Legend of Kublai Khan

ได้หนังสือ “มหาจักรพรรดิกุบไลข่าน ยอดขุนพลนักรบสายเลือดมองโกล” มาครอบครองแล้วค่ะ

หลังจากอ่านไปบางส่วน (เจาะหาประวัติครอบครัวก่อนเลย) ผสมกับข้อมูลจากทางเนต

เลยได้เกร็ดความรู้มาประมาณนี้ ขอบอกเล่าต่อๆ กันไป . . . ดังนี้



http://www.ibiblio.org/chineseart/contents/arti/c01s03.html#
http://www.npm.gov.tw/en/home.htm






พ่อของพระนางชาบิเป็นน้องชายของพระนางบรูไตภรรยาคนแรกของท่านเจงกิสข่าน

แบบนี้พระนางชาบิก็มีศักดิ์เป็นท่านน้าของท่านกุบไลข่านซี่เนี่ย

แต่พระนางชาบิก็อายุน้อยกว่าท่านกุบไลข่าน 12 ปี แสดงว่าพระนางชาบิเป็นลูกหลงเป็นแน่แท้

ตอนแรกก็ห่วงว่าแบบนี้ก็เลือดใกล้ชิดกันน่ะซี่ แล้วทำไมลูกของพระนางชาบิมีความสามารถทั้งนั้น





(ภาพวาดพระนางบรูไต)



คิดอีกแม้พ่อของพระนางชาบิจะเป็นน้องชายของพระนางบอร์เต (บรูไต)

แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นน้องชายแท้ๆ หรือเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้อง

ถ้าเป็นลูกพี่ลูกน้อง เลือดก็จะห่างไปอีกนิด อีกอย่างแม่ของท่านกุบฯ ก็มาจากเผ่าอื่น

และพ่อของพระนางชาบิ อาจเป็นลูกหลงที่เกิดตอนพระนางบรูไตอายุมากแล้วก็ได้

รูปปั้นพระนางบูรไต นางเป็นคนสอนเรื่องความสามัคคีให้แก่ลูกๆ


http://brianrwat.blogspot.com/2011/05/go-east.html




โดยการให้ลูกศรคนละ 1 ดอก และให้หักลูกศรนั้น

จากนั้นนำลูกศรมารวมกันเยอะๆ และให้แต่ละคนหักดูว่าจะทำได้หรือไม่

และสอนว่าหากทุกคนสามัคคีกัน ก็จะช่วยกันพ้นภัยได้

ภาพวาดพระนางโฮลัน มารดาของท่านเจงกิสข่าน



https://geniusmothers.com/genius-mothers-of/governors-politicians/Hoelun/






พระนางโฮลันแต่งงานกับชิเลตูชาวเผ่าเมอร์คิด ภายหลังถูกเยซูไกชาวเผ่าบอริจินลักพาตัวมา

นางคลอดลูกสาวลูกชายที่เกิดจากเยซูไกหลายคน หนึ่งในนั้นคือเจงกิสข่าน

ตามประวัติศาสตร์ ในสมัยก่อนชาวเผ่าในมองโกลยังไม่รวมเป็นหนึ่งเดียว

แต่ละเผ่ามีการสู้รบแย่งชิงพื้นที่ทุ่งหญ้าและสัตว์เลี้ยง หากเผ่าไหนขาดแคลนผู้หญิง

ที่จะมาเป็นผู้ให้กำเนิดผู้สืบสกุล ก็จะใช้วิธีไปลักพาตัวผู้หญิงจากเผ่าอื่นมาเป็นภรรยา

การที่พวกบอริจินลักพาภรรยาของชาวเมอร์คิดมา ทำให้ภายหลังเมื่อเตมูจินเริ่มเป็นใหญ่

ทำให้ชาวเมอร์คิดกลับมาแก้แค้นโดยการลักพาตัวภรรยาของเตมูจินไป

ภาพนักแสดงโฮลันและบรูไต มารดาและภรรยาของเจงกิสข่าน


http://halfamoon.livejournal.com/196214.html





จากภาพยนตร์เรื่อง “Mongol” ถ่ายทำในมองโลเลียและฉายเป็นภาษามองโกล

นักแสดงมาจากหลายเชื้อชาติ ทั้งมองโกล ญี่ปุ่น ฯลฯ

เป็นหนังร่วมทุนสร้างจาก เยอรมัน คาซัคสถาน มองโกลและรัสเซีย

กำกับโดยผู้กำกับชาวรัสเซีย Sergei Bodrov

เรื่องราวของเจงกิสข่านสร้างเป็นภาพยนตร์และละครมาหลายเวอร์ชั่นเลยค่ะ

ทำให้หาข้อมูลง่ายมาก อ่านแล้วก็สนุกดีเหมือนกัน


ตอนแรกที่เห็นนักแสดงก็รู้สึกว่าคัดมาได้สมกับบุคลิกของพระนางบรูไตมากค่ะ

ในภาพยนตร์พระนางบรูไตและเตมูจินเจอกันตั้งแต่ยังเด็ก

ตอนนั้นเตมูจินอายุ 9 ปี บรูไตอายุ 10 ปี พระนางโฮลันแม่ของเตมูจิน

พาลูกชายไปยัง Onggirat ได้พบเผ่าของบรูไต เพื่อให้เตมูจินได้เลือกคนที่จะมาเป็นภรรยา

(พระนางโฮลันมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชาว Onggirat คาดว่านางคงเป็นคนเผ่านนี้เช่นเดียวกัน)

บรูไตเขียนสัญลักษณ์บนฝ่ามือของเตมูจินและพูดว่า “ท่านควรเลือกข้า”

เตมูจินประทับใจในความห้าวหาญของบรูไต จึงได้ใช้ทริกให้พ่อยอมให้เขาเลือกบรูไตเป็นคู่หมั้น





ตอนหลังเตมูจินต้องเผชิญกับความยากลำบาก ต้องเร่ร่อนและถูกตามล่า

เมื่ออายุ 23 ปี เตมูจินตั้งตัวได้ เขาไปถามหาเผ่าของบรูไต เพื่อรับนางเป็นภรรยา

แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่านางจะรอเขามั้ย แต่นางก็ยังรอ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นบรูไตอายุ 24 ปี

ซึ่งเป็นวัยที่ใกล้ขึ้นคาน (โห! สมัยนี้ 30 กว่ายังไม่แต่งกันเลยเจ้าค่ะ)

เมื่อบรูไตมาเป็นภรรยาของเตมูจิน นางถูกชาวเผ่าเมอร์คิดลักพาตัวไปและถูกข่มขืน

เตมูจินช่วยนางกลับมาได้ และทั้งสองก็ครองคู่เป็นคู่ทุกข์คู่ยากกันจวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต

บรูไตเป็นผู้ช่วยของสามีที่ดีเยี่ยม ทั้งการเลี้ยงดูลูก ปกครองชาวเผ่ายามเตมูจินออกศึก

นางเป็นหญิงสาวที่มีความห้าวหาญ กล้าจับมีดถืออาวุธต่อสู้อย่างไม่ยำเกรง

พระนางบูรไต เวอร์ชั่นการ์ตูน


http://madoyster.deviantart.com/art/Borte-wife-of-Genghis-Khan-167997795






ถ้าดูสายสัมพันธ์แล้ว พระนางโฮลัน พระมารดาของท่านเจงกิสข่าน

พระนางบอร์เต มเหสีของท่านเจงกิสข่าน และพระนางชาบิ มเหสีของท่านกุบไลข่าน

และมเหสีของฮ่องเต้ราชวงค์หยวนในรุ่นหลังๆ หลายต่อหลายคน

ต่างก็มาจาก Onggirat ทั้งนั้นเลยค่ะ ทำให้พวกนี้เป็นชาวเผ่าเร่ร่อนที่มีอิทธิพลพอสมควร

เพราะมีลูกสาวได้แต่งงานกับคนที่เป็นใหญ่และมีอำนาจทางการเมือง


แต่เดิมดินแดนมองโกลเป็นแค่เผ่าต่างๆ มีทั้งที่ปักหลักทำกสิกรรมและปศุสัตว์

และมีทั้งเผ่าที่จะเร่ร่อนไปเรื่อยๆ ต่อมาเตมูจินได้รวมอำนาจจากแต่ละเผ่าไว้

จากนั้นสถาปนาเป็นดินแดนมองโกล ตัวเตมูจินเป็นข่านสูงสุดนามว่า เจงกิสข่าน

ถ้าดูตามหนังสือข่านจะมีสองแบบคือ Khan (ข่าน) และ Khaan (ข่านสูงสุด)

แต่ว่าคนรุ่นหลังไม่มีใครใช้คำว่า Khaan ทำให้ภาษาเปลี่ยนไปบ้างค่ะ


อย่างชื่อของ Kublai Khan ยังเขียนสองแบบเลย

ทั้ง Kublai (กุบไล) และ Khubilai (คูบิไล)


แม้จะรวมประเทศแล้ว แต่ว่าแต่ละเผ่าก็ยังมีอิทธิพลอยู่

ดังนั้นในยุคของกุบไลข่าน จึงมีการสู้รบระหว่างเผ่าให้เห็น

การแต่งงานข้ามเผ่า ก็เป็นการเชื่อมสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นในรูปแบบหนึ่ง

ทำให้ผู้ชายชาวมองโกลสามารถมีภรรยาได้ 4 คน

พระมเหสีของท่านกุบไลข่าน





1. พระนางเตกูลัน (ทีกู้หลั่น)

2. พระนางชาบิ

3. พระนางทาราคัน

4. พระนางบายากูชิน



พระนางเตกูลัน สิ้นชีวิตหลังจากแต่งงานได้ไม่นาน ต่อมาท่านกุบไลข่านจึงแต่งงานกับพระนางชาบิ

ปี 1281 พระนางชาบิประชวรหนัก และขอร้องให้กุบไลข่านรับนามบิ ญาติห่างๆ ของพระนางชาบิ

เป็นชายา พระนางชาบิหวังว่าญาติของพระนางจะดูแลท่านกุบไลข่านแทนพระนางได้เป็นอย่างดี

พระนางนามบิได้รับแต่งตั้งให้เป็นอัครมเหสีต่อจากพระนางชาบิ มีโอรส 1 พระองค์

แต่แปลกมากที่ในลำดับพระชายา จะไม่มีชื่อพระนางนามบิอยู่ค่ะ และประวัติศาสตร์

ก็ไม่ได้กล่าวถึงพระนางนามบิมากนัก รวมถึงพระนางทาราคันและพระนางบายากูชินก็ไม่มีกล่าวถึง



หลังจากไปหาข้อมูลจากวิกิพีเดียเป็นภาษาจีน พอจะเข้าใจแล้วค่ะ

ถ้าตามประเพณีมองโกลจะมีภรรยาได้ 4 คน ดังนั้นจึงบันทึกชื่อไว้แค่คนที่ 1-4

แต่ท่านกุบไลข่านมาปกครองเมืองจีน ซึ่งจะมีตำแหน่งฮองเฮาสูงสุด สนมเอกฝ่ายซ้ายและขวา

และพระสนมอื่นๆ ได้อีก ดังนั้นถ้าไปดูข้อมูลภาษาจีนเค้าจะจัดใส่ชื่อไว้หลายคน


ลำดับ 1. พระนางเตกูลัน . . มเหสีคนแรก ไม่นานก็สิ้นชีวิต

พระนางสิ้นชีวิตก่อนที่ท่านกุบไลข่านจะได้ปกครองมองโกลในตำแหน่งข่านสูงสุด


ลำดับ 1. พระนางชาบิ . . ตำแหน่งฮองเฮาสูงสุด สิ้นชีวิตเมื่อปี 1281

เนื่องจากแต่งงานมาเป็นภรรยาคนที่สอง จึงถูกจัดไว้ลำดับต่อมา


ลำดับ 1. พระนางนามบิ . . ตำแหน่งฮองเฮาสูงสุด

แต่เนื่องจากแต่งงานมาช่วงที่ท่านกุบไลข่านอายุเยอะแล้ว เป็นภรรยาคนท้ายๆ

จึงไม่ได้มีชื่อบันทึกไว้ในตำแหน่งภรรยาคนที่ 1-4 แต่จะมีเขียนว่าเป็นฮองเฮาต่อจากพระนางชาบิ


ลำดับ 2. สนมเอกฝ่ายซ้าย . . เห็นมีชื่อบันทึกอยู่ 2 คน

น่าจะเพราะคนที่ดำรงตำแหน่งตายไปจึงแต่งตั้งภรรยาคนต่อมาให้ดำรงตำแหน่ง

คนที่ดำรงตำแหน่งนี้คนแรกน่าจะเป็นพระนางทาราคัน ภรรยาคนที่สาม


ลำดับ 3. สนมเอกฝ่ายขวา . . เห็นมีชื่อบันทึกอยู่ 2 คน เช่นกัน

คนที่ดำรงตำแหน่งนี้คนแรกน่าจะเป็นพระนางบายากูชินภรรยาคนที่สี่


ลำดับ 4. พระสนม 88 คน และสาวอื่นๆ ที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้ง


(หาข้อมูลมาถึงตรงนี้เริ่มของขึ้น ตอนแรกก็นึกว่ามีภรรยาแค่ 4

พระนางชาบิสิ้นแล้วก็รับพระนางนามบิเข้ามา รวมแล้วก็ประมาณ 5

มีสาวอื่นๆ แวะเวียนมาบ้างยามออกรบรวมแล้วก็ไม่น่าจะเกิน 50 เอ้า

แต่นี่ท่าทางจะมีเกือบร้อยแฮะ . . ดีนะที่รักพระนางชาบิที่สุด ไม่งั้น . . ฮึ่ม)

พระธิดา (ประมาณ 7 พระองค์ แต่รู้จักชื่อแค่ 2 พระองค์)






1. องศ์หญิงเมียวเยน . . ทรงอุทิศตนเพื่อศาสนา ทรงบวชชีและประทับที่วัดตันเชซู

2. องศ์หญิงจีลี่มีซี . . อภิเษกสมรสกับกษัตริย์เกาหลี พระเจ้าชุงยอลแห่งโครยอ


ไม่รู้ว่าพระนางชาบิจะมีลูกสาวบ้างรึเปล่า แต่ไม่ว่าจะในหนังสือหรือข้อมูลจากวิกิพีเดีย

ก็ไม่ได้กล่าวถึงเลยค่ะว่าพระธิดาเป็นลูกของพระมเหสีพระองค์ใด

พระโอรส 11 พระองค์ (แต่รู้ชื่อแค่ 5 พระองค์)





1. องค์ชายดอร์จี

2. องค์ชายเจนจิ้น

3. องค์ชายแมงกาลา

4. องค์ชายนมูคัน

5. องศ์ชายโตกอน


ในบรรดาโอรส 11 พระองค์ มีลูกชายของพระนางชาบิ 4 พระองค์

ที่เรารู้จักกันดีก็คือองค์ชายเจนจิ้น และองค์ชายดอร์จี (สิ้นพระชนม์ตั้งแต่อายุยังน้อย)

องค์ชายเจนจิ้นสิ้นเมื่ออายุ 43 ปี ด้วยความที่กุบไลข่านโปรดเป็นที่สุด

ดังนั้นลูกขององค์ชายเจนจิ้นได้เป็นรัชทายาทต่อ คือเตมูร์ข่าน

ในประวัติศาสตร์กล่าวว่าลูกๆ ที่เกิดจากพระนางชาบิ เป็นลูกที่ท่านกุบไลข่านโปรดปรานเป็นที่สุด

เดาว่าองค์ชายแมงกาลากับองค์ชายนมูคัน ก็คือลูกของพระนางชาบิเช่นกันค่ะ

เพราะทั้งสองพระองค์ได้ปกครองมลฑลสำคัญ คือมณฑลอันชิและมณฑลเป่ยอัน


ต่อมาไปค้นข้อมูลภาษาจีน สังเกตตัวอักษรแล้วใช้กูเกิ้ลแปล เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ค่ะ

พระโอรสองค์ที่ 1-4 เป็นลูกชายของพระนางชาบิจริงๆ ด้วย




O-yohyo : หลังจากเคืองเรื่องภรรยาที่มีเยอะซะเหลือเกิน

พอได้มาอ่านว่าลูกของพระนางชาบิ เป็นลูกที่ท่านกุบไลข่านโปรดที่สุด

และลูกของพระนางชาบิทุกพระองค์ ได้รับความสำคัญและได้ปกครองดินแดนใหญ่ทั้งนั้น

ก็หายเคืองท่านกุบไลข่านแล้วค่ะ . . อิอิ รักแม่ โปรดปรานลูก ใช้ได้ ใช้ได้

Kublai Khan Mongolian B.B.Q


http://www.oknation.net/blog/akom/2011/10/01/entry-1
http://kublaikhanbbq.com/





อยู่บนชั้น 4 ของ Park Mall อยู่ไม่ไกลจาก National Musuem of Singapore

ใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวสิงคโปร์ อย่าลืมไปชิมนะคะ ไม่รู้ว่าถ้าเรื่องกุบไลข่านได้ฉายที่สิงคโปร์

อาเส่จะได้รับเชิญไปกินบ้างรึเปล่านะ อยากเห็นรูปอาเส่ประดับอยู่ในร้านนี้จัง

ภาษามองโกล จากบันทึกของมาร์โคโปโล


http://babelstone.blogspot.com/2007/11/marco-polo-and-universal-script.html





เคยเข้าใจมาตลอดว่ามองโกลก็คือส่วนหนึ่งของเมืองจีน

แต่หลังจากรู้ว่าอาเส่ได้เล่นละคร Legend of Yuan Empire Founder

ถึงได้รู้ว่าหลังจากหมดยุคราชวงศ์หยวน มองโกลเป็นดินแดนอิสระ

และภายหลังกลายเป็นดินแดนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของโซเวียต

หลังจากอาณาจักรโซเวียตล่มสลาย มองโกลจึงได้รับอิสระอีกครั้งหนึ่ง

ดังนั้นการจะเข้าไปในดินแดนนี้ ก็จะสามารถเข้าไปในฐานะนักท่องเที่ยว

แต่หากจะเข้าไปถ่ายละครในมองโกลชั้นใน ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลมองโกลก่อน

ภาพยนตร์เรื่อง “มองโกล” ได้นักแสดงชาวญี่ปุ่น Tadanobu Asano รับบทเจงกิสข่าน

และ Chuluuny Khulan นักแสดงชาวมองโกลรับบทบอร์เต้ (บรูไต)

มิน่าล่ะ ตอนที่อ่านข่าวว่าทางนักลงทุนกับผู้บริหาร CCTV ไม่อยากคัดอาเส่มาแสดง

ตอนแรกพวกเขาเลือกหยางมี่ ไม่ก็อันอี่เซวียน (Ady Ann)

ถ้าไม่ได้สองคนนี้ นักลงทุนกับผู้บริหารเสนอให้ใช้นักแสดงหน้าใหม่จากมองโกล

คิดว่าคงเพราะได้ดูหนังเรื่องมองโกลเวอร์ชั่นนี้แน่เลยล่ะ






เห็นภาพ Tadanobu Asano ที่แสดงบทเจงกิสข่านแล้วรู้สึกถูกใจว่าหล่อดี

ไปสืบประวัติ เกิดปี 1973 ว้าว! แก่กว่าอาเส่ 2 ปี

แบบว่าเริ่มอยากได้มาเป็นพี่เขยในทันใด 55 เพ้อเจ้ออีกแล้วเรา

แต่ลืมดูไปว่าแต่งงานยัง พอไปอ่านดูถึงรู้ว่าแต่งงานแล้ว มีลูกตั้ง 2 คน

แม้จะหย่าแล้วก็ตาม แต่คนไม่โสดแฟนคลับอาเส่ไม่สน . . เฮ้อ เซ็งอีกแล้วซี่เรา





แอบดูหนังมองโกลไปนิดนึง การเลือกเจ้าสาวของชาวบอริจินมีหลักอยู่ว่า


1. หน้าต้องเรียบ เกลี้ยงเกลาดุจนาเกลือ . . โอเคอาเส่ผ่าน


2. ตาเล็กเรียว . . เค้าถือหลักว่าพวกตาโตๆ วิญญาณชั่วร้ายชอบมาสิงสู่

แล้วนางจะเสียสติเอาได้ นางจะเห็นแต่สิ่งที่ไม่มีจริง

เห็นแต่ภาพลวงตา เพ้อเจ้อไปเอง อ้าว! อาเส่ตาโตไปมั้ยเนี่ย


3. ขาต้องแข็งแรงบึกบึน . . ข้อนี้สำคัญที่สุด นั่นไงอาเส่สอบตกซะแหล่ว

นี่ถ้าอาเส่ไปเกิดสมัยนั้นคงเป็นสาวขี้เหร่เป็นแน่แท้

จริงๆ ดูพวกหนังประวัติศาสตร์ แววน่าเบื่อก็มาแล้วล่ะ แต่จะพยายามดู

เพื่อให้ได้คำศัพท์ต่างๆ เวลาดูกุบไลข่านจะได้เข้าใจมากขึ้น

ไหนๆ ก็จะดูเรื่องราวของท่านเจงกิสข่าน ขอเชื่อมโยงความเกี่ยวข้องนิดนึงค่ะ

ท่านเจงกิสข่านเสียชีวิตปี 1227 เป็นปีที่ชาบิลืมตามาดูโลกพอดีเลย

ตอนนั้นท่านกุบไลข่านอายุ 12 ปี ถ้าในละครเค้าผูกเรื่องให้โรแมนติกสักกะนิด

ให้ท่านกุบกับชาบิมาเจอกันตอนชาบิเล็กๆ ก็คงน่ารักดี

แบบว่าพี่ชายเอ็นดูน้องสาว อุ้มน้องสาวขี่ม้าเล่น แต่อายุห่างกันตั้ง 12 ปี

ถ้าท่านกุบฯ อายุ 20 ปี ถึงวัยที่ควรมีคู่ครอง ชาบิก็เพิ่งจะ 8 ขวบ

ไม่แปลกใจเลยค่ะที่ท่านกุบฯ จะแต่งงานไปก่อน รอน้องโตคงไม่ไหว 55

คลิปตัวอย่างละคร Legend of Yuan Empire Founder-01


(Youtube Link by sehseh)




http://www.mediafire.com/?ur2b4a0a9reswza

http://video.sina.com.cn/v/b/73784123-1734312904.html






ออด! . . . ได้เวลาเรียนประวัติศาสตร์ นักเรียนทุกคน เตรียมตัวดูละคร

ดูคลิปตัวอย่างแล้ว แนวสงครามอลังการมาเลยค่ะ พระนางชาบิก็ได้รบกับเค้าด้วย

ดูตอนแรกๆ ก็ตื่นเต้นกรี๊ดกร๊าด หวังเต็มที่จะได้เห็นฉากคู่กันของท่านกุบฯ กับพระนางชาบิ

ถึงไม่มีก็ไม่เป็นไร แค่ได้เห็นตัวอย่างก็ดีใจแล้ว แต่ . . ทำไมกลายเป็นฉากหวีดของท่านกุบฯ กับหญิงอื่น

แม่นางเป็นใคร มาจากไหน ลูกเต้าเหล่าใคร แล้วทำไมท่านกุบฯ ต้องเสียใจเพราะแม่นาง รักมากแค่ไหน

คำถามเหล่านี้วนเวียนเต็มไปหมด ยิ่งดูยิ่งเลือดขึ้นหน้า แถมฉากหวีดระหว่างท่านกุบฯ กับพระนางชาบิก็ไม่มีเลย

แม้แต่เฮียหม่าจุ้นก็ยังมีฉากพูดกับท่านกุบ . . แต่ทำไมพระนางชาบิถึงไม่มี ทำไม ทำไม

เคืองที่สุดของที่สุด . . จากที่อารมณ์ดีๆ รู้สึกยินดีกับอาเส่ที่ได้รับรางวัล แต่อาการหึงบังหน้าจนหมดรมณ์โพสรูป

หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ขอโพสรูปหญิงของท่านกุบฯ บาดตาบาดใจกันไปข้าง . . เชอะ อย่าให้เจอเชียวนะ


http://www.weibo.com/1928033684/ybXiSuwSa

ถ้าไม่นับเรื่องที่ทำให้หึง ก็รู้สึกว่าละครน่าดูดีค่ะ เพราะว่ามีแต่นักแสดงที่ไม่รู้จักคงทำให้อินได้ง่าย

แต่ตอนนี้ลมเพชรหึงบังตา ขอเอาหนามบ่งโพสภาพคู่แข่งพระนางชาบิก่อน

ดูซิ . . มีอิงแอบแนบชิด ทีพระนางชาบิแค่จะโดนหอมยังมีก้างมาขวาง . . ฮึ่ย

จำไว้เลยท่านกุบฯ แต่งงานกันเมื่อไหร่เจอดีแน่

บ่งหนามไปแล้ว ก็ต้องโพสภาพพระนางชาบิแบบอ่อนหวาน เผื่อท่านกุบฯ จะได้ลืมสาวคนนั้น

(แม้แต่รูปหมู่พระนางชาบิก็ยังไม่ได้เคียงข้างท่านกุบฯ ปู่เจงกิสข่านไม่น่ามาแทรกกลางเล้ย)