รอง ท่านชอบเด็กข้าก็ไม่ว่าหรอก แต่จะเล่นแบบหมู่เนี้ยข้าไม่ถนัด ยังไงคืนนี้ข้าไม่ช่วยนะ” ลู่เสี่ยวฟงกระซิบเบาๆ ข้างๆ หูกงซุนเช่อ “เจ้าจะบ้าเหรอะ เล่นหม่งเล่นหมู่อะไรกัน ไหนเจ้าว่าอยากจะช่วยสตรีที่นี่ไง ข้าก็เลยเข้ามา นี่ท่านแม่เล้าไม่ทราบว่าหากข้าต้องการไถ่ตัวเด็กสาวทุกคนในที่นี้ต้องใช้เงินทั้งหมดเท่าไหร่” กงซุนเช่อหันไปพูดกับแม่เล้า “ท่านแน่ใจเหรอคะ เด็กคนหนึ่งก็ห้าสิบตำลึง สิบคนก็ห้าร้อยตำลึงเชียวนะคะ” แม่เล้ากล่าวอย่างไม่แน่ใจว่ากงซุนเช่อจะยอมจ่ายเงินมากมายเพื่อไถ่ตัวเด็กๆ พวกนี้เชียวหรือ ฝ่ายกงซุนเช่อเห็นเช่นนั้นก็หยิบตั๋วเงินออกมาอีกสี่ใบแล้วส่งให้กับแม่เล้า เช่นเดิมพอนางเห็นตัวเลขในตั๋วก็ตาโตรีบนำสัญญาซื้อขายตัวของเด็กทุกคนออกมาให้กงซุนเช่อทันที จากนั้นกงซุนเช่อก็พาพวกเด็กๆ ออกมาข้างนอก เขามอบตั๋วเงินให้เด็กพวกนั้นไปคนละใบแล้วสั่งให้กลับบ้านไปหาพ่อแม่ อย่าได้กลับมาที่นี่อีก พวกเด็กๆ ก้มลงขอบคุณด้วยความดีใจก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านไป ส่วนลู่เสี่ยวฟงก็ยืนทำหน้าหมดอารมณ์อยู่ตรงนั้น “ท่านจอมยุทธท่านช่างมีจิตใจเมตตาจริงๆ เลย” เถ้าแก่กล่าวกับกงซุนเช่อด้วยความชื่นชมจากใจจริง “ข้าเองก็ต้องขอบคุณท่านเช่นกัน นี้เป็นตั๋วเงินใบสุดท้ายที่เหลืออยู่ ท่านเอาไว้ใช้ซ่อมแซมร้านน้ำชาของท่านเถิด” กงซุนเช่อส่งตั๋วเงินใบสุดท้ายให้กับเถ้าแก่ ทีแรกเถ้าแก่ก็ยืนกรานไม่รับ แต่พอกงซุนเช่ออธิบายเหตุผลที่เขาและลู่เสี่ยวฟงทำให้เถ้าแก่ต้องเดือดร้อนและมีเรื่องกับคนของทางการ เขาก็ยอมรับไว้ก่อนจะล่ำลาและเดินทางกลับบ้านของตนไป ตอนนี้จึงเหลือเพียงลู่เสี่ยวฟงและกงซุนเช่อเดินทางออกจากเมืองด้วยกันท่ามกลางแสงจันทร์ยามค่ำคืน “เฮ้อดีจริงๆ เลยตอนนี้ก็มืดแล้ว เงินก็ให้เขาไปหมดแล้ว ทีนี้พวกเราจะไปซุกหัวที่ไหนกันดีหล่ะ” ลู่เสี่ยวฟงอดที่จะพูดจาประชดประชันกงซุนเช่อไม่ได้ ฝ่ายกงซุนเช่อยิ้มนิดหนึ่งก่อนจะพูดกลับไปว่า “ไม่ต้องมาทำพูดดีไปหรอกคุณชายลู่ ไม่ว่าข้าจะทำอะไรเจ้าก็คอยขัดตลอด แต่ข้าสังเกตเห็นว่าวันนี้ตั้งแต่เช้าจรดเย็นเจ้าก็ช่วยข้าตลอดเช่นกัน หากเจ้าคิดจะคัดค้านข้าจริงๆ มีหรือจะทำไม่ได้ ถ้าเจ้ารู้สึกดีที่ได้ทำความดีก็จงแสดงออกมาเถิด อย่าได้มาแสแสร้งกับข้าเลย” ลู่เสี่ยวฟงได้ยินเช่นนั้นก็เงียบ พูดอะไรไม่ถูก นับว่ากงซุนเช่ออ่านใจเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง แม้ว่าลู่เสี่ยวฟงจะเป็นคนที่ปากเสีย ชอบพูดจาขัดหูคนอื่น แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนที่จิตใจดี ไม่เคยหวังผลประโยชน์จากใคร แม้รากฐานของตระกูลลู่จะเป็นพวกผู้ดีเก่า แต่เขาก็ไม่ใช่คนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เขาสามารถนอนกลางดินกินกลางทราย และร่วมเป็นร่วมตายกับพี่น้องได้ทุกเมื่อ ค่ำคืนนั้นทั้งคู่จึงอาศัยต้นไม้เป็นชายคา ก่อนจะออกเดินทางกลับค่ายเหลียนอิ๋นต่อไปในเช้าวันถัดมา...
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:47 pm | |
| - tomtam พิมพ์ว่า:
- [color=red](เพิ่มเติมหมู่บ้านหลิว)
เช้าวันหนึ่ง ณ หมู่บ้านหลิวซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากเมืองไคเฟิงมากนัก หญิงสาวร่างเล็กในชุดชาวบ้านกำลังร่ายรำเพลงกระบี่อย่างคล่องแคล่ว ผ่านไปกระบวนท่าที่หนึ่ง กระบวนที่ท่าสอง กระบวนที่ท่าสาม นางร่ายรำได้อย่างเชี่ยวชาญ แต่พอเริ่มขึ้นกระบวนท่าที่สี่ หญิงสาวกลับมีท่าทางสับสน ไม่แน่ใจในเพลงกระบี่ของตน แต่นางก็ยังฝืนร่ายรำต่อไป ระหว่างนั้นก็ปรากฏชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ด้านหลังต้นไม้ เขาเฝ้าดูนางโดยที่นางไม่รู้ตัวได้สักพัก แล้วเขาก็ก้มลงหยิบก้อนหินขึ้นมา ดีดไปที่หัวเข่าของนาง จนหญิงสาวล้มลง “โอ๊ย” หญิงสาวใช้กระบี่ยันพื้นเพื่อประคองตัวเองลุกขึ้นก่อนจะหันไปหาที่มาของก้อนหิน แต่ก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า “ท่านพ่อ” นางร้องขึ้น ทว่าผู้เป็นบิดากลับยืนนิ่งไม่พูดอะไร “ท่านพ่อ ข้าขอโทษ ต่อไปข้าจะไม่แอบมาฝึกวรยุทธอีกแล้ว” คนพูดสีหน้าสลดด้วยความรู้สึกสำนึกผิด “ยังกล้าเรียกข้าว่าพ่ออีกงั้นเหรอ” คนเป็นพ่อตอบน้ำเสียงเรียบ “ท่านพ่อ!!!” หญิงสาวเรียกพร้อมกับมีน้ำตาคลอๆ นางรู้สึกว่าคำพูดของผู้เป็นบิดาช่างฟังดูเย็นชาเสียเหลือเกิน “ข้ารู้ ข้าไม่ดีเอง ข้ารู้ว่าท่านไม่อยากให้ข้าฝึกวรยุทธ แต่ว่าท่านแม่...” นางพูดยังไม่ทันสิ้นประโยค ผู้เป็นบิดาก็แทรกขึ้นว่า “รู้แล้วยังทำ เจ้าไม่ต้องยกแม่เจ้ามาอ้างหรอก ข้าไม่อยากฟัง” พูดจบคนเป็นพ่อก็ทำท่าจะเดินจากไป “แต่ยังไงข้าก็ต้องแก้แค้นให้ท่านแม่ให้ได้” หญิงสาวค้าน เมื่อผู้เป็นบิดาเห็นนางยังยืนกรานเช่นนั้นก็ชะงักฝีเท้า แล้วหันกลับมาพูดกับนางว่า “น่าขัน วรยุทธระดับเจ้า... อย่าว่าแต่แก้แค้นเลย แค่เอาตัวรอดก็นับว่ายากแล้ว” ผู้เป็นบิดากล่าว หญิงสาวเองก็รู้ตัวดีว่าวรยุทธของตนแค่ระดับปลายแถว แม้ตลอดหลายปีที่ผ่านนางจะขยันฝึกซ้อม แต่วรยุทธของนางก็ไม่ก้าวหน้าเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากไม่ได้รับการชี้แนะที่ถูกต้อง “งั้นท่านก็สอนข้าสิ ข้าจะได้เก่งเหมือนกับท่าน เป็นจอมยุทธอันดับหนึ่ง” หญิงสาวตอบ “จอมยุทธอันดับหนึ่งอะไร ซุนซิ่งตายไปนานแล้ว ตอนนี้พ่อของเจ้าหน่ะถือกระบี่ยังไม่มั่นเลย” ผู้เป็นบิดากล่าว “ไม่จริง ข้าเชื่อว่าหากท่านพ่อกลับคืนสู่ยุทธภพ ต้องไม่มีใครสามารถเอาชนะท่านได้แน่” หญิงสาวกล่าวด้วยความมั่นใจ “ไร้เทียมทานแล้วไง ขนาดครอบครัวข้ายังรักษาเอาไว้ไม่ได้เลย เป็นจอมยุทธแล้วมีประโยชน์อะไร หึหึหึ” คนพูดหัวเราะแต่น้ำเสียงกลับฟังดูปวดร้าว หลายปีที่ผ่านมานี้เขากับลูกสาวต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ กินไม่เต็มอิ่ม นอนไม่เต็มตา แม้แต่ผู้เป็นภรรยาที่เขารักที่สุดก็ต้องมาจากไปเพราะเขา เขาจึงตัดสินใจแล้วว่าชาตินี้จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวของยุทธภพอีกต่อไป “ท่านพ่อ ท่านจะไปไหน” หญิงสาวตะโกนไล่หลังเมื่อเห็นผู้เป็นบิดากำลังจะเดินจากไป ทว่าไม่มีคำตอบใดๆ จากผู้เป็นพ่อ “ท่านจะไปดื่มเหล้าอีกแล้วใช่ไหม” นางถามซ้ำด้วยน้ำเสียงเศร้า ทุกครั้งที่พ่อนางโกรธเขาจะดื่มเหล้ามากมายจนควบคุมสติไม่ได้ นางไม่ชอบเห็นภาพบิดาเป็นเช่นนั้นเลย “เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย” คนเป็นพ่อตอบน้ำเสียงเรียบ “แต่ท่านสัญญากับข้าแล้วว่าจะไม่ดื่มอีก” คนพูดน้ำตาคลอ “เจ้าก็สัญญากับข้าว่าจะไม่ฝึกวรยุทธ ในเมื่อเจ้าไม่รักษาสัญญาแล้วทำไมข้าต้องรักษาด้วยหล่ะ” คนเป็นพ่อพูดจบแล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้บุตรสาวยืนน้ำตานองหน้าอยู่ตรงนั้น แท้จริงแล้วบิดาของหญิงสาว คือ ซุนซิ่งอดีตมือกระบี่อันดับหนึ่งของแผ่นดิน สิบสี่ปีก่อนเขาถูกใส่ร้ายจากราชสำนักว่าเป็นกบฏ และต้องสูญเสียภรรยาไปขณะทำการหลบหนี ตอนนั้นบุตรสาวเขาอายุได้เพียงสี่ขวบเท่านั้น เมื่อหนีรอดมาได้เขาก็ปฏิญาณเอาไว้ว่าจะไม่ใช้กระบี่อีก สิบสี่ปีที่ผ่านมานี้เขากับลูกสาวหลบซ่อนตัวจากยุทธภพมาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านหลิวแห่งนี้โดยเปลี่ยนชื่อเป็นหลิวซิ่งกับหลิวเส่เยี่ย
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:48 pm | |
| - tomtam พิมพ์ว่า:
- หลังจากแยกกับผู้เป็นบิดาแล้ว ซุนเส่เยี่ยก็เดินเหม่อคิดอะไรมาเรื่อยๆ พอรู้สึกตัวอีกที นางก็มาอยู่กลางตลาดในเมืองเสียแล้ว วันนี้ตลาดดูคึกคักเป็นพิเศษ มีข้าวของตั้งขายมากมาย เส่เยี่ยพยายามเดินดูของที่น่าสนใจ เพื่อลืมความรู้สึกไม่สบายใจทิ้งไปให้หมด แล้วสายตาของนางก็ไปสะดุดอยู่ที่ร้านขายพัดแห่งหนึ่ง ในร้านมีช่างเขียนอักษรจีนอยู่ด้วย ผู้ซื้อสามารถเลือกบทกลอนที่ตนประทับใจแล้วสั่งให้ช่าง เขียนอักษรลงบนพัดได้ทันที เส่เยี่ยเข้าไปเลือกดูอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็สะดุดตาเข้ากับพัดไม้จันทร์สีขาว นางจึงตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาดู แต่ทว่า...มีอีกมือหนึ่งชิงหยิบพัดอันนั้นขึ้นมาก่อน
“เถ้าแก่ครับพัดอันนี้ราคาเท่าไหร่” ชายหนุ่มเอ่ยถามเจ้าของร้าน เส่เยี่ยมองตามคนถือพัด นางรู้สึกว่าเขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี มีลักษณะจอมยุทธ ดูสุภาพเรียบร้อย ไม่เหมือนคนแถวนี้เลย “ยี่สิบอีแปะเองน้องชาย ไม่แพงนะ” เถ้าแก่ท่าทางใจดีตอบ “น้องเสี่ยวฟงต้องชอบแน่ๆ” ชีเส้าเฟยพูดกับตัวเอง ว่าแล้วเขาก็หยิบเงินออกมาจ่าย ทันใดนั้นก็หันไปเห็น หญิงสาวร่างเล็กกำลังจ้องมองมาทางเขาอยู่ เขาจึงมองกลับไป ชั่วขณะที่สายตาของทั้งคู่ประสานกัน โลกทั้งใบเหมือนกับหยุดหมุน สายลมเหมือนกับหยุดพัด เสียงตลาดที่จอแจกลับเงียบสลัด ยามชีเส้าเฟยมองผ่านดวงตาคู่นั้นของนาง มันทำให้เขารู้สึกสับสนเหมือนกับต้องมนต์สะกด เขาหยุดหายใจไปเกือบนาที ก่อนจะได้สติแล้วหันไปถามนางว่า “แม่นาง พัดอันนี้ เจ้าจะซื้องั้นหรือ” ชีเส้าเฟยถามอย่างสุภาพ แต่หญิงสาวไม่ตอบอะไร นางหันหลังแล้วเดินออกจากร้านไปทันที ทิ้งให้ชายหนุ่มมองตามด้วยความประหลาดใจ แม้จะไม่เคยรู้จักนางมาก่อน แต่ชีเส้าเฟยกลับรู้สึกว่าเขาไม่อาจลืมแววตาคู่นั้นของนางได้ แววตาที่สะท้อนให้เห็นถึงเรื่องราวต่างๆ มากมาย เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกพิเศษบางอย่าง ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน หวังว่าคงมีโอกาสได้พบนางอีก...
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
หลังจากที่ได้เดินเที่ยวตลาดสักพัก เส่เยี่ยก็อารมณ์ดีขึ้นมาก เมื่อเห็นว่าเริ่มเย็นแล้วนางจึงตัดสินใจเดินทางกลับหมู่บ้าน เส่เยี่ยคิดในใจว่า เมื่อกลับถึงบ้านแล้วสิ่งแรกที่นางจะทำก็คือขอโทษผู้เป็นบิดา นางจะลืมเรื่องแก้แค้นให้หมด เพราะมารดาของนางก็ได้ตายไปนานแล้ว สำคัญที่สุดคือคนที่ยังอยู่ ต่อไปนี้นางจะดูแลพ่อของนางให้ดีที่สุด พ่อคือสิ่งเดียวที่นางยังเหลืออยู่บนโลกใบนี้
ก้าวแรกที่เส่เยี่ยย่างเข้าสู่เขตหมู่บ้านหลิว นางรู้สึกว่ามีสิ่งผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น หมู่บ้านไม่เคยเงียบเช่นนี้มาก่อน นางจึงเร่งฝีเท้าเพื่อให้ถึงบ้านเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และแล้วนางก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อสังเกตเห็นว่า มีกลุ่มควันลอยมาจากบ้านของนางซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา เมื่อเส่เยี่ยเดินมาถึงบ้าน นางก็พบว่าบ้านของนางกำลังลุกโชติไปด้วยไฟ เส่เยี่ยตกใจมาก นางแทบจะคุมสติไว้ไม่อยู่ ยังไม่ทันที่นางจะคิดอะไรออก นางก็วิ่งฝ่ากองเพลิงเข้าไปในบ้านอย่างไม่คิดชีวิต “ท่านพ่อ ท่านพ่อ ท่านพ่อ” เส่เยี่ยตะโกนเรียกอยู่อย่างนั้นเมื่อไม่เห็นผู้เป็นบิดา “ทะ ท่านพ่อ ท่านอยู่ไหน” ตอนนี้ในบ้านเต็มไปด้วยควันไฟทำให้เส่เยี่ยมองอะไรไม่เห็น อีกทั้งควันเหล่านั้นยังทำให้นางหายใจไม่สะดวก นางสำลักควันจนน้ำตาไหล “ท่านพ่อ ข้ามาแล้ว ข้าขอโทษ.... ท่านอยู่ไหน.... ท่านพ่อ....” เส่เยี่ยไม่ละความพยายาม นางยังคงตะลุยลึกเข้าไปในกองเพลิงโดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่า ตลอดทางที่นางเดินผ่านเข้ามานั้นเต็มไปด้วยไฟที่โหมกระหน่ำขึ้นทุกที ตอนนี้แม้คิดจะเดินกลับออกไปก็ยากเสียแล้ว
แต่แล้วสิ่งที่เส่เยี่ยเห็นก็ทำให้นางแทบทรุดลงกับพื้น ภาพบิดาของนางนอนสงบนิ่งจมกองเพลิงอยู่ตรงหน้า “ท่านพ่อ!!!” เส่เยี่ยตะโกนสุดเสียง น้ำตาของนางไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เส่เยี่ยวิ่งตรงไปยังร่างของผู้เป็นบิดาอย่างไม่คิดชีวิต แต่ทว่ายังไม่ทันที่นางจะก้าวไปถึง คานไม้ด้านบนก็ถล่มลงมากระทบศีรษะของนางพอดี เส่เยี่ยเซล้มลงไป ก่อนที่นางจะสลบ นางรู้สึกว่ามีร่างสูงใหญ่โผเข้ามารับนางไว้ หลังจากนั้นนางก็หมดสติไป ทุกอย่างกลายเป็นความมืด และความว่างเปล่า... | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:50 pm | |
| | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:50 pm | |
| - Andaman พิมพ์ว่า:
- จางแต๋มรีบมาอัพฟิคตอนต่อไปด่วนนนน
จางอ้อมอยากอ่าน ชีเส้าเฟย กับคังซื่อ จะแย่แล้วเนี่ย ตอนนี้ คุณชายลู่ท่านช่างร้ายกาจจริงๆ โดยเฉพาะประโยคนี้
"เอ่อพี่รอง ท่านชอบเด็กข้าก็ไม่ว่าหรอก แต่จะเล่นแบบหมู่เนี้ยข้าไม่ถนัด ยังไงคืนนี้ข้าไม่ช่วยนะ”
55555 ในใจคิดอยู่เรื่องเดียวรึไงยะ อยากจะบร้า ลามกเจงๆ เสปคจางอ้อมเลยนะนั่น กรี๊ดดดด
ไม่เอาๆๆ อย่าเข้ามาในหัวใจจางอ้อมนะ คุณชายลู่ ไม่มีที่จะให้ยืนเบียดกันแล้วเนี่ย ท่องไว้ๆๆๆ ชีเส้าเฟยๆๆๆๆ | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:50 pm | |
| | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:52 pm | |
| ได้เลยค่ะแต๋ม ขอตัวละครในเรื่องของจางพี่หมดเลยยังได้ หลินกุจะได้เก็ดมุขแล้วก็รู้จักตัวละครอย่างดี ใช่มือปราบหันตาสีฟ้าจริงด้วย คริๆ ความจริงชอบตานี่นะ มีสองบุคลิก ร้าย เหี้ยม โหด แล้วยังมีต๊องและชวนขำขันด้วยอ่ะ
แม่นางเส่เยี่ย ขอแบบเก่งทั้งบุ๋นแบะบู๊นะคะ ขอนางเอกมีวรยุทธ์ ฉลาดๆ ค่ะ จะเขียนให้รันทดยังไงก็แล้วแต่ซ้อสี่ แต่ขอบุคลิกอย่างที่หลินกุว่านะคะ ไม่ชอบนางเอกอ่อนแอและโง่ค่ะ อ้อ..สำมะคัญ อย่าให้นางเอกมากรักหลายใจนะคะ หลินกุแอนตี้นางเอกประเภทนี้ค่ะ โฮะๆ แต๋มเขียนอีกไวๆนะคะ อยากอ่านนางเอกออกโรงเต็มทีแระ :wink:
คุณชายลู่ฯ เป็นการยากค่ะที่จะจิ้นเป็นอี้เจี้ยน หน้าคุณชายจิ๊เสี่ยวหงส์ลอยมาแต่ไกลเลยค่ะ ตลกจางอ้อมข้างบนอ่ะ คุณชายลู่ท่านช่างลามกจกเปรต แต่ก็น่ารัก ขืนเข้าไปในใจจางอ้อมเธอคงสับสนน่าดู คริๆ
จริงด้วย แต๋มช่างสังเกต(อีกแระ) มุมบนด้านขวาเป็นชื่อช่อง CHC อย่างที่แมนนิ่งว่าไว้จริงด้วย ไม่รุทำไมเวลาโฆษณาเกี่ยวกับเรื่องนี้ถึงโฆษณาที่ช่อง cctv6 ก็ไม่รุ แล้ว Tralier ต่างๆ ก็อยู่ช่องนี้หมดเลยนะคะเนี่ย งง | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:52 pm | |
| - tomtam พิมพ์ว่า:
- (เพิ่มเติมหมู่บ้านหลิว)
เช้าวันหนึ่ง ณ หมู่บ้านหลิวซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากเมืองไคเฟิงมากนัก หญิงสาวร่างเล็กในชุดชาวบ้านกำลังร่ายรำเพลงกระบี่อย่างคล่องแคล่ว ผ่านไปกระบวนท่าที่หนึ่ง กระบวนที่ท่าสอง กระบวนที่ท่าสาม นางร่ายรำได้อย่างเชี่ยวชาญ แต่พอเริ่มขึ้นกระบวนท่าที่สี่ หญิงสาวกลับมีท่าทางสับสน ไม่แน่ใจในเพลงกระบี่ของตน แต่นางก็ยังฝืนร่ายรำต่อไป ระหว่างนั้นก็ปรากฏชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ด้านหลังต้นไม้ เขาเฝ้าดูนางโดยที่นางไม่รู้ตัวได้สักพัก แล้วเขาก็ก้มลงหยิบก้อนหินขึ้นมา ดีดไปที่หัวเข่าของนาง จนหญิงสาวล้มลง “โอ๊ย” หญิงสาวใช้กระบี่ยันพื้นเพื่อประคองตัวเองลุกขึ้นก่อนจะหันไปหาที่มาของก้อนหิน แต่ก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า “ท่านพ่อ” นางร้องขึ้น ทว่าผู้เป็นบิดากลับยืนนิ่งไม่พูดอะไร “ท่านพ่อ ข้าขอโทษ ต่อไปข้าจะไม่แอบมาฝึกวรยุทธอีกแล้ว” คนพูดสีหน้าสลดด้วยความรู้สึกสำนึกผิด “ยังกล้าเรียกข้าว่าพ่ออีกงั้นเหรอ” คนเป็นพ่อตอบน้ำเสียงเรียบ “ท่านพ่อ!!!” หญิงสาวเรียกพร้อมกับมีน้ำตาคลอๆ นางรู้สึกว่าคำพูดของผู้เป็นบิดาช่างฟังดูเย็นชาเสียเหลือเกิน “ข้ารู้ ข้าไม่ดีเอง ข้ารู้ว่าท่านไม่อยากให้ข้าฝึกวรยุทธ แต่ว่าท่านแม่...” นางพูดยังไม่ทันสิ้นประโยค ผู้เป็นบิดาก็แทรกขึ้นว่า “รู้แล้วยังทำ เจ้าไม่ต้องยกแม่เจ้ามาอ้างหรอก ข้าไม่อยากฟัง” พูดจบคนเป็นพ่อก็ทำท่าจะเดินจากไป “แต่ยังไงข้าก็ต้องแก้แค้นให้ท่านแม่ให้ได้” หญิงสาวค้าน เมื่อผู้เป็นบิดาเห็นนางยังยืนกรานเช่นนั้นก็ชะงักฝีเท้า แล้วหันกลับมาพูดกับนางว่า “น่าขัน วรยุทธระดับเจ้า... อย่าว่าแต่แก้แค้นเลย แค่เอาตัวรอดก็นับว่ายากแล้ว” ผู้เป็นบิดากล่าว หญิงสาวเองก็รู้ตัวดีว่าวรยุทธของตนแค่ระดับปลายแถว แม้ตลอดหลายปีที่ผ่านนางจะขยันฝึกซ้อม แต่วรยุทธของนางก็ไม่ก้าวหน้าเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากไม่ได้รับการชี้แนะที่ถูกต้อง “งั้นท่านก็สอนข้าสิ ข้าจะได้เก่งเหมือนกับท่าน เป็นจอมยุทธอันดับหนึ่ง” หญิงสาวตอบ “จอมยุทธอันดับหนึ่งอะไร ซุนซิ่งตายไปนานแล้ว ตอนนี้พ่อของเจ้าหน่ะถือกระบี่ยังไม่มั่นเลย” ผู้เป็นบิดากล่าว “ไม่จริง ข้าเชื่อว่าหากท่านพ่อกลับคืนสู่ยุทธภพ ต้องไม่มีใครสามารถเอาชนะท่านได้แน่” หญิงสาวกล่าวด้วยความมั่นใจ “ไร้เทียมทานแล้วไง ขนาดครอบครัวข้ายังรักษาเอาไว้ไม่ได้เลย เป็นจอมยุทธแล้วมีประโยชน์อะไร หึหึหึ” คนพูดหัวเราะแต่น้ำเสียงกลับฟังดูปวดร้าว หลายปีที่ผ่านมานี้เขากับลูกสาวต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ กินไม่เต็มอิ่ม นอนไม่เต็มตา แม้แต่ผู้เป็นภรรยาที่เขารักที่สุดก็ต้องมาจากไปเพราะเขา เขาจึงตัดสินใจแล้วว่าชาตินี้จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวของยุทธภพอีกต่อไป “ท่านพ่อ ท่านจะไปไหน” หญิงสาวตะโกนไล่หลังเมื่อเห็นผู้เป็นบิดากำลังจะเดินจากไป ทว่าไม่มีคำตอบใดๆ จากผู้เป็นพ่อ “ท่านจะไปดื่มเหล้าอีกแล้วใช่ไหม” นางถามซ้ำด้วยน้ำเสียงเศร้า ทุกครั้งที่พ่อนางโกรธเขาจะดื่มเหล้ามากมายจนควบคุมสติไม่ได้ นางไม่ชอบเห็นภาพบิดาเป็นเช่นนั้นเลย “เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย” คนเป็นพ่อตอบน้ำเสียงเรียบ “แต่ท่านสัญญากับข้าแล้วว่าจะไม่ดื่มอีก” คนพูดน้ำตาคลอ “เจ้าก็สัญญากับข้าว่าจะไม่ฝึกวรยุทธ ในเมื่อเจ้าไม่รักษาสัญญาแล้วทำไมข้าต้องรักษาด้วยหล่ะ” คนเป็นพ่อพูดจบแล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้บุตรสาวยืนน้ำตานองหน้าอยู่ตรงนั้น แท้จริงแล้วบิดาของหญิงสาว คือ ซุนซิ่งอดีตมือกระบี่อันดับหนึ่งของแผ่นดิน สิบสี่ปีก่อนเขาถูกใส่ร้ายจากราชสำนักว่าเป็นกบฏ และต้องสูญเสียภรรยาไปขณะทำการหลบหนี ตอนนั้นบุตรสาวเขาอายุได้เพียงสี่ขวบเท่านั้น เมื่อหนีรอดมาได้เขาก็ปฏิญาณเอาไว้ว่าจะไม่ใช้กระบี่อีก สิบสี่ปีที่ผ่านมานี้เขากับลูกสาวหลบซ่อนตัวจากยุทธภพมาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านหลิวแห่งนี้โดยเปลี่ยนชื่อเป็นหลิวซิ่งกับหลิวเส่เยี่ย
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:53 pm | |
| - tomtam พิมพ์ว่า:
- หลังจากแยกกับผู้เป็นบิดาแล้ว ซุนเส่เยี่ยก็เดินเหม่อคิดอะไรมาเรื่อยๆ พอรู้สึกตัวอีกที นางก็มาอยู่กลางตลาดในเมืองเสียแล้ว วันนี้ตลาดดูคึกคักเป็นพิเศษ มีข้าวของตั้งขายมากมาย เส่เยี่ยพยายามเดินดูของที่น่าสนใจ เพื่อลืมความรู้สึกไม่สบายใจทิ้งไปให้หมด แล้วสายตาของนางก็ไปสะดุดอยู่ที่ร้านขายพัดแห่งหนึ่ง ในร้านมีช่างเขียนอักษรจีนอยู่ด้วย ผู้ซื้อสามารถเลือกบทกลอนที่ตนประทับใจแล้วสั่งให้ช่าง เขียนอักษรลงบนพัดได้ทันที เส่เยี่ยเข้าไปเลือกดูอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็สะดุดตาเข้ากับพัดไม้จันทร์สีขาว นางจึงตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาดู แต่ทว่า...มีอีกมือหนึ่งชิงหยิบพัดอันนั้นขึ้นมาก่อน
“เถ้าแก่ครับพัดอันนี้ราคาเท่าไหร่” ชายหนุ่มเอ่ยถามเจ้าของร้าน เส่เยี่ยมองตามคนถือพัด นางรู้สึกว่าเขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี มีลักษณะจอมยุทธ ดูสุภาพเรียบร้อย ไม่เหมือนคนแถวนี้เลย “ยี่สิบอีแปะเองน้องชาย ไม่แพงนะ” เถ้าแก่ท่าทางใจดีตอบ “น้องเสี่ยวฟงต้องชอบแน่ๆ” ชีเส้าเฟยพูดกับตัวเอง ว่าแล้วเขาก็หยิบเงินออกมาจ่าย ทันใดนั้นก็หันไปเห็น หญิงสาวร่างเล็กกำลังจ้องมองมาทางเขาอยู่ เขาจึงมองกลับไป ชั่วขณะที่สายตาของทั้งคู่ประสานกัน โลกทั้งใบเหมือนกับหยุดหมุน สายลมเหมือนกับหยุดพัด เสียงตลาดที่จอแจกลับเงียบสลัด ยามชีเส้าเฟยมองผ่านดวงตาคู่นั้นของนาง มันทำให้เขารู้สึกสับสนเหมือนกับต้องมนต์สะกด เขาหยุดหายใจไปเกือบนาที ก่อนจะได้สติแล้วหันไปถามนางว่า “แม่นาง พัดอันนี้ เจ้าจะซื้องั้นหรือ” ชีเส้าเฟยถามอย่างสุภาพ แต่หญิงสาวไม่ตอบอะไร นางหันหลังแล้วเดินออกจากร้านไปทันที ทิ้งให้ชายหนุ่มมองตามด้วยความประหลาดใจ แม้จะไม่เคยรู้จักนางมาก่อน แต่ชีเส้าเฟยกลับรู้สึกว่าเขาไม่อาจลืมแววตาคู่นั้นของนางได้ แววตาที่สะท้อนให้เห็นถึงเรื่องราวต่างๆ มากมาย เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกพิเศษบางอย่าง ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน หวังว่าคงมีโอกาสได้พบนางอีก...
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
หลังจากที่ได้เดินเที่ยวตลาดสักพัก เส่เยี่ยก็อารมณ์ดีขึ้นมาก เมื่อเห็นว่าเริ่มเย็นแล้วนางจึงตัดสินใจเดินทางกลับหมู่บ้าน เส่เยี่ยคิดในใจว่า เมื่อกลับถึงบ้านแล้วสิ่งแรกที่นางจะทำก็คือขอโทษผู้เป็นบิดา นางจะลืมเรื่องแก้แค้นให้หมด เพราะมารดาของนางก็ได้ตายไปนานแล้ว สำคัญที่สุดคือคนที่ยังอยู่ ต่อไปนี้นางจะดูแลพ่อของนางให้ดีที่สุด พ่อคือสิ่งเดียวที่นางยังเหลืออยู่บนโลกใบนี้
ก้าวแรกที่เส่เยี่ยย่างเข้าสู่เขตหมู่บ้านหลิว นางรู้สึกว่ามีสิ่งผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น หมู่บ้านไม่เคยเงียบเช่นนี้มาก่อน นางจึงเร่งฝีเท้าเพื่อให้ถึงบ้านเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และแล้วนางก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อสังเกตเห็นว่า มีกลุ่มควันลอยมาจากบ้านของนางซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา เมื่อเส่เยี่ยเดินมาถึงบ้าน นางก็พบว่าบ้านของนางกำลังลุกโชติไปด้วยไฟ เส่เยี่ยตกใจมาก นางแทบจะคุมสติไว้ไม่อยู่ ยังไม่ทันที่นางจะคิดอะไรออก นางก็วิ่งฝ่ากองเพลิงเข้าไปในบ้านอย่างไม่คิดชีวิต “ท่านพ่อ ท่านพ่อ ท่านพ่อ” เส่เยี่ยตะโกนเรียกอยู่อย่างนั้นเมื่อไม่เห็นผู้เป็นบิดา “ทะ ท่านพ่อ ท่านอยู่ไหน” ตอนนี้ในบ้านเต็มไปด้วยควันไฟทำให้เส่เยี่ยมองอะไรไม่เห็น อีกทั้งควันเหล่านั้นยังทำให้นางหายใจไม่สะดวก นางสำลักควันจนน้ำตาไหล “ท่านพ่อ ข้ามาแล้ว ข้าขอโทษ.... ท่านอยู่ไหน.... ท่านพ่อ....” เส่เยี่ยไม่ละความพยายาม นางยังคงตะลุยลึกเข้าไปในกองเพลิงโดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่า ตลอดทางที่นางเดินผ่านเข้ามานั้นเต็มไปด้วยไฟที่โหมกระหน่ำขึ้นทุกที ตอนนี้แม้คิดจะเดินกลับออกไปก็ยากเสียแล้ว
แต่แล้วสิ่งที่เส่เยี่ยเห็นก็ทำให้นางแทบทรุดลงกับพื้น ภาพบิดาของนางนอนสงบนิ่งจมกองเพลิงอยู่ตรงหน้า “ท่านพ่อ!!!” เส่เยี่ยตะโกนสุดเสียง น้ำตาของนางไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เส่เยี่ยวิ่งตรงไปยังร่างของผู้เป็นบิดาอย่างไม่คิดชีวิต แต่ทว่ายังไม่ทันที่นางจะก้าวไปถึง คานไม้ด้านบนก็ถล่มลงมากระทบศีรษะของนางพอดี เส่เยี่ยเซล้มลงไป ก่อนที่นางจะสลบ นางรู้สึกว่ามีร่างสูงใหญ่โผเข้ามารับนางไว้ หลังจากนั้นนางก็หมดสติไป ทุกอย่างกลายเป็นความมืด และความว่างเปล่า... | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| |
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| |
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Wed Oct 22, 2008 12:55 pm | |
| | |
|
| |
| The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน | |
|