| The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน | |
|
|
|
ผู้ตั้ง | ข้อความ |
---|
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Fri Oct 24, 2008 4:20 pm | |
| - Andaman พิมพ์ว่า:
- O-yo ลองอ่านคุณสมบัติพี่ลูลู่ก่อนซิคะ แล้วจะรู้ว่าทำไม อ้อมหมิงเจิ้น อยากจะเข้าหอให้เร็วที่สุดน่ะ
- Andaman พิมพ์ว่า:
- -บุคคลผู้บางครั้งเขามีสติปัญญาเป็นเลิศ ไม่ว่าแผนอุบายใดไม่สามารถใช้กับเขาได้ แต่บางคราเขาก็ใสซื่อบริสุทธิ์ แม้หลงกลแล้ว ยังถูกหลอกลวงเป็นรอบที่สอง
-บุคคลผู้บางครั้งมีจิตใจละเอียดอ่อน อาศัยข้อปลีกย่อยเล็กน้อยคลี่คลายปริศนารายใหญ่ บางคราก็มีจิตใจดีงาม มักใช้ความรู้สึกของวิญญูชนคำนวณความคิดอ่านของคนต่ำช้า
-บุคคลผู้บางครั้งเขาเป็นลูกผู้ชายอันเข้มแข็ง ฝ่าเงาดาบประกายกระบี่อย่างอาจหาญ บางครากลับนุ่มนวลมากรัก ยอมโอนอ่อนผ่อนตามสตรี
-เขาชิงชังความชั่วร้ายราวกับเป็นความแค้นส่วนตัว พบเห็นเรื่องอยุติธรรมต้องสอดมือเข้าเกี่ยวข้อง กล้ากระทำในสิ่งที่เป็นความชอบธรรม สมกับเป็นผู้กล้าหาญอย่างแท้จริง
-เขากรุ้มกริ่มกรุยกราย หล่อเหลาสง่างาม เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน เจ้าคารมคมคาย สมกับเป็นยอดบุรุษที่สตรีต่างหลงใหล
-เขามีไหวพริบปราดเปรียว ยามคับขันไม่แตกตื่นลนลาน ล่วงรู้ถึงเล่ห์กลอุบาย คาดการณ์แม่นยำปานเทพคำนวณ กล่าวได้ว่าเป็นอัฉริยบุรุษในมวลมนุษย์
-เขามีจริยธรรมอันสูงส่ง กอปรด้วยดวงใจอันบริสุทธิ์ เปิดเผยไร้เล่ห์เหลี่ยม | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Fri Oct 24, 2008 4:20 pm | |
| - tomtam พิมพ์ว่า:
- ถ้าว่ากันตามประวิติศาสตร์แล้ว ไม่น่าจะมีการแบ่งยุคเรื่องการไว้เปียนะคะโย่
ประการที่หนึ่ง กฎการไว้ผมครึ่งศีระษะแล้วถักเปียมีมาตั้งแต่สมัยต้นราชวงศ์ชิงแล้ว โดยผู้ที่ออกคำสั่งก็คือทอร์กูรซึ่งเป็นอาของซุ่นจื้อฮ่องเต้ (พ่อของคังซี) โดยกฎการโกนศีรษะนี้มีผลบังคับใช้หลังจากประกาศเพียง 2 สัปดาห์ ให้ชายจีนทุกคนทั้งฮั่นและแมนจูโกนผมครึ่งศีรษะและถักเปียไว้ที่ด้านหลัง หากไม่ปฏิบัติตามก็จะถูกประหารชีวิต จนมีคำกล่าวในสมัยนั้นว่า "จะเอาหัวหรือเอาผม"
ประการที่สอง หากมีการแบ่งช่วงจริง ทำไมถึงได้แบ่งเฉพาะแต่ในหนังฮ่องกง ทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่และไต้หวันหากทำหนังในสมัยราชวงศ์ชิงแล้ว จะโกนครึ่งศีรษะทุกเรื่อง เช่น เรื่ององค์หญิงกำมะลอทุกภาค จักรพรรดิคังซี (ทั้งเวอร์จีนและไต้หวัน) มีแต่เวอร์ชั่นของฮ่องกงเท่านั้นที่เห็นแค่ถักเปียยาวธรรมดา
ประการที่สาม ยกตัวอย่างง่ายๆ ในเรื่องฮ่องเต้บัลังก์เลือด (TVB) และเรื่อง GCCBS (ไต้หวัน) จางจื้อหลินเล่นเป็นคังซีที่ฮ่องกงใส่แค่วิกผมเปียธรรมดา แต่พอย้ายมาเล่นที่ไต้หวันกลับต้องโกนผมจริงๆ ทั้งๆ ที่ทั้งสองเรื่องต่างก็เกิดขึ้นในสมัยคังซีเหมือนกัน
ประการสุดท้าย เป็นไปได้หรือไม่ว่า เมื่อก่อน tvb ไม่มีนโยบายให้โกนผมครึ่งศีรษะ (น่าจะใช่เพราะหนังราชวงศ์ชิงสมัยก่อน "ทุกเรื่อง" ไม่มีเรื่องไหนโกนเลย) เพิ่งจะเห็นหนัง tvb ยุคหลังๆ นี้แหละที่มีโกนจริง แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องอยู่ดี ถ้าถามแต๋มทำไม คิดว่าเป็นเพราะนโยบายของแต่ละกองถ่ายย่อมไม่เหมือนกัน หนังที่ลงทุนสูงย่อมทำได้ "สมจริง" มากกว่า อีกอย่างก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของนักแสดงด้วยว่าจะยอมหรือไม่ และเพราะเหตุนี้จึงทำให้บางเรื่องโกนจริง บางเรื่องไม่โกนค่ะ (แต่ตามประวิติศาสตร์โกนจริงทุกยุคแน่นอน)
ทั้งหมดเป็นข้อสันนิษฐานตามหลักฐานที่แต๋มเห็นนะคะ ไม่รู้ว่าโย่เห็นด้วยหรือเปล่า | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Fri Oct 24, 2008 4:21 pm | |
| | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Mon Oct 27, 2008 10:19 am | |
| - tomtam พิมพ์ว่า:
- ความเดิมจากตอนที่แล้ว ชีเส้าเฟยยังคงเดินทางอยู่กับเส่เยี่ย ในขณะที่ลู่เสี่ยวฟงกับกงซุนเช่อนั้นถึงค่ายเหลียนอิ๋นแล้ว องค์หญิงปิงเยี่ยเดินทางไปแต่งงานที่เมืองฟุเจี้ยน ทิ้งให้ฮ่องเต้คังซื่อตกอยู่ภายใต้ความผิดหวังและอาลัยอาวรณ์ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่อ๋าวไป้เขียนหนังสือทูลเกล้าเรื่องค่ายเหลียนอิ๋นคิดก่อกบฎ ฮ่องเต้จึงรับสั่งให้อ๋าวไป้ดำเนินการเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่
ตอนที่ 8 อาจารย์ปู่
“เคร้ง” เสียงกระบี่กระทบลงกับพื้น “ไม่ฝึกแล้ว ข้าไม่ฝึกแล้ว” เส่เยี่ยโยนกระบี่ในมือทิ้งอย่างถอดใจ เมื่อชีเส้าเฟยหันมาเห็นก็รีบวิ่งเข้าไปปลอบใจนาง “ใจเย็นๆ สิ ฝึกวรยุทธจะรีบร้อนไม่ได้” ชายหนุ่มอธิบาย “ท่านลุงอย่าหลอกข้าอีกเลย นี่ก็ฝึกมาสามวันแล้วยังไม่สำเร็จสักท่าเดียว” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าเศร้า สิ่งที่นางพูดล้วนแต่เป็นความจริง ทำให้ชีเส้าเฟยเองก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน “ตอนนี้ข้าไม่เหลือใครอีกแล้ว ซ้ำตาของข้าก็บอดสนิท” เส่เยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ข้าไม่อยากถ่วงเวลาท่านลุงอีกต่อไป ท่านลุงท่านก็กลับ...” ชีเส้าเฟยได้ยินเช่นนั้นก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปากไม่ให้เส่เยี่ยพูดต่อ เขารู้ดีว่านางกำลังจะพูดอะไร นางอยากให้เขากลับไปที่ค่ายเหลียนอิ๋น นางไม่อยากเป็นตัวถ่วงของเขา ข้อนี้เขารู้ใจนางดี แต่เขาเองก็ไม่มีวันจะทิ้งนางไปเช่นกัน “ข้าว่าเราพูดเรื่องนี้รู้เรื่องกันไปแล้วนะ วันนี้เจ้าไม่อยากฝึกก็ไม่เป็นไร งั้นพรุ่งนี้ค่อยฝึกต่อก็แล้วกัน” ชายหนุ่มกล่าวอย่างใจเย็น เขาก้มลงหยิบกระบี่ขึ้นมาพร้อมกับมองใบหน้าอันหมองเศร้าของหญิงสาว ตอนนี้เขาอยากจะเข้าไปปลอบนางเหลือเกิน แต่ชีเส้าเฟยเป็นคนที่พูดไม่เก่ง เอาใจสตรีไม่เป็น ในชีวิตเขาไม่เคยได้ใกล้ชิดสตรีนางไหนมาก่อน ทำให้เขาได้แต่ยืนมองหน้าหญิงสาวอยู่อย่างนั้น “น้องสี่ หากเจ้าอยู่ด้วยก็คงจะดี” ชายหนุ่มเผลอพูดกับตัวเองออกมาเบาๆ “ท่านว่าอะไรนะคะท่านลุง” เส่เยี่ยถาม “คือข้า...” ชีเส้าเฟยอ้ำอึ้งไปเล็กน้อย เขาไม่คิดว่านางจะได้ยินคำพูดที่เขาพูดกับตัวเอง แต่หลังจากเส่เยี่ยตาบอด ประสาทการได้ยินของนางก็ดีขึ้นมาก แม้แต่เสียงฝีเท้าในระยะไกลนางก็สามารถได้ยินได้ “ท่านมีอะไรปิดบังข้างั้นหรือ” เส่เยี่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนผิดหวัง ทำให้ชีเส้าเฟยต้องรีบอธิบาย “ไม่ใช่อย่างนั้นนะเส่เยี่ย คือข้า...” จอมยุทธอันดับหนึ่งของแผ่นดินยามอยู่ต่อหน้าหญิงสาวก็อ้ำอึ้งเป็นเหมือนกัน “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังเสียใจมาก ข้าอยากจะ ...” เส่เยี่ยลุ้นรอฟังคำตอบ “ข้าอยากจะปลอบเจ้า แต่ว่าข้า...ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี” ชีเส้าเฟยพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา นึกไม่ถึงเลยว่าประโยคง่ายๆ แค่นี้จะทำให้เขาถึงกับตะกุกตะกักที่จะพูดต่อหน้านาง เส่เยี่ยได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มด้วยความปลาบปลื้มใจ นางดีใจเหลือเกินที่รู้ว่าเขาดีต่อนางถึงเพียงนี้ หญิงสาวค่อยๆ เดินเข้าไปหาชีเส้าเฟย แต่เนื่องจากนางมองไม่เห็นจึงสะดุดก้อนหินล้มลง ชีเส้าเฟยใช้วิชาตัวเบาหันมาคว้าตัวนางไว้ได้ทัน ทำให้หญิงสาวตกอยู่ภายใต้อ้อมแขนของชายหนุ่มอีกครั้ง ทั้งสองแน่นิ่งไปพักใหญ่ ต่างคนต่างทำอะไรไม่ถูก พวกเขาได้ยินแต่เสียงหัวใจของตนเองที่เต้นดังขึ้นเรื่อยๆ และจังหวะที่เส่เยี่ยกำลังจะลุกขึ้นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ชีเส้าเฟยก้มลงไปพอดี ทำให้ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันเบาๆ จากนั้นทุกอย่างก็หยุดนิ่ง ทั้งชีเส้าเฟยและเส่เยี่ยต่างยืนนิ่งสนิทอยู่ในท่านั้นไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ “ฮ่าๆๆ” ทันใดนั้นก็ปรากฏเสียงชายชราคนหนึ่งหัวเราะขึ้น ชีเส้าเฟยพยายามขยับตัวแต่ก็ไม่สามารถทำได้แล้ว “เจ้ามองหาอะไรหะ ชีเส้าเฟย ฮ่าๆๆ” เสียงชายชราผู้นั้นยังคงหัวเราะต่อไป ในที่สุดเขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าชีเส้าเฟยและเส่เยี่ยที่ยืนไม่ขยับอยู่ด้วยกัน “อาจารย์ปู่!!!” ชีเส้าเฟยเหลือบตาไปเห็นชายชราผมเผ้ายุ่งเหยิงก็ทักขึ้นด้วยความตกใจ ตอนนี้เขากับเส่เยี่ถูกชายชราคนนี้สกัดจุดไว้ทำให้ขยับตัวไม่ได้ “ปู่ป๊ะเจ้านะสิ แหมเรียกซะแก่เชียว เดี๋ยวก็ปล่อยให้อยู่ท่านี้ทั้งวันหรอก” ชายชราเอามือเท้าเอวแล้วยื่นหน้าทะเล้นเข้ามาใกล้ๆ ชีเส้าเฟยกับเส่เยี่ย แล้วก็หัวเราะชอบใจที่สามารถแกล้งพวกเขาได้ “อาจารย์ปู่ อย่าเล่นเลย ท่านคลายจุดให้พวกเราทีเถอะ” ชีเส้าเฟยพูดเสียงดังในลำคอ เขาไม่กล้าขยับปากแรงเพราะเกรงว่าจะไปสัมผัสกับริมฝีปากของหญิงสาวเข้า “อะไรกันศิษย์หลานสุดเลิฟ ข้าจะช่วยให้เจ้าสมหวังกับนางในดวงใจไง ยังไม่ขอบคุณอาจารย์อีก อิๆๆ” ชายชราเข้าไปกระซิบใกล้ๆ ชีเส้าเฟย แล้วก็ทำหน้าตาทะลึ่งทะเล้นใส่เขาประมาณว่ารู้ทัน ทำให้ใบหน้าชีเส้าเฟยเปลี่ยนเป็นสีชมพูทันที “อาจารย์ปู่ท่านเข้าใจผิดแล้ว คลายจุดให้ข้าเถอะ” ชีเส้าเฟยเริ่มเครียดกลัวว่าชายชราขี้เล่นคนนี้จะไม่ยอมคลายจุดให้เขาจริงๆ “อาจารย์ของท่านลุงงั้นเหรอคะ” หลังจากเงียบฟังเหตุการณ์มานาน เส่เยี่ยก็ตัดสินใจถามชีเส้าเฟย นางเองก็ไม่กล้าขยับปากแรงเช่นกันเพราะกลัวจะไปสัมผัสกับริมฝีปากของชายหนุ่มเข้า “หา!!! ทำไมนังหนูนี่เรียกเจ้าว่าลุงงั้นหล่ะ ยังนี้ถ้าพวกเจ้าแต่งงานกันข้าไม่กลายเป็นอาจารย์ทวดของนางงั้นเหรอ ไม่ได้ๆ ข้าว่าเจ้าหาคนใหม่เถอะเส้าเฟย” ชายชราโวยวายแล้วก็ทำท่าคิดหนักเดินไปเดินมารอบๆ ทันใดนั้นชีเส้าเฟยก็คลายจุดเองได้สำเร็จ เขารีบผละตัวออกจากเส่เยี่ยแล้วคลายจุดให้นาง “โห... ไม่เจอกันแป๊บเดียว เดี๋ยวนี้วรยุทธเจ้าก้าวหน้าถึงเพียงนี้เลยเชียวเหรอชีเส้าเฟย” ชายชราเอามือเท้าเอวแล้วทำตาถลนด้วยความแปลกใจ “อาจารย์ปู่ทำไมเล่นอะไรแบบนี้!!!” พอคลายจุดได้ชีเส้าเฟยก็เดินเข้ามาหาชายชราอย่างเอาเรื่อง “อ้าวก็ข้าเห็นเจ้ายืนจ้องนางตาหวานซึ้งขนาดนั้นจนนางจะพรุนไปหมดแล้ว ข้าก็เลยจะช่วยลดขั้นตอนให้ แค่นี้ทำไมต้องดุด้วยเล่า” ชายชราพูดประโยคสุดท้ายเสียงอ่อยๆ พอพูดจบก็ทำท่างอนแล้วหันหลังใส่ชีเส้าเฟยเหมือนกับเด็กๆ “อาจารย์ปู่ท่านเข้าใจผิดแล้ว นางเป็นลูกสาวของสหายข้าเอง เมื่อครู่นี้นางหกล้มข้าจึงเข้าไปช่วย มันไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านคิดจริงๆ” ชีเส้าเฟยรีบอธิบาย “เอาหล่ะๆ เชื่อแล้วๆ” ชายชราทำท่ายอมรับแบบเสียไม่ได้ “เส่เยี่ยเจ้าไม่เป็นอะไรนะ” ชีเส้าเฟยเดินเข้ามาถามเส่เยี่ยที่ยืนเงียบอยู่ หญิงสาวก็พยักหน้ารับ “ข้าจะแนะนำให้รู้จักนะ นี่นักพรตจิวแปะทงอาจารย์ปู่ของข้าเอง” ชีเส้าเฟยพาเส่เยี่ยมาแนะนำให้รู้จักกับอาจารย์ของเขา เส่เยี่ยก็ก้มลงคาราวะจิวแปะทง จิวแปะทงสังเกตเห็นว่าเส่เยี่ยไม่ได้มองมาทางเขา จึงเดินเข้าไปดูหน้านางใกล้ๆ แล้วก็โบกมือขึ้นลง “หือ นี่เจ้ามองไม่เห็นงั้นเหรอ” | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Mon Oct 27, 2008 10:21 am | |
| - tomtam พิมพ์ว่า:
- “นางประสบอุบัติเหตุนิดหน่อยหน่ะครับ” ชีเส้าเฟยรีบพูดแทนเส่เยี่ย เขาไม่อยากให้จิวแปะทงซักไซ้อะไรนางมาก เกรงว่าจะยิ่งทำให้นางสะเทือนใจ
“แล้วทำไมพวกเจ้ามาอยู่ที่นี่หล่ะ” จิวแปะทงซักต่อ “เรื่องมันยาวหน่ะครับ ว่าแต่ อาจารย์ปู่ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้” “เหอๆๆๆ เรื่องของข้าหน่ะคงจะยาวกว่าเรื่องของเจ้าอย่างแน่นอน เอาเป็นว่าก่อนหน้านี้ข้าเล่นไล่จับกับพวกเราทหารต้าซ่ง ข้าหนีพวกมันเข้ามาแอบในป่า แล้วก็มาเจอพวกเจ้ายืนจู๋จี๋กันอยู่นี่แหละ” “อาจารย์ปู่...” ชีเส้าเฟยทำเสียงดุใส่จิวแปะทง เขาหันไปทางเส่เยี่ยก็เห็นนางเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมพูดอะไร “เอาเถอะๆ ไม่แซวก็ได้ หนุ่มสาวสมัยนี้ปากแข็งชะมัดทำตัวเป็นดาราไปได้” จิวแปะทงบ่นงึมงำกับตัวเอง “แล้วนี่พวกเจ้ากำลังจะไปไหนกัน” “ข้ากำลังจะเดินทางกลับค่ายเหลียนอิ๋นครับ ก่อนหน้านี้ข้าก็ไปเยี่ยมอาจารย์ที่เมืองหลวงมา มิน่าไม่เจอท่าน ที่แท้อาจารย์ปู่ก็หนีมาเล่นอยู่แถวนี้นี่เอง” “โธ่ก็ในสำนักมันน่าเบื่อนี่หน่า วันๆ เอาแต่สวดมนตร์ โดยเฉพาะเจ้าคูชูกี่อาจารย์ของเจ้าน่าเบื่อสุดๆ ชอบเทศน์ใส่ข้าประจำ ไม่รู้ว่ามันเป็นอาจารย์ข้า หรือข้าเป็นอาจารย์มันกันแน่” จิวแปะทงทำหน้าตาเซ็งๆ เมื่อพูดถึงช่วงจิงก่า ชีเส้าเฟยเองก็เข้าใจดีว่าคนรักสนุกอย่างจิวแปะทงนั้นเกลียดการเข้าสำนักมากขนาดไหน “จริงด้วยสิ เมื่อครู่นี้ท่านว่ามีทหารต้าซ่งอยู่แถวนี้งั้นหรือครับ” ชีเส้าเฟยถามขึ้น “ใช่ๆ พวกมันมากันตั้งหลายคน เมื่อคืนนี้ข้าปลอมเป็นผีไปหลอกพวกมัน ฮ่าๆๆ พวกมันกลัวกันใหญ่เลย เมื่อเช้าเอาอาหารมาบวงสรวงเซ็นไหว้ข้าเต็มโต๊ะไปหมด พอข้าเข้าไปนั่งกิน พวกมันก็จะจับข้า ข้าก็เลยหนีเข้ามาที่นี่ แต่พวกทหารต้าซ่งนี่ไม่เอาไหนเลย พวกมีเป็นพันยังจับข้าคนเดียวไม่ได้เลย” จิวแปะทงเล่าเหตุการณ์อย่างสนุกสนาน ทำให้เส่เยี่ยที่ยืนฟังอยู่ถึงกับอมยิ้มเลยทีเดียว “ทหารต้าซ่งเป็นพันงั้นหรือ พวกมันมาทำอะไรที่ชายแดน” ชีเส้าเฟยเอ่ยกับตัวเองเบาๆ “มีอะไรผิดสังเกตงั้นหรือคะท่านลุง” เส่เยี่ยเห็นเขาเงียบไปจึงถามขึ้น “อืม ปกติหากไม่ใช่มีศึกสงคราม ทางเมืองหลวงไม่เคยส่งคนมาเยอะขนาดนี้ ข้าเกรงว่าที่ค่ายอาจจะเกิดเรื่อง” ชายหนุ่มทำหน้าครุ่นคิด เขาเริ่มกลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับค่ายเหลียนอิ๋น “งั้นก็โชคดีสิที่เจ้าไม่ได้อยู่ที่นั่น เอางี้ชีเส้าเฟย คืนนี้เจ้าไปเล่นกับข้านะ แกล้งทหารพวกนั้นให้มันผมร่วงหมดหัวไปเลย ฮ่าๆๆ” “อาจารย์ปู่... นี่ไม่ใช่เวลาเล่นนะ ไม่ได้การแล้ว ข้าต้องหาทางส่งข่าวให้พี่น้องรู้เสียก่อน” เมื่อถูกดุจิวแปะทงก็ทำหน้าหงอย ส่วนชีเส้าเฟยใช้ความคิดอย่างหนักแล้วก็หันมามองหน้าจิวแปะทงอย่างมีความนัยน์ “เฮ๊ยๆๆ เจ้ามองหน้าข้าทำไม ข้าไม่ไปให้หรอกนะ ข้าไม่ถูกกับเจ้าลู่เสียวๆๆ อะไรนั่น เจอหน้ามันทีไร ชอบแกล้งข้าอยู่เรื่อย แถมยัยหงเผาอะไรนั่นก็ดุชะมัด เห็นหน้านางทีไร ข้าขนลุกฟู่ๆ ทุกที” จิวแปะทงทำท่าอกสั่นขวัญแขวนเมื่อพูดถึงคนที่ค่ายเหลียนอิ๋น “ข้าไม่ได้ให้ท่านไปส่งข่าวหรอกน่า แต่ว่า...” “แต่ว่าอะไร” จิวแปะทงเอามือกอด-อกแล้วยื่นหน้าไปทางชีเส้าเฟยเพื่อเค้นเอาความจริงจากเขา เมื่อเห็นสายตาที่ชีเส้าเฟยมองมายังเส่เยี่ย จิวแปะทงก็โบกไม้โบกมือโวยวายลั่น “เหอออออ เจ้าจะให้ข้าอยู่กับนังหนูเนี้ยเหรอ” ชายชราทำตาถลนแล้วเอามือชี้ไปทางเส่เยี่ย “ไม่เอาน่า นางตาบอดแบบนี้ จะเล่นกับข้าได้ยังไง เจ้าล้อเล่นใช่ไหม” จิวแปะทงเข้าไปกระเง้ากระงอดใส่ชีเส้าเฟย ทางชีเส้าเฟยเองก็เอาแต่ยืนเงียบไม่พูดไม่จา “ท่านลุงชี ข้าเข้าใจว่าท่านมีความจำเป็น ท่านรีบเดินทางไปบอกพี่น้องของท่านเถอะค่ะ หากช้ากว่านี้จะไม่ทันการนะคะ ไม่ต้องห่วงข้า ข้าดูแลตัวเองได้” เส่เยี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นชีเส้าเฟยมีท่าทีลังเล ก็พูดให้กำลังใจ เพื่อให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น “แต่ว่าเจ้า...” ชีเส้าเฟยหันมามองหน้าเส่เยี่ย “ไม่ต้องต่งไม่ต้องแต่แล้ว ก็นางบอกว่าดูแลตัวเองได้ เจ้าก็รีบไปเถอะ ไปไป๊ ชิ่วๆ” จิวแปะทงยื่นหน้าเข้ามาแทรกระหว่างชีเส้าเฟยกับเส่เยี่ย แล้วก็ผลักๆ ให้ชีเส้าเฟยเดินออกไป “ไม่ ข้าจะไม่ไปจนกว่าอาจารย์จะรับปากว่าจะดูแลนางแทนข้า” ชีเส้าเฟยหันกลับมายืนกรานเสียงแข็ง พร้อมกับส่งสายตาเชิงบังคับให้จิวแปะทงยอมรับปากเขาก่อน | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Mon Oct 27, 2008 10:22 am | |
| - tomtam พิมพ์ว่า:
“เฮ้อ เอาหล่ะๆ ข้ายอมเจ้าแล้ว” จิวแปะทงทำหน้ามุ่ยเหมือนกับเด็กถูกบังคับให้กินผักแต่ก็ยอมรับปากจนได้ “ขอบคุณครับอาจารย์ปู่” ฝ่ายชีเส้าเฟยพอได้รับคำตอบก็ยิ้มด้วยความดีใจ จริงอยู่จิวแปะทงอาจจะดูขี้เล่นไปสักหน่อย แต่ถ้าหากเขาได้รับปากอะไรใครแล้ว ก็จะรักษาสัจจะโดยไม่มีบิดพลิ้ว อีกทั้งวรยุทธของจิวแปะทงลึกล้ำพิสดาร เส่เยี่ยอยู่กับเขาชีเส้าเฟยก็วางใจหายห่วงไม่ต้องกลัวพวกคนชุดดำมารังแกนางอีก “เส่เยี่ยไม่ใช่ว่าข้าจะทิ้งเจ้านะ ให้ข้าจัดการเรื่องที่ค่ายเรียบร้อยก่อนแล้วจะรีบกลับมารับเจ้านะ” ชีเส้าเฟยหันมาพูดกับหญิงสาว “ค่ะท่านลุงข้าเข้าใจ” เส่เยี่ยยิ้มอ่อนๆ ให้กับเขา หากแต่ในใจของนางกลับรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก “แม่หนู... ไหงเจ้ารีบเข้าใจซะอย่างนั้นหล่ะ เกิดเขาจัดการไม่เรียบร้อยขึ้นมาเจ้าจะทำยังไง” จิวแปะทงยื่นหน้าทะเล้นของเขาเข้ามาแทรกอีก จนชีเส้าเฟยต้องหันไปดุใส่ จิวแปะทงก็เลยเดินหลบออกไปนั่งอยู่หลังพุ่มไม้ ปล่อยให้สองหนุ่มสาวร่ำลากัน “เส่เยี่ยสัญญานะว่าเจ้าจะรอข้าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น” ชีเส้าเฟยกุมมือนุ่มของหญิงสาวไว้ เส่เยี่ยได้แต่พยักหน้ารับเบาๆ ตอนนี้จิตใจของนางสับสนไปหมด ทั้งเป็นห่วงและอาลัยอาวรณ์ชายตรงหน้า นึกไม่ถึงว่าเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ จะให้นางรู้สึกผูกพันกับเขามากมายขนาดนี้ “ข้าสัญญาไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหนข้าก็จะมาหาเจ้า” ชายหนุ่มพูดพรางจับปรอยผมที่ตกมาปรกใบหน้าของหญิงสาวออกไปด้านข้าง เขาเองก็มองนางด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์ไม่แพ้กัน “ท่านลุง ท่านสัญญานะคะว่าท่านจะกลับมา” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาทั้งสองข้างเริ่มมีน้ำตาคลอๆ ทำให้นางต้องรีบก้มหน้าลงเพื่อไม่ให้ชีเส้าเฟยเห็น “ข้าให้สัญญา” ชีเส้าเฟยกำมือของนางเอาไว้แน่น ตอนนี้เขารู้สึกว่าอยากจะกอดนางไว้เหลือเกิน แต่ก็ไม่สามามารถหาเหตุผลให้ตัวเองทำเช่นนั้นได้ “พวกเจ้าจะลากันอีกนานไหมเนี้ย ป่านนี้พวกทหารคงถึงค่ายเหลียนอิ๋นกันหมดแล้ว” อยู่ๆ จิวแปะทงก็แทรกเข้ามา (อีกแล้ว) ทำให้ทั้งสองผละออกจากกัน เส่เยี่ยหันหลังไปเช็ดน้ำตาของตน ส่วนชีเส้าเฟยก็หันมาพูดกับจิวแปะทงอย่างเป็นการเป็นงาน “อาจารย์ปู่ทางใต้มีร้านเหล้าร้านหนึ่งชื่อฉีถิง ท่านพาเส่เยี่ยไปรอข้าที่นั่นนะครับ อีก 10 วันข้าจะไปพบพวกท่านเอง หาก...” ยังไม่ทันได้พูดอีกประโยคชีเส้าเฟยก็ดึงตัวจิวแปะทงออกมากระซิบห่างๆ เพราะเขาไม่ต้องการให้เส่เยี่ยได้ยิน “หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับข้า ท่านช่วยพานางไปพบอาจารย์เจ็ดด้วยนะครับ” “เฮ้ย สั่งเสียอย่างกับจะไปตาย” “อาจารย์ปู่ข้าพูดจริงๆ นะ ท่านรับปากแล้วว่าจะดูแลนาง อย่าให้นางเป็นอะไรไปนะครับ” “รู้แล้วๆ เจ้าก็ระวังตัวด้วยก็แล้วกัน” “ครับอาจารย์ปู่” ว่าแล้วชีเส้าเฟยก็หยิบกระบี่นี่สุ่ยหานขึ้นมาเตรียมตัวออกเดินทาง เขาหันไปมองเส่เยี่ยที่ยืนเงียบอยู่ตรงนั้นแล้วบอกลานาง “ข้าไปนะ” ชีเส้าเฟยกล่าวเพียงแค่นี้แล้วก็หันหลังเดินจากมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตนเองเปลี่ยนไป เขาออกสนามรบมาแล้วนับร้อยครั้ง แต่ไม่มีครั้งใดเลยที่เขากังวล ทุกครั้งเขาจะต่อสู้อย่างเต็มที่ ไม่เกรงกลัวความตาย ไม่เสียดายชีวิต แต่ครั้งนี้เขารู้สึกว่าเขาจะต้องกลับมาหานางให้ได้ นางทำให้เขาอยากที่จะมีชิวิตอยู่ต่อไป “ท่านลุงชี!!!” เส่เยี่ยตะโกนเรียกชายหนุ่มสุดเสียง แล้วนางก็ค่อยๆ ทรุดตัวลงกับพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา เสียงเรียกของหญิงสาวทำให้ชีเส้าเฟยถึงกับชะงักเดินต่อไปไม่ได้ ในที่สุดเขาก็ทำในสิ่งที่ตัวเองยังแทบไม่เชื่อ เขาวิ่งกลับมาหาเส่เยี่ยแล้วประคองนางขึ้น “เส่เยี่ย” หญิงสาวโผเข้ากอดชีเส้าเฟยแน่น วินาทีนี้เองที่ทำให้นางได้รู้ใจตัวเอง นางรักเขาเข้าแล้ว นี่นางหลงรักคนที่ยังไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าของเขาอย่างนั้นหรือ “เด็กโง่เจ้าร้องไห้ทำไม ข้าไปแค่ไม่กี่วันก็จะกลับมารับเจ้าแล้ว” ชายหนุ่มก้มลงพูดกับหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างอ่อนโยน เส่เยี่ยเอาใบหน้าของตนซุกไปในอกอุ่นของเขาและยังไม่ยอมหยุดร้องไห้ “อย่าร้องเลยนะเส่เยี่ยคนดีของข้า” ชีเส้าเฟยเอานิ้วของเขาไล่คราบน้ำตาออกจากใบหน้าของหญิงสาวแล้วจุมพิตลงบนหน้าผากของนางเบาๆ (กรี๊ดดดดดด อ๊ากกกกกกก โอวววก๊อซซซซ เขียนไปด้ายยยยย ซิกๆๆๆ คัทๆๆๆๆๆๆ) “ข้าต้องไปแล้วนะ” เส่เยี่ยที่ยังสะอึกสะอื้นอยู่พยักหน้ารับ ชีเส้าเฟยจึงค่อยๆ ผละตัวออกมา หากอยู่นานกว่านี้เขาอาจเปลี่ยนใจก็ได้ “อาจารย์ปู่ข้าฝากนางด้วยนะ” ชายหนุ่มหันไปกำชับจิวแปะทงอีกครั้ง ว่าแล้วเขาก็ใช้วิชาตัวเบาเหาะออกจากป่าไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ในใจของชีเส้าเฟยรู้ดีว่าเขาได้ก้าวล้ำขอบเขตบางอย่างเข้าไปแล้ว และสิ่งนี้อาจจะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Mon Oct 27, 2008 10:23 am | |
| - tomtam พิมพ์ว่า:
- ณ ค่ายเหลียนอิ๋น หัวหน้าสี่ลู่เสี่ยวฟงกำลังนอนเปลือยกายอยู่ในห้องนอนของตนอย่างสบายใจ
“นี่เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!!! ตื่นได้แล้วหัวหน้าสี่!!!” อ้อมหมิงเจิ้งวิ่งถลาเข้ามาในห้องโดยไม่รู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้ใส่อะไรเลยแม้แต่ชิ้นเดียว “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงหญิงสาวร้องขึ้นจนกงซุนเช่อกับศิษย์อีก 4 คนต้องรีบวิ่งมาดู “น้องสามๆ เจ้าเป็นอะไรไป” กงซุนเช่อเห็นอ้อมหมิงเจิ้งยืนตัวแข็งทื่ออยู่หน้าห้องนอนของลู่เสี่ยวฟงก็รีบวิ่งเข้าไปถาม ฝ่ายอ้อมหมิงเจิ้งก็ได้แต่ยืนนิ่งไม่ขยับ เขยื้อน เอามือทั้งสองปิดหน้าปิดตาไว้ “นี่น้องสามไม่พูดไม่จาแบบนี้ ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าเป็นอะไรหะ” กงซุนเช่อรีบซักไซ้ใหญ่เขาเกรงว่ามีเรื่องสำคัญเดี๋ยวจะแก้ไขไม่ทันกันพอดี “จริงด้วยหัวหน้าสาม ทำไมต้องปิดหน้าปิดตาขนาดนี้ด้วย รึว่าท่านเป็นสิว!!! ไหนๆ ขอข้าดูหน่อยสิ” บรรดาศิษย์ที่ตามมาด้วยชะเง้อดูหน้านางกันใหญ่ทำให้อ้อมหมิงเจิ้งเอามือออกแล้วหันไปดุใส่พวกเขา “พวกเจ้าจะบ้าหรือไง ข้าไม่ได้เป็นสิวนะ” “เออจริงด้วยๆ ดูสิยังสวยเหมือนเดิมอยู่เลย ใช่ไหมพวกเรา” ศิษย์คนหนึ่งหันมาถามเพื่อนคนอื่นๆ “ใช่ๆๆ” ศิษย์คนอื่นๆ ที่เหลือก็พยักหน้าเห็นด้วย “อ้าวแล้วเจ้าร้องเอะอะโวยวายอะไรน้องสาม” กงซุนเช่อถามนางต่อ “ก็เขานะสิ” อ้อมหมิงเจิ้งชี้มือไปทางห้องนอนของลู่เสี่ยวฟงอย่างหวาดๆ “น้องสี่เป็นอะไรงั้นเหรอ” ขณะที่กงซุนเช่อกำลังจะก้าวเข้าไปดูในห้องนอนของลู่เสี่ยวฟง ตัวต้นเหตุก็เดินบิดขี้เกียจออกมาพอดี ตอนนี้เขาใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว “ห้าววววววว... เอะอะอะไรกันแต่เช้าเนี้ย” ลู่เสี่ยวฟงถามพร้อมกับเอามือขยี้ตาของตนเอง ฝ่ายอ้อมหมิงเจิ้งพอได้ยินเสียงของเขาก็ถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ “พี่รองนี่ท่านพาพวกศิษย์มาทำอะไรกันเยอะแยะหล่ะเนี้ย หัวหน้าสามเจ้าก็อยู่ด้วย เป็นไรไป ดูสิหน้าแดงเชียว หรือว่าเมื่อคืนฝันถึงข้าห๊ะ” ลู่เสี่ยวฟงเอ่ยทักเมื่อเห็นหญิงสาวยืนหันหลังให้กับตน “ฝันถึงย่าเจ้าหน่ะสิ คนบ้า!!!” อ้อมหมิงเจิ้งไม่สนใจคำพูดทักทายของเขา พอลู่เห็นลู่เสี่ยวฟงเดินเข้ามาใกล้ๆ นางก็รีบเดินหนีออกไปทันที “อ้าวพี่รองนี่หงเผาเขาไปกินอะไรมา ทำไมต้องมาอารมณ์เสียใส่ข้าด้วย” คนถามทำหน้างงๆ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน พอมาถึงก็เห็นนางยืนร้องอยู่หน้าห้องเจ้าแล้ว นิ!เจ้าคงไม่ได้รังแกนางใช่ไหม” กงซุนเช่อเริ่มเปิดประเด็นใส่หัวหน้ารุ่นน้อง “โหยพี่รอง นี่ท่านเห็นข้าเป็นคนยังไงกัน” “ข้าก็เห็นเจ้าเป็นคนกะล่อน ปลิ้นปล้อน เจ้าชู้ รักสนุก ชอบผู้หญิงเป็นชีวิตจิตใจยังไงหล่ะ” “แฮะๆ พี่รอง รู้สึกท่านจะยกย่องข้าเกินไปแล้วนะ” ลู่เสี่ยวฟงฟังสรรพคุณของตัวเองเข้าไป ก็ได้แต่เกาหัวหยึกๆ “เอาหล่ะๆ ไม่มีอะไรแล้ว พวกเจ้าออกไปเถอะ” กงซุนเช่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว จึงหันไปบอกให้บรรดาศิษย์ๆ สลายตัวไป “อ้าวแล้วเจ้ายังยืนอยู่ทำไม” กงซุนเช่อหันไปถามลู่เสี่ยวฟง “ข้าเหรอ ให้ข้าไปไหนหล่ะ” ลู่เสี่ยวฟงชี้มาที่หน้าของตัวเองแล้วเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง “ก็เจ้าเป็นตัวต้นเหตุ ตามไปดูนางหน่อยสิ” “ข้าเหรอ” “ไปเถอะน่า” กงซุนเช่อผลักให้ลู่เสี่ยวฟงเดินออกไป แม้ทีแรกเขาจะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่ แต่พอนึกว่าคนที่กำลังจะไปเจอเป็นอ้อมหมิงเจิ้งก็ยิ้ม แล้วยอมเดินไปแต่โดยดี
ระหว่างที่หญิงสาวกำลังนั่งอยู่ริมหน้าผาก็มีไส้เดือน 2 ตัวลอยไปลอยมาอยู่ตรงหน้านาง “อ้ายยยยยยย...” หญิงสาวลุกขึ้นหนีด้วยความตกใจ พอหันหลังไปก็ไปชนเข้ากับร่างหนึ่ง นางจึงกอดร่างนั้นเอาไว้แน่นด้วยความหวาดกลัว จากนั้นนางก็รู้สึกว่ามีมือมากอดลูบๆ คลำๆ นางอยู่ พอเงยหน้าขึ้นมาพบกับลู่เสี่ยวฟง นางก็ร้องเสียงดังกว่าเดิมจนชายหนุ่มต้องเอามือปิดหูไว้ ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ลืมตาขึ้น ก็มีฝ่ามือมาประทับอยู่บนใบหน้าของเขาอย่างจังแล้ว “เผลี๊ยะ” “นี่เจ้าตบหน้าข้าทำไม” “คนอะไรทุเรศที่สุด!!!” อ้อมหมิงเจิ้งตะคอกใส่เขาแล้วทำท่าจะเดินหนี “ข้าไปทำอะไรเจ้า เจ้าเป็นฝ่ายมากอดข้าเองนะ” ลู่เสี่ยวฟงเดินมาขวางหน้านางไว้ไม่ให้เดินหนีไปได้ “ใครไปกอดเจ้า คนต่ำช้า ถ้าขืนยังตามมาอีกข้าจะไม่เกรงใจแล้วนะ” อ้อมหมิงเจิ้งจ้องหน้าชายหนุ่มในชุดผ้าพลิ้วด้วยดวงตาดุดันราวกับเสือก็ไม่ปาน “ไม่เกรงใจก็ดีหน่ะสิ” ชายหนุ่มแกล้งลดตัวลงมากใกล้ๆ ส่งสายตาเป็นประกาย แล้วพูดจาหยอกล้อใส่นาง ทำให้อ้อมหมิงเจิ้งยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิม นางยกมือขึ้นเพื่อที่จะตบหน้าเขาอีกครั้ง แต่ว่า “อ๊ะๆ” ลู่เสี่ยวฟงสามารถรับฝ่ามือนางไว้ได้ทัน พอนางจะยกมืออีกข้างขึ้นมา เขาก็คว้าเอาไว้ได้อีก “นี่เจ้า!!!” อ้อมหมิงเจิ้งรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก เมื่อคิดอะไรไม่ออกนางจึงยกเท้าขึ้นเตะสกัดตรงกล่องดวงใจของเขาพอดิบพอดี ทำให้ชายหนุ่มถึงกับร่วงลงไปกองกับพื้น “โอยยยยย” ลู่เสี่ยวฟงร้องอวดครวญด้วยความเจ็บปวด อ้อมหมิงเจิ้งสะบัดผมแล้วหันไปมองคนที่นอนกองอยู่กับพื้นด้วยความสะใจ ทันใดนั้นก็มีศิษย์คนหนึ่งทั้งวิ่งทั้งตะโกนมาแต่ไกล “แย่แล้วครับ!!! หัวหน้าสาม!!! หัวหน้าสี่!!!" ศิษย์ที่วิ่งมาหอบแฮกๆ "นี่มีอะไร ค่อยๆ ว่าไปซิ" อ้อมหมิงเจิ้งรีบวิ่งเข้าไปถามศิษย์ที่เพิ่งมาถึง "คือมีพวกคนของทางการมารอพบพวกท่านอยู่ที่หน้าค่ายครับ” “เจ้าว่าไงนะ!!!” “ตอนนี้คนจากราชสำนักมันมากันเต็มไปหมดเลย มันบอกว่ามีราชโองการถึงหัวหน้าทั้งสี่ ตอนนี้พวกมันรออยู่ที่หน้าค่ายครับ” ชายหนุ่มพูดไปหอบไป “อะไรนะ ราชโองการงั้นหรือ” นี่ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ อ้อมหมิงเจิ้งคิดในใจ “แล้วมีใครไปบอกหัวหน้ารองหรือยัง” ลู่เสี่ยวฟงเดินกระโผกกะเผกเข้ามาถามบ้าง “สี่วุ่นไปบอกอาจารย์รองแล้วครับ ตอนนี้ท่านคงกำลังไปที่หน้าค่าย” “ดี งั้นพวกเราตามไปดูให้รู้เรื่องกันไปเลยว่า มันเรื่องอะไรกันแน่” อ้อมหมิงเจิ้งว่าแล้วก็เดินนำชายทั้งสองมุ่งสู่ประตูทางทิศใต้ของค่ายทันที... | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| |
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Mon Oct 27, 2008 10:25 am | |
| - Andaman พิมพ์ว่า:
- อ๊ากกกกกกก ในที่สุดความฝันของ อ้อมหมิงเจิ้ง ก็เป็นความจริงแล้วววว ได้เห็นพี่ลู่แก้ผ้าด้วย ก๊ากๆๆ
ขอเป็นงานเป็นการบ้าง
ชีเส้าซัง หวานมากๆๆ มีจูบซับน้ำตาด้วยเฟร้ยยยย อ่านไปก็อิจฉาเส่เยี่ยไป อ่านแล้วก็จินตการตามไปด้วย นึกภาพท่านหัวหน้าชี ทำท่าหวานๆเนี่ย คงเก้ๆกังๆน่าดู เพราะชาตินี้เกิดมาก็ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดผู้หญิงเท่าไหร่ จริงๆชีเส้าซังน่าจะพาเส่เยี่ยมาด้วยนะเนี่ย สงสารเส่เยี่ยอ่ะ ตาบอด แล้วต้องโดนทิ้งไว้กับเฒ่าทารก
ส่วนลู่เสี่ยวฟ่ง แต๋มเก่งนะเนี่ย ขนาดไม่เคยดูหนัง รู้ได้ไงว่า ลู่เสี่ยวฟ่งไม่ชอบสวมเสื้อผ้าตอนนอน เขาให้เหตุผลว่า สวมเสื้อผ้านอนเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เหมือนกับการถอดกางเกงผายลม 555
ส่วนอ้อมหมิงเจิ้ง เสียงกรี๊ดเธอได้ใจจริงๆ อ่านแล้วบุคลิคเธอเหมือนผู้ชายคนหนึ่งมากกว่า แต่เหมาะสมแล้วกับผู้ชายกะล่อนแบบลู่เสี่ยวฟ่ง (ห้ามเปลี่ยนคู่นะจ๊ะ ขอร้อง)
แอบมีฉากไส้เดือนด้วย โอย แล้วมือมีแอบมาลูบๆๆ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก (ร้องด้วยความดีใจนะเนี่ย ที่โดนลูบ 555) - tomtam พิมพ์ว่า:
- เขียนไปก็อิจฉาเส่เยี่ยไป ฮือๆๆ คนเขียนแอบคัทฉากร่ำลาให้ท่านลุงชีออกจากป่าไวๆ กลัวมดจะท่วมป่าซะก่อน :q21:
พลาดไปนิด ลืมบอกในเรื่องว่าชีเส้าเฟยต้องใช้เวลาประมาณ 1 วันในการเดินทางไปค่ายเหลียนอิ๋น แต่ถ้าหากพาเส่เยี่ยไปด้วย อาจจะไปส่งข่าวให้พี่น้องไม่ทันค่ะ เพราะว่านางเป็นผู้หญิง วรยุทธก็ไม่แข็งแรง แถมยังมองไม่เห็นอีกต่างหาก กว่าจะเดินถึงค่ายโน่น 3 วันค่ะ สู้ฝากไว้กะจิวแปะทงดีกว่า (รึเปล่า ต้องดูกันต่อไป)
บุคลิกอ้อมหมิงเจิ้งก็ห้าวๆ แบบนี้หล่ะค่ะ ไม่รู้เหมือนใคร ส่วนใครจะคู่ใคร เฮ้อคนเขียนก็ยังคิดไม่ตกสักที ไหนจะฟางเจี๊ยบเอ๋อ หลินกุเหนียง องค์หญิงปิงเยี่ย องครักษ์เหอ คังซื่อ ..... - Timmy พิมพ์ว่า:
- แอบอู้ (เวลางาน) อ่านตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว แต่ขอโม้ที่บ้านดีก่า
โธ่ๆท่านลุงชีแค่ได้จุ๊บหน้าผากเส่เยี่ย แต่แค่นั้นก็เหมือนท่านลุงจะแบบว่า... :q5:
ก็เข้าใจอ่ะค่ะว่าท่านลุงมิเคยใกล้ชิดหญิงใดมาก่อน นอกจากคนเขียน อิอิ
มีซาวค์เอฟแฟ็คประกอบซะขนาดนั้น รีบตัดฉากร่ำลาซะแล้ว มดกำลังกัดเลยค่ะ
แต่ว่าก็ซาบซึ้งมิใช่น้อย ในที่สุดท่านลุงก็ทำในสิ่งที่มิเคยทำมาก่อน หุหุ
ตอนใหม่ล่าสุดชวนให้จิ้นจินตนาการอย่างมากมาย เมื่อพี่ลู่นอนโดยไร้อาภรณ์
ป่านฉะนี้แม่นางอ้อมหมิงเจิ้งจะเป็นเช่นใดบ้างหนอ ทับทิมฝากเยี่ยมไข้ด้วยค่ะ | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| |
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Mon Oct 27, 2008 10:28 am | |
| | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Mon Oct 27, 2008 10:29 am | |
| - Andaman พิมพ์ว่า:
- งานนี้ เริ่มจะสงสารคนแต่งฟิคเรื่องนี้แล้วนะ
ที่ต้องมานั่งปวดหัว คอยจับคู่ตัวละครให้พวกเรา 555 ขืนจับผิดคู่ล่ะก็ คนเขียนฟิคอาจโดนรุมได้น่ะ เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้คนเขียนฟิคจับคู่ผิด พวกเราจึงต้องกำหนดให้ ว่าเราต้องการจะคู่กับใคร :q5:
...........................
บุคลิคของเล็กเซี่ยวหงส์ (ให้แต๋มอ่านจะได้ใช้เป็นข้อมูลในการเขียนฟิค)
-เล็กเซี่ยวหงส์ เวลาใช้ความคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เขาจะชอบเอามือไปลูบหนวดของตัวเอง
-เล็กเซี่ยวหงส์ เวลาอารมณ์ดี จะชอบดื่มสุราและร้องเพลง (แต่ร้องเพลงได้ห่วยมาก)
ตัวอย่าง
ตอนนี้เล็กเซี่ยวหงส์กำลังร้องเพลงว่า "ชีวิตพึงหฤหรรษ์เต็มที่ มิควรให้จอกเปล่าคู่จันทรา.." เขานั่งในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ใช้ตะเกียบเคาะจอกสุรา ร้องไปร้องมา ร้องได้เพียงสองประโยค
ฮวยมั่วเล้าอดกล่าวมิได้ว่า "เราไม่ได้ตำหนิท่านร้องไม่ดี.... แต่ท่านสามารถเปลี่ยนเนื้อร้องได้หรือไม่" เล็กเซี่ยวหงส์ กล่าว "ไม่สามารถ" "เพราะเหตุใด?" "เนื่องเพราะข้าพเจ้าร้องได้เพียงสองประโยคนี้"
ฮวยมั่วเล้าอดหัวเราะไม่ได้ กล่าวว่า "ตามคำร่ำลือ เล็กเซี่ยวหงส์ปราดเปรื่องเป็นอัฉริยะ ไม่ว่าเป็นวิชาฝีมือใด เพียงร่ำเรียนก็แตกฉาน แต่ตอนหัดร้องเพลงยังโง่ยิ่งกว่าลาซะอีก"
-เล็กเซี่ยวหงส์ มีท่าในการดื่มสุราที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเลียนแบบได้ จนเขากล่าวว่า "นี่เป็นท่าประจำตระกูล"
นั่นคือ การนอนดื่มสุรา โดยการใช้จอกสุราวางบนหน้าอก แล้วใช้ปากดูดสุราเข้าปาก โดยที่ไม่ต้องยกมือขึ้นไปจับจอกสุรา เหล้าจะไม่หกแม้ซักหยดเดียว
ซีคงเตี๊ยะแซ พยายามอย่างยิ่งที่จะเลียนแบบ แต่เขาทำได้เพียงแค่ดูดสุราเข้าปากครึ่งเดียว ส่วนอีกครึ่งล้วนหกรดบนหน้าอก
-เล็กเซี่ยวหงส์ ถามว่า "ท่านทราบหรือไม่ว่า เราเป็นคนเยี่ยงไร" และเขาตอบว่า " เราเป็นนักต้มตุ๋น หลอกดื่มกิน อาศัยชื่อของเราก็สามารถกินฟรีไปทั่วทั้งแผ่นดิน" (เนื่องจากเล็กเซี่ยวหงส์เป็นคนมีชื่อเสียง ไม่ว่าจะไปที่ใด ล้วนมีคนต้องการเห็นหน้าและทำความรู้จักกับเขา เล็กเซี่ยวหงส์จึงบอกว่า แค่อาศัยชื่อของเขาในการหากิน(ฟรี) ไม่ว่าเขาจะโผล่หน้าไปที่ใด ทุกคนล้วนยินดีต้อนรับ | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Mon Oct 27, 2008 10:30 am | |
| - tomtam พิมพ์ว่า:
- ความเดิมจากตอนที่แล้ว ชีเส้าเฟยตัดสินใจมาเตือนภัยพี่น้องที่ค่ายเหลียนอิ๋น และได้ฝากเส่เยี่ยไว้กับจิวแปะทง โดยนัดให้ไปพบกันอีก 10 วันที่ร้านเหล้าชื่อฉีถิง ส่วนอ้อมหมิงเจิ้ง ลู่เสี่ยวฟงและกงซุนเช่อกำลังจะเผชิญหน้ากับคนของทางการที่ย กกันมาเป็นพันเลยทีเดียว
ตอนที่ 9 เหลียน อิ๋น
กงซุนเช่อ อ้อมหมิงเจิ้ง และลู่เสี่ยวฟงมายืนเรียงกันอยู่ที่หน้าทางเข้าค่าย เบื้องหน้าของพวกเขามีทหารต้าซ่งนับพันคนยืนรออยู่ก่อนแล้ว “คนไหนคือชีเส้าเฟย!!!” ชายหนุ่มผู้มาเยือนอายุราว 20 ท่าทางยโสอวดดีเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับกราดสายตามองหัวหน้าทั้งสามตั้งแต่หัวจรดเท้า “สุนัขรับใช้มีอะไรก็พูดมา ไม่ต้องถามให้มากความ” อ้อมหมิงเจิ้งไม่พอใจที่เขาเอ่ยชื่อชีเส้าเฟยตรงๆ จึงตะคอกกลับอย่างไม่ไว้หน้า “บังอาจ!!! กล้าพูดเช่นนี้กับข้าเหรอ!!! เจ้ารู้ไหมข้าเป็นใคร!!!” เมื่อถูกพูดจาดูถูก ชายหนุ่มผู้มาเยือนก็หน้าแดงกร่ำด้วยความโกรธ หัวหน้ามือปราบหันจุ้นที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงรีบเข้ามาไกล่เกลี่ยบอกให้เขาใจเย็นๆ กงซุนเช่อเองก็ส่งสัญญาณให้อ้อมหมิงเจิ้งใจเย็นเช่นกัน ฝ่ายลู่เสี่ยวฟงเห็นสถานการณ์ตึงเครียดจึงเดินเข้าไปจ้องหน้าชายผู้นั้นใกล้ๆ มองซ้าย มองขวา เมื่อไม่เห็นว่ามีชื่อสลักไว้แต่อย่างใดจึงถามชายผู้นั้นว่า “ไม่ทราบว่าคุณชายจะบอกหน่อยได้ไหมว่าท่านเป็นใคร” “ได้ ข้าจะบอกให้เอาบุญ ข้าคือลูกชายของแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่สุดในต้าซ่ง เสนาบดีอ๋าวป้าย” ชายหนุ่มมาดคุณชายกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “อ๋อ ที่แท้ก็คุณชายอ๋าวนี่เอง ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ” ลู่เสี่ยวฟงลูบหนวดของเขาแล้วยิ้มให้กับชายผู้มาเยือน คุณชายอ๋าวเข้าใจว่าลู่เสี่ยวฟงเกรงกลัวตนจึงยิ้มเยาะอย่างภูมิใจ “พ่อเลวยังไง ลูกก็เลวอย่างนั้น” อ้อมหมิงเจิ้งกล่าวสวนขึ้นมาอย่างลอยๆ ทำให้คนฟังถึงกับสะดุ้ง “นังตัวดี!!! กล้าพูดจาลบหลู่พ่อข้างั้นเหรอ!!! หัวจะหลุดจากบ่าอยู่แล้วยังปากดีอีก!!!” “หัวข้าหรือว่าหัวเจ้า นึกว่าข้ากลัวเจ้างั้นเหรอ ถ้าแน่จริงก็เข้ามาเลย” อ้อมหมิงเจิ้งไร้ซึ่งความกลัว นางชักกระบี่เตรียมลุยเต็มที่ทำให้กงซุนเช่อกับลู่เสี่ยวฟงต้องรีบเข้ามาห้ามทัพ ด้านทหารองครักษ์ของอ๋าวเทียนลี่ก็เข้ามาล้อมแถวป้องกันเจ้านายของตนเช่นกัน เมื่อสถานการณ์ดูแย่ลง กงซุนเช่อจึงตัดสินใจเข้าไปพูดจาไกล่เกลี่ย “คุณชายอ๋าว ท่านมือปราบทั้งหลายได้โปรดอย่าถือสาน้องข้าเลย นางเป็นนักรบอาจจะพูดจาโผงผางไปบ้าง” “นักรบงั้นเหรอ ระดับเจ้ามีปัญหาไปออกรบงั้นเหรอ อย่างดีก็เป็นได้แค่โจรกระจอก ที่ต้าซ่งอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะบารมีพ่อข้าต่างหาก” “จริงอยู่พวกเรามีอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ถือว่าอาศัยแผ่นดินเดียวกันอยู่ มีเรื่องอะไรค่อยพูดค่อยจากันก็ได้ เหตุใดท่านจึงต้องพาผู้คนมามากมายเช่นนี้ ตอนนี้แค่ศึกกับต้าเหลียวก็หนักพออยู่แล้ว หากพวกเราไม่สามัคคีกัน เกรงว่าต่างชาติจะอาศัยจังหวะนี้โจมตีพวกเราได้” กงซุนเช่ออธิบาย “พูดได้ดีนี่ แต่น่าเสียดาย ที่กลับกลายเป็นคนขายชาติเสียเอง” “ขายชาติเหรอ คุณชายใหญ่ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า” ลู่เสี่ยวฟงเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย “ไม่ต้องมาทำไขสือ หลักฐานมีอยู่พร้อมมูลแล้ว หัวหน้าหันเอาราชโองการมาอ่านให้พวกมันฟังซิ” อ๋าวเทียนลี่หันไปสั่งมือปราบหัวจุ้นซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ก่อนที่เขาจะเปิดราชโองการออกอ่าน “ชีเส้าเฟย กงซุนเช่อ อ้อมหมิงเจิ้ง ลู่เสี่ยวฟงรับราชโองการ” จังหวะที่หันจุ้นกำลังจะอ่านราชโองการ อ้อมหมิงเจิ้งกับลู่เสี่ยวฟงลังเลที่จะคุกเข่า แต่ในที่สุดก็ถูกกงซุนเช่อรบเร้าจนจำต้องยอม “หัวหน้าทั้งสี่ของค่ายเหลี๋ยนอิ๋นสมคบกับองค์ชายสามต้าเหลียวคิดก่อการกบฏ เปลี่ยนแปลงศักราช ดำเนินการปฏิปักษ์ต่อราชสำนัก ปล้นทรัพย์สินคลังหลวงเป็นจำนวน 18 ครั้ง สร้างความวุ่นวายและยุแยงให้เกิดการจลาจลในเขตชายแดน ประชานชนได้รับความทุกข์ร้อนกันถ้วนหน้า ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้จับกุมตัวไปรับโทษที่เมืองหลวงทันที หากขัดขืนสามารถลงอาญาได้ก่อนและค่อยรายงานทีหลัง จบราชโองการ…” หลังจากจบราชโองการ ทั้งสามก็มองหน้ากันด้วยความสงสัย มีแต่คำถามผุดขึ้นในใจ จริงอยู่แม้พวกเขาจะเป็นโจรแต่ก็ไม่เคยคิดก่อการกบฏ ค่ายเหลียนอิ๋นจะเจาะจงปล้นเฉพาะขุนนางกังฉินเท่านั้น หากเป็นเงินคลังหลวงซึ่งเป็นภาษีของราษฎร พวกเขาไม่เคยคิดที่จะแตะต้อง ยิ่งเรื่องการก่อจลาจลยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ หลายปีที่ผ่านมาเพราะต้าเหลียวเกรงกลัวอิทธิพลของชีเส้าเฟยและค่ายเหลียนอิ๋นจึงไม่กล้ารุกรานต้าซ่งอย่างจริงจัง ประชาชนที่อยู่รอบๆ เขตชายแดนก็พลอยได้รับความสงบสุขไปด้วย พวกเขาจึงรักใคร่และรู้สึกขอบคุณในความเสียสละของค่ายเหลียนอิ๋นกันทั้งนั้น แต่วันนี้กลับต้องมาโดนใส่ร้ายข้อหาหนัก โทษประหารถึงเจ็ดชั่วโคตร | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Mon Oct 27, 2008 10:31 am | |
| - tomtam พิมพ์ว่า:
“ข้าว่าเรื่องนี้คงมีการเข้าใจผิดแล้วหล่ะ” กงซุนเช่อพยายามอธิบายต่อ “เข้าใจผิดหรือไม่ ราชสำนักจะเป็นคนตัดสินเอง ตอนนี้ฮ่องเต้ทรงมีราชโองการแล้ว หากเจ้าไม่ยอมไปดีๆ ข้าก็มีหน้าที่เอาหัวเจ้ากลับไปรายงาน” มือปราบหันกล่าวด้วยแววตาดุดัน “พี่รองอย่าพูดให้มากความเลย ปรกติฮ่องเต้ก็ไม่เคยเห็นหัวพวกเราอยู่แล้ว คราวนี้ถ้าไปกับเขา ก็มีแต่ตายอย่างเดียว ยังไงข้าก็ไม่มีวันทิ้งค่ายไปอย่างแน่นอน” อ้อมหมิงเจิ้งกล่าว “หงเผาพูดถูกแล้ว หากพวกเราทิ้งค่ายไปตอนนี้ ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้พวกเหลียวเข้ามาโจมตีโดยง่าย ข้าเองก็จะไม่มีวันทิ้งค่ายไปเช่นกัน” ลู่เสี่ยวฟงก็เข้ามาพูดสมทบอีกแรง “อาจารย์รองพวกเรายินดีสู้ตาย” “อาจารย์รองพิจารณาด้วย” ศิษย์คนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ต่างก็สนับสนุนเป็นเสียงเดียวกัน กงซุนเช่อเห็นว่าไม่มีทางเลือกอื่นจึงได้แต่ถอนหายใจและส่ายหัว “ครั้งนี้คงสุดวิสัยจริงๆ” เมื่อเห็นว่ากงซุนเช่อไม่ทักท้วง ลู่เสี่ยวฟงก็พยักหน้าให้อ้อมหมิงเจิ้งทันที เขาเป่าปากส่งสัญญาณให้พวกทหารหลายร้อยที่ยืนรออยู่ด้านหลังปรากฏตัวขึ้น พวกคนของราชสำนักพอเห็นเช่นนั้นก็ตกใจ “ไอ้คนขายชาติ นี่พวกเจ้าคิดจะแข็งข้องั้นเหรอ!!!” “ปรกติพวกเราก็ไม่เคยอ่อนข้ออยู่แล้วนี่ ตอนนี้มีสองทางเลือกให้เจ้าคือ กลับไปรายงานฮ่องเต้ซะว่าพวกเราไม่ใช่กบฏ เราจะไม่เอาความ หรือติดใจเรื่องนี้แต่อย่างใด” ลู่เสี่ยวฟงเดินหน้าเข้มเข้ามาเจรจากับฝ่ายตรงข้าม “เจ้านึกว่าตัวเองเป็นใคร ทหารแค่หยิบมือเท่านี้ ไม่มีทางสู้กองทัพของข้าได้หรอก”แม้อ๋าวเทียนลี่รู้สึกหวั่นๆ แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ “งั้นก็แปลว่าเลือกอย่างที่สอง” ว่าแล้วลู่เสี่ยวฟงก็ชักกระบี่ออกมา มือปราบหันกับทหารฝีมือดีอีกสองคนเข้ามากันอ๋าวเทียนลี่ออกไป จากนั้นทั้งสี่ก็เปิดฉากปะทะกันอย่างดุเดือด ฝ่ายอ๋าวเทียนลี่ก็ส่งสัญญาณให้ทหารที่เหลือบุก จนเกิดการต่อสู้ชุลมุนไปทั่วบริเวณ วิชาตัวเบาของลู่เสี่ยวฟงนั้นเป็นเลิศ อีกทั้งยังออกกระบี่ได้รวดเร็วแม่นยำ พวกทหารจึงทำอะไรเขาไม่ได้เลย ฝ่ายอ้อมหมิงเจิ้งก็กระซิบให้ลูกน้องคนหนึ่งไปจุดพลุสัญญาณ นางรู้ว่าชีเส้าเฟยคงกำลังเดินทางกลับค่ายอยู่ หากรู้ว่ามีภัยจะได้ระวังตัวมากขึ้น
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ชีเส้าเฟยกำลังเร่งฝีเท้าของตนให้ถึงค่ายไวที่สุด เขาเป็นห่วงว่าที่ค่ายจะเกิดเรื่อง ทันใดนั้นก็ปรากฏพลุเก้าหัวขึ้นบนท้องฟ้า เขาจึงรู้ว่าที่ค่ายได้เกิดเรื่องขึ้นแล้ว ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ก้าวเท้าต่อไปก็ปรากฏพลุสัญญาณขึ้นอีกลูกหนึ่ง ทำให้เขารู้สึกแปลกใจ “แปลกจัง ทำไมถึงได้จุดพลุสองครั้ง รึว่าจะเกิดเรื่องใหญ่” ชีเส้าเฟยคิดในใจ จากนั้นก็รีบมุ่งหน้าไปที่ค่ายเหลียนอิ๋นทันที
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
“นี่นังหนูซึมเชียวนะ” จิวแปะทงมองเส่เยี่ยที่เดินหน้าละห้อยแล้วก็เกาหัวหยึกๆ “มาๆ ข้างหน้ามีโรงเตี๊ยมอยู่นะ ไปพักที่นั่นก่อนก็แล้วกัน” ว่าแล้วเขาก็จูงมือหญิงสาวเข้าไปยังโรงเตี๊ยม “สวัสดีครับคุณชายไม่ทราบว่าจะรับอะไรดีครับ” “เอาน้ำข้าวต้ม ผักขม แล้วก็น้ำใบบัวบกมาอย่างละสองนะน้องชาย” จิวแปะทงชูไม้ชูมือสั่งอาหาร แล้วก็หันมาชวนเส่เยี่ยคุย “นี่นังหนูเจ้าจะไม่พูดอะไรกับข้าเลยงั้นเหรอ ข้าเบื่อแล้วน้า” นักพรตเอามือเคาะโต๊ะไปมา “เอางี้ไหม พูดเรื่องเจ้าชีเส้าเฟยก็ได้นะ เจ้าจะได้ไม่เบื่อ...” พอเส่เยี่ยได้ยินคำว่าชีเส้าเฟยเท่านั้น สีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นเศร้าทันที “เอาหล่ะๆ ไม่พูดถึงเขาก็ได้ เอ่อ!งั้นพูดถึงเจ้าแล้วก็ครอบครัวของเจ้าละกัน ดีไหม” จิวแปะทงยังคงพยายามชวนคุยต่อ โดยที่ไม่รู้ว่าเส่เยี่ยเพิ่งจะสูญเสียบิดาไป คราวนี้เส่เยี่ยหน้าเศร้ายิ่งกว่าเดิม แถมดวงตายังมีน้ำตาคลอๆ อีกด้วย ทำให้จิวแปะทงตกใจไปเลย “โอะๆ ใจเย็นๆ ไม่พูดแล้วๆ เรื่องนั้นก็พูดไม่ได้ เรื่องนี้ก็พูดไม่ได้ งั้นข้าอยู่นิ่งๆ ก็ได้ โธ่นี่มันกรรมอะไรของจิวแปะทงนะ เมื่อวานยังหลอกผีพวกทหารอยู่ดีๆ วันนี้ต้องมานั่งเฝ้านังหนูนี่ โอ๊ย กลุ้มๆๆ” | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Mon Oct 27, 2008 10:33 am | |
| - tomtam พิมพ์ว่า:
- ระหว่างที่จิวแปะทงกำลังนั่งง่าว ก็มีเสียงชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเอะอะโวยวายกันอยู่ที่หน้าโรงเตี๊ยม
“เฮ๊ยๆ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” “มีอะไรเหรอ มีอะไรเหรอ” “ก็ค่ายเหลียนอิ๋นหน่ะสิ ตอนนี้ถูกราชสำนักกำจัดแล้ว” พอชาวบ้านรู้ข่าวก็ส่งเสียงถามกันให้ชุลมุน ฝ่ายจิวแปะทงหันกลับมาที่โต๊ะอีกที ก็พบว่าเส่เยี่ยใช้ไม้เท้าเดินคลำทางออกไปข้างหน้าโรงเตี๊ยมแล้ว “อ๊ากกก นังหนูเจ้าจะไปไหน รอข้าด้วย” “ไม่จริงมั๊ง จอมยุทธชีกับค่ายเหลียนอิ๋นเป็นคนดีจะตายจะกลายเป็นพวกกบฏไปได้ยังไง” หญิงชราคนหนึ่งเอ่ยทักท้วงขึ้น จิวแปะทงกับเส่เยี่ยก็ยืนฟังเหตุการณ์อยู่กับพวกชาวบ้านด้วยเช่นกัน “เป็นเรื่องจริงนะ ฮ่องเต้ทรงมีราชโองการเองเลย” “มิน่าหล่ะ เมื่อวานข้าเห็นทหารกองเบ่อเริ่มผ่านหมู่บ้านเราไป ต้องไปจับจอมยุทธชีแน่ๆ” “ฮ่องเต้องค์นี้ทำไมถึงได้เลอะเลือนแบบนี้นะ” “แล้วอย่างนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี” “เฮ้อ ถ้าเป็นความคิดของฮ่องเต้พวกเราจะทำไปอะไรได้” “ราชสำนักนับวันก็เละเทะขึ้นทุกที วันๆ เอาแต่เวนคืนที่ดิน เพิ่มเงินภาษีราษฎร ไม่เห็นใจพวกเราบ้างเลย” “เสียดายก็แต่คนดีๆ อย่างจอมยุทธชี ต้องมามีจุดจบเช่นนี้หน่ะสิ” “จริงด้วย หากไม่มีค่ายเหลียนอิ๋น ป่านนี้บ้านเมืองคงตกเป็นของพวกเหลียวไปนานแล้ว” “งั้นพวกเราจะนิ่งเฉยอยู่ทำไม ข้าว่าเราก็ก่อความวุ่นวาย ประท้วงราชสำนักไปเลยดีไหม” ชายหนุ่มคนหนึ่งออกความเห็นขึ้น “ดีๆๆๆ” ชาวบ้านคนอื่นต่างก็เห็นด้วย “กำจัดฮ่องเต้โฉดๆๆ” เส่เยี่ยเองก็ร้องป่าวตะโกนร่วมไปกับพวกชาวบ้านทำท่าจะเดินขบวนไปกับเขาด้วย จนจิวแปะทงต้องเข้าไปลากนางออกมา “นี่เจ้าจะบ้าเหรอ อย่าพาข้าซวยไปด้วยซิ ข้าสัญญากับเส้าเฟยไว้ว่าจะพาเจ้าไปพบอีก 10 วันนะ ถ้าเจ้าเป็นอะไรขึ้นมา ข้าจะทำยังไง” “แล้วท่านไม่ได้ยินงั้นเหรอ ท่านลุงกำลังอยู่ในอันตรายนะ” หญิงสาวสะบัดมือออก “เจ้าตามไปก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้หรอกน่า อย่างห่วงเลยเชื่อข้าเถอะ ศิษย์เอกช่วงจิงก่าคนนี้ฝีมือดีที่สุด ไม่มีใครจับเขาได้อยู่แล้วหล่ะหน่า” “ท่านลุงเก่งขนาดนั้นจริงเหรอ” หญิงสาวทำหน้าไม่เชื่อ “จะโกหกทำไมเล่า ข้าไม่ใช่ผีนะจะได้หลอกเจ้า ชีเส้าเฟยคนนี้ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นจอมยุทธอันดับหนึ่งของแผ่นดินเชียวนะ” หญิงสาวฟังแล้วก็เริ่มคล้อยตาม “แล้วทำไมราชสำนักต้องจับตัวเขาด้วย” “เฮ้อพูดแล้วเรื่องมันยาว แต่เล่าก็ได้เพราะข้ากำลังเซ็งๆ คืองี้นะราชสำนักเนี้ยมันเลวมาก เรื่องดีๆ มันไม่ค่อยจะทำ พอเห็นค่ายเหลียนอิ๋นของเส้าเฟยเป็นที่เคารพของชาวบ้าน มันก็อิจฉากลัวจะเท่ห์น้อยกว่าก็เลยส่งคนมาจัดการหน่ะสิ จริงๆ มันส่งมาแล้วหลายครั้งนะ แต่ไม่เคยเห็นเยอะขนาดนี้มาก่อน” “อย่างนี้ท่านลุงก็ตกอยู่ในอันตรายนะสิคะ” “เจ้าไม่ต้องกลัวหรอก ลุงของเจ้ายังมีนักพรตเอ๊ยบัณฑิตอย่างกงซุนเช่อ แล้วก็เจ้าวายร้ายลู่เสี่ยวฟงกับขงเบ้งชุดแดงอ้อมหมิงเจิ้งช่วยเหลืออยู่ ต่อให้ราชสำนักเอาฮ่องเต้มาด้วยก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้หรอกน่า” “พวกเขาเก่งขนาดนั้นเชียวเหรอคะ” หญิงสาวเริ่มใจชื้นขึ้น “นี่เจ้าไปอยู่อาฟกานิสถานมาหรือไง ไม่รู้เรื่องราวบ้านเมืองเลย เจ้าเป็นหลานเขาไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับลุงตัวเองเลยหล่ะนี่” “ก็ข้าเพิ่งจะรู้จักกับท่านลุงชีระหว่างทาง เขาช่วยชีวิตข้าไว้ เขาเป็นสหายของพ่อข้าหน่ะค่ะ” “ว่าแต่เจ้าอายุเท่าไหร่กัน เห็นเรียกเขาแต่ลุงๆๆ อยู่ได้ ฟังแล้วมันขัดหูชะมัด” จิวแปะทงฉุกคิดขึ้นมาได้จึงถามขึ้น เขาจ้องหน้าเส่เยี่ยด้วยความสงสัย “ข้าอายุ 18” “กร๊ากกกกกกๆๆๆ ข้าว่าเจ้าโดนมันตุ๋นแล้ว” ชายชราพูดไปหัวเราะไป “ตุ๋นอะไรเหรอะคะ” “ก็เส้าเฟยอายุแค่ 20 เอง จะเป็นลุงของเจ้าได้ยังไง” จิวแปะทงยังคงหัวเราะไม่หยุด “ท่านลุงอายุ 20 เองเหรอ เป็นไปไม่ได้ ท่านลุงไม่โกหกข้าหรอก” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง “แล้วเขาบอกเจ้าว่าอายุเท่าไหร่หล่ะ” “เขาไม่ได้บอก” | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Mon Oct 27, 2008 10:34 am | |
| - tomtam พิมพ์ว่า:
- “อ้าวแล้วทำไมเจ้าถึงได้เรียกเขาว่าลุงหล่ะ”
“ก็เขาเป็นสหายของพ่อข้า” “ออ เข้าใจแล้ว” จิวแปะทงพยักหน้า เขาพอจะเดาเหตุการณ์ออกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน “ท่านลุงอายุ 20 จริงๆ เหรอคะ” หญิงสาวหันมาถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “จริงสิ ถามทำไม รึว่า... สนใจศิษย์ข้างั้นเหรอ” จิวแปะทงเห็นได้ทีก็ทำเสียงเจ้าเล่ห์อำใส่นางทันที ฝ่ายเส่เยี่ยก็อ้ำอึ้งก้มหน้าก้มตาไม่ตอบอะไร “ดูเจ้าสิ อายจนหน้าแดงไปหมดแล้ว ฮ่าๆๆ” “แล้วท่านลุงเอ๊ยจอมยุทธชี หน้าตาเป็นอย่างไรเหรอคะ” หญิงสาวเริ่มสอบถามลักษณะของชายในฝัน เดิมทีนางก็ตกหลุมรักเขาอยู่แล้ว พอตอนนี้ยิ่งรู้ว่าอายุไม่ต่างกัน นางก็ยิ่งมีความหวังมากขึ้น “ฮุๆๆ ก็หน้ากลมๆ เหมือนซาลาเปา ตัวเตี้ยๆ ป้อมๆ ดำๆ ปากเบี้ยวนิดๆ จมูกบานๆ ตาเหล่หน่อยๆ แล้วก็...” “พอแล้วๆ ข้าไม่อยากฟังท่านพูดแล้ว” “กร๊ากกกกกกกๆๆๆๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ” “นักพรตจิว ท่านหัวเราะอะไร” “ก็ดูเจ้าสิ ข้าแค่หลอกหน่อยเดียวเจ้าก็เชื่อสนิทแล้ว นี่ถามจริงๆ เถอะนะ ถ้าหน้าตาชีเส้าเฟยเป็นแบบนั้นจริงๆ เจ้าจะยังรักเขาไหม” จิวแปะทงยื่นหน้าอันแสนจะกวนประสาทของเขาเข้าไปใกล้ๆ แล้วกระซิบถามนาง “ใครว่าข้ารักเขาเล่า” ทีนี้หญิงสาวหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม นางอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว “นังหนูอย่านึกว่าข้าดูไม่ออกนะ เจ้าปากแข็งแบบนี้ระวังสุนับคาบไปรับประทานนะ” “ก็ข้าไม่รู้จริงๆ ข้ารู้แต่ว่าไม่ว่าท่านลุงจะหน้าตาเป็นยังไงก็ไม่สำคัญ ข้าจะยังคงรู้สึกกับเขาเช่นเดิม” “โอ้โหพูดถึงเขาหน่อย เจ้าก็จริงจังขนาดนี้เชียว แต่ข้าว่าเจ้าก็ทำใจเอาไว้บ้างเถอะ ดูท่าเขาจะมีคนหมายปองแล้วนะ” “ท่านลุงมีคนรักแล้วงั้นเหรอคะ” เส่เยี่ยเปลี่ยนน้ำเสียงแล้วหันมาถามจิวแปะทงทันที “ใครกันคะนักพรตจิว บอกข้ามาเถอะ” เมื่อเห็นว่าจิวแปะทงไม่ยอมตอบ นางก็ยิ่งอยากรู้มากขึ้น จิวแปะทงเห็นเช่นนั้นก็เอามือปิดปากตัวเองกลั้นหัวเราะเอาไว้ จนในที่สุดเขาก็ทนไม่ได้ “บอกเจ้าก็ได้ ก็ฮ่องเต้ไง สัปดาห์หน้าจะมีการแต่งตั้งฮองเฮา เขาพาทหารเยอะขนาดนี้มาจับตัวชีเส้าเฟย สงสัยจะอุ้มเข้าวังแต่งตั้งเป็นฮองเฮาแน่ๆ ข้าว่าฮ่องเต้คงปิ๊งลุงเจ้าเข้าแล้วหล่ะ ฮ่าๆๆๆ” “นักพรตจิวก็...” หญิงสาวอยากจะโกรธจิวแปะทงจริงๆ แต่ก็ทำไม่ลง แม้เขาจะขี้เล่นไปสักหน่อยแต่ก็เป็นคนจิตใจดี วันนี้นางได้รู้อะไรเกี่ยวกับชีเส้าเฟยหลายอย่าง ทำให้นางอดจินตนาการไม่ได้ว่าอีก 10 วันข้างหน้า หากเจอกันนางจะพูดอะไรกับเขาดี
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Mon Oct 27, 2008 10:35 am | |
| - tomtam พิมพ์ว่า:
- ค่ายเหลียนอิ๋น...
กองกำลังทหารของอ๋าวเทียนลี่ปะทะกับคนของค่ายเหลียนอิ๋นอย่างดุเดือด ลู่เสี่ยวฟงคนเดียวรับมือกับหันจุ้นและยอดมือปราบอีกสองคน ส่วนอ้อมหมิงเจิ้งเข้าไปจัดการกับอ๋าวเทียนลี่ซึ่งมีพวกทหารองครักษ์ล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด ส่วนกงซุนเช่อที่มีวรยุทธน้อยสุดก็คอยสังเกตการณ์และวางแผนให้กับศิษย์คนอื่นๆ แม้ว่าศิษย์ค่ายเหลียนอิ๋นจะฝีมือเป็นต่อ แต่พวกเขาก็มีแค่ร้อย ในขณะที่คนของทางการมากันเป็นพัน ดังนั้นล้มไปได้คนหนึ่งก็ยังเหลืออีกเก้าคนที่ต้องจัดการ แต่ละคนก็อ่อนล้าและพ่ายแพ้ลงไปบ้าง
ลู่เสี่ยวฟงด้านหนึ่งก็ต้องช่วยพี่น้องที่จะถูกทำร้าย แขน ขาและกระบี่ในมือของเขาจึงเคลื่อนไหวตลอดเวลาไม่ได้หยุดพักเลย จังหวะนั้นมีศิษย์ของค่ายเหลียนอิ๋นคนหนึ่งพลาดล้มลงไป เขากำลังจะถูกกระบี่ของทหารต้าซ่งตัดคอยู่แล้ว แต่ลู่เสี่ยวฟงก็ใช้วิชาตัวเบาเข้าไปคีบกระบี่ไว้ แล้วก็ถีบทหารคนนั้นกระเด็นออกไป ศิษย์คนนั้นลุกขึ้นมาขอบคุณและสู้ต่อไปอย่างไม่คิดชีวิต หันจุ้นที่เห็นเหตุการณ์อยู่มองไปที่กงซุนเช่อและนึกแผนชั่วออก เขาเรียกลูกน้องให้มาจัดการกับลู่เสี่ยวฟงเพิ่มและสั่งให้มือปราบทั้งสองคนคุมสถานการณ์ให้อยู่ จากนั้นหันจุ้นก็มุ่งไปที่กงซุนเช่อ ลู่เสี่ยวฟงติดพันทหารอยู่หลายสิบคนจึงฝ่าออกไปไม่ได้ เขาร้องตะโกนให้กงซุนเช่อระวังตัว อ้อมหมิงเจิ้งได้ยินเช่นนั้นจึงวางมือจากอ๋าวเทียนลี่และหันกลับไปช่วยกงซุนเช่อทันที จังหวะที่นางหันกลับมา อ๋าวเทียนลี่ที่แอบกำอาวุธลับไว้ในมือก็ขว้างมันใส่นางทันที
“จึก” เสียงอาวุธปักลงบนแขนจนร่างนั้นเซไปข้างหน้า “เสี่ยวฟง!!!” เสียงหญิงสาวร้องขึ้นเมื่อหันมาเห็นเหตุการณ์และร่างของชายตรงหน้า “นี่เจ้าไม่ใช่ชีเส้าเฟยงั้นเฟรอ” อ๋าวเทียนลี่กับทหารคนอื่นๆ หันมามองหน้ากัน พวกเขาเข้าใจผิดมาตลอดว่าลู่เสี่ยวฟงคือชีเส้าเฟย “รีบไปซะ” ลู่เสี่ยวฟงเอามือกุมแขนซ้ายของเขาไว้บอกให้อ้อมหมิงเจิ้งรีบหนีไป หงเผาได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกใจ “ข้าบอกให้รีบไปไง พาพี่รองหนีไปซะ เร็วเข้า” ลู่เสี่ยวฟงตะคอกใส่เมื่อเห็นว่านางไม่ยอมไปสักที “แล้วเจ้าหล่ะ” หงเผาถามน้ำเสียงสั่น “ไม่ต้องห่วงข้า รีบพาพี่รองไปซะ อย่าให้พวกเราต้องถูกจับกันหมด” “แต่...” ในขณะที่หญิงสาวกำลังลังเล กงซุนเช่อก็ถูกหันจุ้นจับตัวได้ มันเอากระบี่จ่อคอแล้วพาเขาเดินมุ่งมายังคนทั้งสอง ศิษย์คนอื่นๆ ก็เดินตามมาห่างๆ แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไร “พี่รอง” ทั้งสองร้องขึ้นพร้อมๆ กัน “วางอาวุธของเจ้าซะ” หันจุ้นสั่งลู่เสี่ยวฟงและหงเผา พวกเขามองหน้ากัน ลู่เสี่ยวฟงส่งสัญญาณให้หงเผาหาทางหนีไป ไม่ต้องห่วงพวกตน “ฮ่าๆๆ คิดหนีเหรอ ไม่ง่ายนักหรอก ทีนี้เห็นฤทธิ์ของข้าหรือยัง” อ๋าวเทียนลี่เห็นว่าสถานการณ์ได้เปรียบจึงเดินออกมาจากการคุ้มกันของทหารองครักษ์ “ถุย ใช้วิธีสกปรกแบบนี้ เจ้าไม่ละอายใจบ้างเหรอ” หงเผากำกระบี่แน่นด้วยความแค้น “เจ้านี่ปากดีเหลือเกินนะ ถ้าวันนี้ข้าอ๋าวเทียนลี่ไม่สั่งสอนเจ้า ข้าไม่ใช่คน” ว่าแล้วอ๋าวเทียนลี่ก็เดินพุ่งมาหาหงเผา ลู่เสี่ยวฟงขยับมาขวางเขาเอาไว้ แต่ถูกอ๋าวเทียนลี่ซัดลงไปจนล้ม “ทำอะไร เจ้าโดนพิษของข้า จะตายอยู่แล้ว ยังจะทำมาอวดดีอีก” อ๋าวเทียนลี่ก้มลงมองชายหนุ่มด้วยสายตาดูถูก “อะไรนะในอาวุธลับมีพิษงั้นเหรอ” หงเผาหันไปมองหน้าลู่เสี่ยวฟงที่ไม่ยอมบอกความจริงกับนาง “ฮ่าๆๆ ใช่แล้ว มันคือพิษอ๋าวจื่อเอี้ยนที่พ่อข้าคิดค้นขึ้น ในแผ่นดินนี้ไม่มีใครมียาถอนนอกจากพ่อข้า น่าเสียดายที่คนโดนยาพิษไม่ใช่เจ้า” อ๋าวเทียนลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย้ยหยัน หงเผากัดริมฝีปากแน่นด้วยความแค้น แน่นอนว่านางไม่คิดที่จะหนีอยู่แล้ว แต่จะให้ถูกจับนางก็ไม่ยอมเช่นกัน “อ้อมหมิงเจิ้ง อย่ายอมแพ้ อย่ายอมแพ้” หญิงสาวพูดกับตัวเองในใจ ตอนนี้นางอึดอัดใจเหลือเกินที่ช่วยพี่น้องไม่ได้ “ดี งั้นข้าขอสู้ตาย หากวันนี้พี่น้องข้ารอดไปไม่ได้ ข้าก็จะไม่ขออยู่” หงเผาตัดสินใจสู้สุดชีวิต นางยกกระบี่ขึ้นมาอย่างแน่วแน่ ก่อนที่จะพุ่งไปยังทุกชีวิตที่อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นก็เกิดพายุทรายขึ้นอย่างไม่คาดคิด พวกทหารพากันปิดตาหลบทราย ทำให้ชุลมุนไปทั่ว หงเผาพยายามจะควานหาลู่เสี่ยวฟงแต่ก็ไม่พบ จนอยู่ๆ นางก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาดึงตัวนางออกไป พอพายุเริ่มสลบลง หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้นจนพบร่างชายตรงหน้า “หัวหน้าใหญ่!!!”... | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| |
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Mon Oct 27, 2008 10:38 am | |
| | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| |
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Mon Oct 27, 2008 10:41 am | |
| - O-yohyo พิมพ์ว่า:
- แม่นางอ้อมหมิงเจิ้ง
ข้าเห็นใจในความรักของท่านยิ่งนัก แต่ขอให้ท่านระลึกไว้ว่า
รักแท้ย่อมต้องผ่านอุปสรรค ขอให้ท่านจงเข้มแข็ง
เป็นกำลังใจให้กะพี่ลู่เสี่ยงฟง ถึงแม้พิษจะร้ายแรงเพียงใด
แต่หากกำลังใจดี พี่ลู่ต้องต่อสู้ได้แน่นอน
อีกทั้งมีท่านกงซุนเช่อ ว่าที่คนรักของท่าน เอ๊ย ไม่จ๊าย
เผลอจิ้นอีกแล้ว :q5: มีท่านกงซุนเช่อผู้รอบรู้อยู่กะพี่ลู่
รับรอง พี่ลู่ไม่เป็นอะไรมาก (ถ้าคนเขียนมิคิดกลั่นแกล้ง)
ข้าขอฝากท่านดูแลท่านลุงชี แทนนายน้อยเส่เยี่ยด้วย
ส่วนข้า จะไปสืบราชการลับภายในวัง ว่าใครจะได้เป็นฮองเฮา
ศึกชิงตำแหน่งในครั้งนี้ คาดว่า ท่านหญิงหลินกุและเจี๊ยบเฟยเอ๋อ คงร่วมวงด้วย
ข้าก็ไม่รู้จะเชียร์ใครดี ขอไปสืบก่อน ว่าความรักที่พวกนางมีให้องค์คังซื่อนั้น
มากน้อยเพียงใด ข้าจะได้เชียร์ถูก
ปล. ข้าขอท่านลุงชีให้นายน้อยเส่เยี่ยละกันนะแม่นางอ้อมเสี่ยวฟง - tomtam พิมพ์ว่า:
- แอบเหล่ภาพพี่ลู่ข้างบนแล้วพาให้ใจหวั่นไหว สายตาที่มองมันช่างแบบว่าอ๊ากกกกก :q2: ใครไม่เชื่อลองมองดูได้ค่ะ ตอนใหม่เหรอยังไม่ได้คิดเลยค่ะ ทีแรกที่จะขียนมีตัวละครแค่ 6-7 ตัวเอง พระเอกx2 นางเอก อ๋าวป้าย ฯลฯ แต่ตอนนี้ตัวละครยั่วเยี้ยไปหมดเลย ปมก็เยอะตามไปด้วย ต้องค่อยๆ คิด ค่อยๆ แก้ ไปทีละเปราะ แอบตื่นเต้นศึกชิงบัลลังก์ฮองเฮาเหมือนกัน ใครจะได้แชมป์น้า...
ลงชื่อ แม่นางชิแต๋ม (มาจาก chi + tam อินเทรนสุดๆ ค่ะ ขอบอก :q3: ) - Andaman พิมพ์ว่า:
- เฮ้ออออ แม่นางเหลยแต๋ม (อุ๊ย ขอโต๊ดดคร่า เรียกชื่อผิด ก๊ากๆ) แม่นางชิแต๋มมาบอกว่า ยังไม่ได้คิดตอนต่อไป อ้อมว่าแล้วววว เพราะตัวละครของแม่นางยั้วเยี้ยเต็มไปหมด แค่คิดว่าจะเฉลี่ยบทยังไงให้เท่าๆกัน ไม่โดนแม่ยกงอน ก็ใช้เวลาหลายวันแล้ว
อย่ากระนั้นเลย ระหว่างที่อ้อมจัง พลัดพรากกับพี่ลู่เสี่ยวฟ่ง อ้อมจังก็ขอควงชีเส้าซังก่อนล่ะ ก๊ากๆๆ เขาบอกว่า อย่าหวังน้ำบ่อหน้าช่ายป่ะ บังเอิญอ้อมเป็นคนเชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยซิ มามะ พี่เส้าซัง ขอชื่นจัยยยยยหน่อยยยยเร้ววววววว
ps แม่ยกนายน้อยเส่เยี่ยไม่ต้องตกใจ ขอควงแค่ 2-3 วันแล้วจะปล่อยจ้า แต่ถ้าแม่ยกนายน้อยขืนเชียร์อ้อมจังให้กงซุนเช่อ ไม่แน่งานนี้ อาจไม่คืน 555
ลงชื่อ อ้อมเสี่ยวฟ่ง | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Mon Oct 27, 2008 10:42 am | |
| | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Mon Oct 27, 2008 10:44 am | |
| | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Mon Oct 27, 2008 10:47 am | |
| | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน Mon Oct 27, 2008 2:07 pm | |
| | |
|
| |
| The Hero and The King / กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน | |
|