Charmaine Sheh: Timing Wasn't Right For Ushttp://asianuniverse.net/forums/Charmaine_Sheh_Timing_Wasn_t_Right_For_Us_t318978.htmlในการสร้างสัมพันธ์ นอกจากเรื่องคู่ที่ถูกต้องแล้ว เรื่องของเวลาก็เป็นปัจจัยที่สำคัญเช่นกัน
นับตั้งแต่ได้ตำแหน่งรองอันดับสองจากการประกวดมิสฮ่องกงปี 1997
อาเส่เข้าสู่วงการบันเทิงมา 15 ปีแล้ว และได้พบกับหนุ่มๆ มากๆ
ความสัมพันธ์ของเธอกับเจิ้งเจียอิง ยังไม่เป็นที่ชัดเจนนักตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ครั้งนี้อาเส่ให้สัมภาษณ์และกล่าวว่าเธอกับเจิ้งเจียอิงนั้นมีนิสัยที่เข้ากันได้
แต่ว่ามีปัจจัยในเรื่องของเวลาที่ไม่ตรงกัน ดังนั้นจึงไม่เคยสานสัมพันธ์ไปไกลกว่าความเป็นเพื่อน
ในอดีตอาเส่ให้ความสนใจในเรื่องงานมากกว่า และพลาดโอกาสออกเดทไปหลายครั้ง
แต่ตอนนี้อาเส่พร้อมที่จะเลือกความรักมากกว่าเรื่องงาน
อาเส่ : “สำหรับฉันแล้ว ความรักก็คือเรื่องส่วนตัวของคนสองคน
นั่นก็คือคนที่ฉันรักและตัวฉันเอง แต่ว่านี่เป็นเพียงแค่ความคิดส่วนตัว
นับตั้งแต่วินาทีที่ฉันก้าวเข้าสู่เวทีประกวดนางงาม ทุกเรื่องต้องเปิดเผยหมด
ในฐานะนักแสดง แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่เต็มใจแค่ไหน ฉันก็ไม่สามารถเลือกได้
และจำใจที่จะต้องยอมรับ อยู่ในวงการมาหลายปี ฉันออกเดทแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น
A Stagnant Relationshipเกิดอะไรขึ้นเรื่องข่าวเกี่ยวกับเจิ้งเจียอิง? เป็นเพราะเรื่องเวลาใช่หรือไม่ ทำให้ไม่ได้เริ่มความสัมพันธ์?
อาเส่ : “ฮ่า ฮ่า คุณจะพูดแบบนั้นก็ได้ค่ะ ถ้าถามว่ามีโอกาสมั้ย?
พูดตามตรงนะ ช่วงนี้ฉันก็ยุ่งพอสมควรและเขาก็ยุ่งกับงานในเมืองจีน
อันที่จริงพวกเราไม่มีโอกาสที่จะพบกันด้วยซ้ำ ฉันเคยคิดว่า
บางทีพวกเราอาจมีโอกาสพบปะสังสรรค์กัน แต่ว่าก็ไม่มีโอกาสเจอกัน
สังคมมักบอกว่าพวกเราเหมาะสมกัน เมื่อตอนที่พวกเราร่วมงานใน FH II
ข่าวลือก็เริ่มต้นขึ้น ฉันเองก็คิดว่าเราเข้ากันได้ แต่ว่าก็มีสิ่งต่างๆ เข้ามา
ทำให้พวกเราไม่ได้เริ่มต้นความสัมพันธ์กันไปไกลเกินกว่าคำว่าเพื่อน”
จนถึงทุกวันนี้ ข่าวลือก็กลับมาอีกว่าพวกเรากลับมาเป็นแฟนกัน
แต่อันที่จริงพวกเราไม่กล้าที่จะเจอกันด้วยซ้ำไป
ถ้าพวกเราถูกถ่ายภาพ ข่าวจะเขียนไปต่างๆ นานาเกินกว่าที่เป็นจริง
นอกเสียจากว่าพวกเราออกเดทกันจริงๆ นั่นก็อีกเรื่อง อยากเขียนอะไรก็ตามสบายเลย
อย่างไรก็ดีพวกเราไม่เคยมาเจอกันค่ะ แต่ว่าพวกเราก็ยังติดต่อกันเสมอ
แค่ไม่มีเรื่องความรักมาเกี่ยวข้องก็เท่านั้นเองค่ะ เป็นเรื่องของมิตรภาพมากกว่า
Boyfriend does not need to be wealthyในความทรงจำของฉัน ฉันไม่เคยเสียการติดต่อกับแฟนเก่า
อาจพูดได้ว่าฉันยังคงเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าได้ เราไม่มีเรื่องบาดใจกัน
ทำให้ฉันคิดว่าฉันก็ไม่ได้เป็นคนที่ใครจะทนอยู่ด้วยไม่ได้
แค่บุคลิกภาพของฉันบางทีก็เข้มแข็งเกินไป ฉันไม่คิดที่จะควบคุมคู่ของฉัน
แต่บางช่วงเวลา ฉันก็อาจจะกลายเป็นคนที่พิลึกเพี้ยนๆ ได้เหมือนกัน
พูดกันตามตรงนะคะ ในอดีตฉันก็เคยคิดว่าเมื่อไหร่ที่ฉันจะแต่งงานและมีลูก
แต่ทุกวันนี้คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของธรรมชาติและโชคชะตาพาไป
อันที่จริง ที่ผ่านมาฉันมักใช้ช่วงเวลาวันหยุดในการพักผ่อน
แน่นอนฉันเข้าใจว่าเพราะเราไม่มีเวลาพบอัน ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ไม่เคยเริ่มต้น
ดังนั้นในอนาคต ฉันจะเปิดโอกาสให้กับตัวเองมากขึ้น ถ้าถามว่ารู้สึกกดดันหรือไม่?
แน่นอนเพราะว่าเวลาส่วนใหญ่ของฉันหมดไปกับการทำงาน ฉันจะมีเวลาพักในช่วงฤดูร้อน
คู่ในอุดมคติของฉันไม่จำเป็นต้องร่ำรวย แต่อย่างน้อยเขาควรเลี้ยงตัวเองได้โดยไม่ต้องให้ฉันเลี้ยงดู
Give up career for loveหลังจากมีประสบการณ์ในเรื่องความรักมาบ้าง ฉันเข้าใจว่าเวลาเป็นสิ่งสำคัญมาก
เวลาและโชคชะตา เมื่อถึงเวลาที่คุณจะได้พบใครสักคน คุณก็จะพบเอง
ในอดีตฉันไม่คิดที่จะละทิ้งการงานไปเพื่อความรัก แต่ทุกวันนี้ฉันคิดว่าฉันพร้อมแล้ว
ไม่ใช่เพราะฉันมีประสบการณ์เรื่องงานมากขึ้น แต่เป็นเพราะคนแต่ละคน
จะเห็นความสำคัญที่แตกต่างกันในช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไป
เมื่อก่อนนี้ฉันคิดถึงเรื่องความก้าวหน้าในอาชีพ เก็บเงินเก็บทองและไม่สนใจเรื่องความรัก
แม้แต่ชายหนุ่มที่มีคุณสมบัติที่ดี ฉันก็ไม่คิดที่จะเทใจเพราะฉันไม่เหลือเวลาให้กับการออกเดท
ดังนั้นฉันคิดว่าชีวิตรักของฉันไม่ได้มีมากมายอย่างที่ทุกคนคิดกัน
แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นการตัดสินใจของฉันเอง ฉันจึงไม่คิดที่จะมานั่งเสียใจภายหลัง
ถ้าถามว่าแฟนของฉันรู้สึกลำบากใจมั้ย ก็นั่นแหล่ะค่ะ พวกเราถึงได้เลิกกัน
O-yohyo : คิดว่าชายหนุ่มคุณสมบัติดีที่อาเส่พูดถึงนี้ คงเป็นคนเดียวกับคนนอกวงการที่อาเส่เคยพูดถึงค่ะ
จำได้ว่าเมื่อครั้งข่าวอาเส่คบกับเฮียเบนนี่ สุดท้ายพอเฮียเบนนี่มีแฟน อาเส่ถึงได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า
อันที่จริงอาเส่กับเฮียเบนนี่เคยคิดที่จะคบกัน แต่เพราะเวลาไม่เคยตรงกันจึงไม่ได้เริ่มต้น
และคนที่อาเส่ยอมรับว่าคบด้วยเป็นคนนอกวงการ แต่อาเส่ไม่เอ่ยชื่อของคนๆ นั้น
เพราะต้องการปกป้องครอบครัวของเขา ช่วงเวลานั้นก็คือช่วงเวลาที่อาเส่มีข่าวลือกับเฮียเบนนี่
ถ้ายังจำกันได้ o-yo เคยลงข่าวที่มีคนอวยพรวันเกิดให้อาเส่โดยการแขวนป้ายยาวตามความสูงของตึก
ซึ่งค่าโฆษณานั้นแพงมาก จะทำได้ก็คงมีแต่เศรษฐี ถ้าเป็นแค่เพื่อนใครจะอวยพรกันแบบนี้ คงจีบอาเส่อยู่เป็นแน่
ไม่รู้ว่าจะใช่คนๆ นี้รึเปล่านะ อาเส่บอกว่าที่เลิกกับแฟนนอกวงการไป ก็เพราะเขาทนไม่ได้ที่อาเส่ไม่มีเวลาให้
First Love: A Profound String Of Loveเมื่อถามถึงความสัมพันธ์ที่เธอรู้สึกประทับใจที่สุด อาเส่บอกอย่างตรงไปตรงมาว่าเป็นรักครั้งแรกของเธอ
รักครั้งแรกของเธอเกิดขึ้นเมื่อตอนที่อาเส่อายุประมาณ 17-18 ปี เธออาศัยอยู่ภายในครอบครัวที่เข้มงวด
เธอต้องตั้งใจเรียน แม่ของเธอไม่อนุญาตให้ออกไปไหนมากนัก ดังนั้นเธอจึงพัฒนาความสัมพันธ์
กับหนุ่มที่อาศัยอยู่ในตึกเดียวกัน อาเส่อาศัยอยู่ชั้น 5 ของอาคาร ในขณะที่เขาอยู่ชั้นล่าง
พวกเขามักจะส่งความรักหรือสื่อแทนใจผ่านเส้นเชือกให้แก่กัน
อาเส่ : “ตอนนั้นพวกเราส่งของทุกอย่างผ่านเส้นเชือก บางครั้งที่ส่งดอกไม้แต่ว่าติดอยู่ดึงไม่ขึ้นก็มี
เราไม่ได้ส่งจดหมายรักถึงกันมากนัก เพราะว่าเราคุยกันผ่านโทรศัพท์ได้ค่ะ
ส่วนใหญ่จะส่งพวกสิ่งของให้กันมากกว่า ฉันจำได้ว่าในวันวาเลนไทน์
ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปเที่ยวข้างนอก ฉันก็เลยทำช็อคโกแลตแล้วก็แอบอยู่ในห้อง
แล้วก็ใช้เชือกส่งช็อคโกแลตไปให้เขาที่อยู่ห้องข้างล่าง”
วิธีนี้ทำให้ทั้งสองสานสัมพันธ์กัน เมื่อถามว่าแม่ของอาเส่รู้มั้ยว่าลูกสาวใช้วิธีนี้?
อาเส่หัวเราะออกมาเสียงดังและบอกว่าแม่ของเธอไม่รู้หรอกว่าพวกเธอส่งของให้กัน
แต่ว่าแม่ของเธอก็เหมือนมีสัมผัสที่หกและในที่สุดก็รู้ว่าเธอกำลังออกเดท
อาเส่ : “ฉันคิดว่าต้องมีคนแอบตามพวกเราแน่เลย เพราะว่าฉันโตมาในชุมชนที่เพื่อนบ้านเป็นมิตรกัน
ดังนั้นจึงมีคนมากมายที่สามารถเป็นสายสืบให้กับแม่ฉันได้ ไม่ว่าจะเป็นคุณลุงที่แผงขายหนังสือพิมพ์
คนที่แผงขายเนื้อ คนที่แผงขายผัก หรือแม้แต่คนที่แผงขายเต้าหู้ ทุกคนรู้จักฉันกันหมดเลย”
อาเส่คิดว่าความสัมพันธ์ครั้งนั้นอ่อนหวานมาก แต่พวกเธอคบกันได้แค่ 2 ปี
อาเส่ก็ต้องไปเรียนการโรงแรมที่สวิสเซอร์แลนด์และจำต้องเลิกคบกับเขาในที่สุด
ถึงแม้ว่าจะเลิกกันเพราะระยะทางที่ไกลกัน แต่ทั้งสองก็ยังติดต่อกันผ่าน SMS
อาเส่เล่าว่ารักครั้งแรกของเธอแต่งงานไปแล้วและมีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจ เขามีชีวิตที่มีความสุข
Kevin Cheng: It's Good To Be Friends Tooอาเส่บอกว่าเป็นเพราะเรื่องของเวลา ที่ทำให้เธอกับเจิ้งเจียอิงไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์
เจิ้งเจียอิงเองก็เห็นด้วยและกล่าวออกมาว่า . . .
เจิ้งเจียอิง : “มนุษย์เราเป็นสัตว์โลกที่แปลกประหลาด เมื่อคิดย้อนกลับไป
ปัจจัยเรื่องเวลามีส่วนอย่างมาก ผมเข้าใจสิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมด”
ถึงแม้ว่าจะกลายเป็นอดีตไปแล้ว อาเส่และเจิ้งเจียอิงต่างก็ยุ่งกับงานของตน
อาเส่บอกว่าเธอกับเจิ้งเจียอิงไม่มีเวลามาพบปะสังสรรค์กัน
เจิ้งเจียอิงเองก็กล่าวว่าพวกเขาทั้งอยู่ยุ่งอยู่กับการทำงานเพื่อเก็บเงินไว้ดำรงชีพ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำงานอยู่ที่เหิงเตี้ยนเหมือนกัน แต่ก็ไม่สามารถหาเวลามาพบปะกันได้
เจิ้งเจียอิง : “ผมคิดว่าการที่พวกเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ก็เป็นสิ่งที่ดีเหมือนกัน”
ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์ แต่สังคมก็ยังกล่าวว่าทั้งสองคบหากัน
เจิ้งเจียอิงยอมรับว่าสื่อต่างๆ ทำให้เขารู้สึกกดดัน
เจิ้งเจียอิง : “นิตยสารต่างๆ พวกเขาไม่มีรูปถ่ายแต่ก็ยังกล่าวหาว่าพวกเรามาเจอกัน
ถ้าพวกสื่อมีรูปพวกเราไปกินข้าวด้วยกัน แล้วมาลงว่าไปกินข้าวอันนี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง
พวกเราอยากที่จะหลีกเลี่ยงข่าวลือที่ไม่จำเป็น และหากพวกเราออกเดทกันจริง
จะไปลงข่าวยังไงก็ไม่มีปัญหา แต่ว่าพวกเราไม่ได้เดทกัน ซึ่งมันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย”
เจิ้งเจียอิงกล่าวว่าเขากับอาเส่นั้นเป็นแค่เพื่อนกัน และติดต่อกันผ่านโทรศัทพ์และ SMS
เจิ้งเจียอิง : “พวกเราใส่ใจกันเสมอ เช่นถามว่า ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่?”
นักข่าว : ถ้าในอนาคตเมื่อมี ‘เวลา’ จะมีโอกาสที่จะพัฒนาความสัมพันธ์หรือไม่?
เจิ้งเจียอิง : “ผมไม่มีคำตอบให้พวกคุณหรอกครับ”
อ่านเรื่องรักครั้งแรกของอาเส่แล้ว นึกถึงฉากใน Perfect Match ขึ้นมาทันทีค่ะ
เสียดายไม่ได้เก็บภาพอาเส่กับพี่ชายจางตอนคุยกันที่ระเบียงตึก แต่ถ้าใครได้ดูคงจะนึกออก
ถ้าให้เดานะ คิดว่าพ่อสื่อที่ทำให้อาเส่พบรักครั้งแรกก็คือพี่ชายแท้ๆ ของอาเส่เอง
ก็จำได้ตอนอาเส่ไปออกรายการที่หูหนาน เคยเล่าเรื่องมีหนุ่มมาจีบอาเส่ผ่านพี่ชาย
แล้วพี่ชายก็บอกว่าให้อาเส่คิดเองว่าจะคบรึเปล่า คิดว่าช่วงนั้นไม่ว่าอาเส่จะคบใคร
ก็อยู่ในสายตาญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านทั้งนั้นแน่เลย 55 อาเส่เค้าเรียนโรงเรียนหญิงล้วนค่ะ
ดังนั้นคนที่จะมาจีบ ก็คงต้องเป็นประเภทเพื่อนของพี่ ไม่ก็หนุ่มแถวบ้านเนี่ยแหล่ะนะ