| The Swordsman of Devil | |
|
+6midori Cipher O-yohyo ple-ple lingu tabtim 10 posters |
|
ผู้ตั้ง | ข้อความ |
---|
tabtim ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
จำนวนข้อความ : 868 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Mon May 25, 2009 9:21 pm | |
| ถูกต้องนะคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบ
อย่าจำวันออนแอร์กันผิดนะ ออนแอร์วันที่ 28 ที่จะถึงนี้จ๊ะ | |
|
| |
Cipher ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 3 กระบี่ไร้เงา
จำนวนข้อความ : 1273 Registration date : 11/09/2008
| |
| |
tabtim ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
จำนวนข้อความ : 868 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Mon May 25, 2009 9:33 pm | |
| ก็สองปีแล้วที่ทำของขวัญให้แต่พี่ชายจางกับเฮียเคด้วยฟิคตอนพิเศษ แต่ยังไม่เคยทำให้อาเส่สักที ปีนี้เลยได้โอกาสจัดไปให้ค่ะ แต่พี่ชายก็สามารถอุบอิบมาแจมได้อยู่แล้ว เพราะคู่ขวัญกันนี่นา จริงป่ะ | |
|
| |
midori ศิษย์ใหม่ชาเรี่ยน..เอ๊าะๆเฟรชๆ
จำนวนข้อความ : 51 : 46 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Mon May 25, 2009 10:41 pm | |
| ตามมาอ่านแล้วค่ะ 555 งานนี้พี่หลงงานเข้า
กลายเป็นว่าคนที่เดาใจย๊ากยากเป็น พี่ลู่ฟ่งเสียนี่ อารมณ์ทั้งรักทั้งเกลียด
จะดีจะร้ายก็อยู่ในมือผู้กำกับ ตอนนี้ใครๆ ก็ลุ้นว่าพี่ลู่ฟ่งจะทำอะไรต่อไป
รออ่านตอนพิเศษ 555 | |
|
| |
ทะเล ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 3 กระบี่ไร้เงา
จำนวนข้อความ : 1285 : 39 Registration date : 13/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Mon May 25, 2009 11:30 pm | |
| | |
|
| |
tabtim ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
จำนวนข้อความ : 868 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Tue May 26, 2009 8:00 pm | |
| มามิ..พี่ลู่ฟงของมามิเดาใจยากสุดๆค่ะตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะรักหรือจะแค้นดี ตั้งแต่ต้นพี่ลู่ฟงแพ้น้ำตาของน้องเซียงค่ะ พอเห็นน้องเซียงร้องไห้แล้วใจอ่อนทุกรอบ พอจะแค้นเข้าหน่อย สุดท้ายก็ทำไม่ลงทุกที
ทะเล..ขอบคุณสำหรับภาพประกอบจ๊ะ เข้ากับตอนนี้มากๆเลย น่าสงสารพี่ลี่หูเนอะ นี่พี่เค้ายังไม่รู้ว่าน้องเซียงป่วย กำลังจะแท้งลูก นี่ถ้ารู้นะ สงสัยอยู่ไม่ได้แน่ๆ เป็นตายยังไงก็ต้องรีบมาหาแล้วล่ะ | |
|
| |
tomtam ศิษย์ชาเรี่ยนขั้น 2
จำนวนข้อความ : 167 : 43 Registration date : 14/12/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Wed May 27, 2009 8:15 pm | |
| ตอนนี้จอมยุทธเซี่ยงกะพี่ฟู่ขโมยซีนสุดๆ ดูแล้วก็ลุ้นไปด้วยว่าจะโดนจับได้ก่อนหรือเปล่า อีกคนหนึ่งที่ฮีโร่สุดๆ ก็คือ อี้หลานค่ะ คนนี้ฉลาดล้ำเดาเรื่องหน้ากากเงินได้หมดเลย คนอ่านก็เลยพลอยเคลียร์ตัวเองไปด้วย ตอนนี้ปมที่เคยสงสัยก็กระจ่างหมดแล้ว เหลืออย่างเดียวคือให้กำลังใจพี่หลงค่ะว่าจะฝ่าฟันศึกครั้งนี้ไปได้หรือเปล่า โหยโทษหนักซะด้วย พี่หลงเนี่ยไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าใหญ่ ชีเส้าเฟย หรือจางจื่อหลังก็ถูกกล่าวหาข้อหาเดียวกันตลอดเลยว่าเป็นกบฏ สงสัยตัวละครนี้อาถรรพ์จริงๆ
รู้สึกสงสารพี่ลู่ฟงเหมือนกันเลยค่ะ เหมือนเขาพยายามที่จะชนะจิตใจอี้เซียงให้ได้ แม้ว่าวิธีการมันออกจะโหดไปหน่อย แต่ก็สงสารเพราะความจริงใจเนี่ยแหละ
ว๊าววววว เพิ่งอ่านเห็นว่าจะมีตอนพิเศษด้วย ดีจังเลยค่ะ แฟนๆ ตาหลงได้ผลพลอยได้ไปด้วยอิๆ | |
|
| |
tabtim ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
จำนวนข้อความ : 868 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Thu May 28, 2009 9:12 pm | |
| ตอนพิเศษ Happy Birthday Ah Sheh
ณ หมู่บ้านเล็กๆอันเงียบสงบ ท้องทุ่งนาสีเขียวขจีถูกโอบล้อมไว้ด้วยภูเขาสูง แม้จะอยู่ห่างไกลความเจริญ แต่มันก็เป็นชีวิตที่เรียบง่ายที่ทุกคนในหมู่บ้านล้วนพึงพอใจ พืชผักผลไม้ก็แบ่งกันกิน ส่วนที่เหลือก็ฝากเอาไปขายในตลาดแลกเป็นเงินกลับมานิดหน่อย ไม่มีชีวิตที่หรูหรา ไม่มีอาหารรสเลิศ แต่ทุกคนล้วนมีรอยยิ้มอย่างเบิกบานใจ หัวใจอิ่มเอิมไปด้วยความสุขในชีวิต เมื่อได้อยู่ในสถานที่ที่ไม่มีการแข่งขัน แย่งชิงให้ได้มาซึ่งอำนาจและความเห็นแก่ตัว “ท่านพ่อ...กินข้าวได้แล้วครับ” เสียงเด็กชายอายุราวสี่ขวบเศษวิ่งนำมาก่อนที่แปลงผัก ส่วนทางด้านหลังของเด็กชายตามมาด้วยมารดาที่มือหนึ่งหิ้วตะกร้าใส่อาหารเที่ยง ส่วนอีกมือก็จูงลูกสาวที่หน้าตาเหมือนกับเด็กชายที่วิ่งนำมาก่อนจนแทบแยกไม่ออก “หลินเอ๋อ ค่อยๆวิ่งลูก เดี๋ยวหกล้ม” บิดาเงยหน้าขึ้นมาจากแปลงผักวางจอมที่อยู่ในมือเดินเข้ามาหาลูกชายที่ใกล้จะวิ่งมาถึง “ข้าเป็นเด็กผู้ชายไม่ล้มง่ายๆหรอกครับ” หลินเอ๋อที่ฉลาดและช่างพูดกว่าเด็กวัยเดียวกันตอบบิดาด้วยรอยยิ้มจนแก้มมีรอยบุ๋มทั้งสองข้าง คนเป็นพ่ออุ้มลูกชายขึ้นมาแล้วกดปลายจมูกลงบนแก้มของหลินเอ๋อ กลิ่นหอมอ่อนๆของเด็กน้อยทำให้หัวใจของพ่อสดชื่น หายเหนื่อยจากการทำงานเป็นปลิดทิ้ง “พี่หลง กินข้าวค่ะ” แม่ของเด็กเดินมาถึงสองพ่อลูกก็ยิ้มหวาน จางจื่อหลงคือบิดาของเด็กแฝดสองคน และภรรยาของเขาก็คือไป๋อี้หลาน ผู้หญิงที่ยืนอยู่เบื้องหน้า “ท่านพ่อต้องไปล้างมือก่อนนะค่ะ ถึงจะกินข้าวได้” ลูกสาวเดินเข้าไปดึงแขนเสื้อบอกบิดาที่ยังอุ้มพี่ชายอยู่ จื่อหลงค่อยๆย่อตัวลงมาเพื่อวางลูกชายลงที่พื้น “เดี๋ยวพ่อไปล้างมือ แต่ขอหอมแก้มเหลียนเอ๋อให้ชื่นใจก่อนนะ” จื่อหลงพูดจบก็หอมแก้มลูกสาวไปอีกหนึ่งฟอดใหญ่จนเหลียนเอ๋อยิ้มแก้มปริเอามือไปกอดคอบิดาไว้แน่น จื่อหลงรู้ได้ทันทีว่าลูกสาวอยากให้ตนเองอุ้ม จึงได้ช้อนตัวลูกขึ้นมาลอยจากพื้นและเดินไปใต้ร่มไม้ใหญ่ พอเดินไปถึงแล้วเขาถึงได้วางลูกสาวให้นั่งลง ส่วนตนเองก็ไปล้างมือก่อนที่จะมานั่งกินข้าวเที่ยงที่ภรรยาทำให้มา อี้หลานยื่นชามข้าวให้สามีและก็หยิบกับข้าวตามออกมา สองสามีภรรยานั่งมองลูกชายหญิงสองคนที่กำลังจะออกไปวิ่งเล่นตามแปลงสวนผักที่บัดนี้ชาวบ้านคนอื่นๆก็พักจากการทำงานมานั่งกินข้าวอยู่ที่ใต้ร่มไม้ใหญ่เหมือนๆกัน จื่อหลงตะโกนบอกลูกแฝดชายหญิงที่วิ่งออกไปให้เด็กๆอย่าไปไกลนัก ซึ่งหลินเอ๋อก็รับคำกลับมา พร้อมทั้งบอกพ่อและแม่ว่าเขาจะดูแลน้องสาวเป็นอย่างดี “วันนี้เจ้าไม่พาถงเอ๋อมาด้วยหรอ” ชายหนุ่มถามภรรยาถึงลูกชายคนเล็กที่อายุได้ขวบเศษ เมื่อวานนี้นางพาถงเอ๋อมาที่แปลงผักด้วย ทำให้วันนี้เขาคิดว่านางจะพาถงเอ๋อมาหาอีกวัน “ท่านพ่อไม่ยอมให้พามาแล้วค่ะ ท่านบอกว่าถงเอ๋อยังเล็กนัก ถ้าให้ถูกแดดถูกลมมากๆเดี๋ยวจะไม่สบาย วันนี้ท่านพ่อก็เลยยึดตัวไว้ที่บ้านค่ะ” อี้หลานตอบสามีพร้อมรอยยิ้ม ใจของนางก็ไม่อยากพาถงเอ๋อมาด้วยเหมือนกัน แต่ลูกคนเล็กกำลังอยู่ในวัยกำลังน่ารักและจื่อหลงก็เป็นคนที่ติดลูกมาก ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากให้นางพาลูกๆทั้งสามคนมาหาเขาตอนพักเที่ยงให้ได้ทุกวัน เพื่อที่เขาจะได้มีแรงใจทำงาน จะว่าไปแล้วจอมยุทธ์หนุ่มที่ในมือเคยถือกระบี่ พอต้องมาจับจอมถือเสียม มันก็เป็นงานที่หนักพอดู แต่เขาก็ไม่เคยท้อเพราะในเมื่อมันคือสิ่งที่เขาปรารถนา ได้มีครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุขในชีวิตที่เรียบง่ายแบบนี้ หลังจากจื่อหลงกินข้าวจนอิ่มแล้ว อี้หลานก็จัดแจงหยิบน้ำให้ดื่มและตามด้วยขนมถั่วตัดเป็นของหวาน ลูกๆสองคนที่ไปวิ่งเล่นเมื่อครู่ก็วิ่งกลับมาหาพ่อแม่ “หลินเอ๋อ เหลียนเอ๋อ ทำไมกลับมากันเร็วจัง ไม่ได้ไปเล่นกับพวกพี่ๆหรือจ๊ะ” อี้หลานหมายถึงเด็กคนอื่นๆที่เป็นลูกหลานของคนในหมู่บ้าน พวกเด็กๆที่โตกว่ามักจะพาสองพี่น้องฝาแฝดไปเล่นด้วย พอเลิกเล่นแล้วก็จะพามาส่งจนถึงที่ แล้วหลังจากนั้นอี้หลานถึงจะพาลูกสองคนกลับบ้าน “ไม่ไปครับ มากินขนมของท่านแม่ดีกว่า” หลินเอ๋อค่อยๆขยับไปนั่งใกล้ๆมารดาเอื้อมมือจะไปหยิบขนมในตะกร้า แต่มือน้อยๆไม่ทันได้เอื้อมไปถึง มือเล็กอีกหนึ่งมือก็จับข้อมือของหลินเอ๋อเอาไว้ก่อน “พี่หลินเอ๋อลืมอีกแล้ว ท่านแม่สอนไว้ว่ายังไง” น้องสาวต่อว่าพี่ชายที่ไม่ยอมล้างมือก่อนจับอาหาร ทำให้มารดาที่นั่งอยู่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ส่วนบิดาก็หัวเราะชอบใจ “รู้แล้วครับ” หลินเอ๋อก้มหัวให้น้องสาวแล้วจึงวิ่งไปล้างมือที่ถังน้ำที่อยู่ใกล้ๆ พอวิ่งกลับมาอีกที น้องสาวที่น่ารักก็หยิบขนมให้พี่ชายหนึ่งชิ้น โดยก็ลืมไปว่าตัวของนางเองก็ยังไม่ได้ล้างมือเหมือนกัน พอนึกขึ้นมาได้นางก็ร้องเสียงดัง ‘อุ๊ย’ รีบดึงมือกลับเพื่อวางขนมลงในตระกร้าแล้วก็วิ่งไปล้างมือก่อนจะวิ่งกลับมาหยิบขนมที่วางไว้ส่งให้พี่ชายใหม่อีกครั้ง หลินเอ๋อเห็นน้องสาวทำแบบนี้ก็ทำตาโตใส่ “เหลียนเอ๋อไม่ล้างมือแล้วมาหยิบขนมให้พี่ได้ยังไง” | |
|
| |
tabtim ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
จำนวนข้อความ : 868 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Thu May 28, 2009 9:12 pm | |
| “ข้าล้างแล้ว เมื่อกี้นี้ไง” พี่ชายยังทำตาโตมองหน้าน้องสาว เมื่อกี้นี้นะหรอ เด็กชายเอามือเกาหัว ล้างมือหลังจากหยิบขนมให้แล้วนี่นะ “พี่หลินเอ๋อไม่กินแล้วหรอ” เหลียนเอ๋อทำตาแป๋ว ส่งขนมในมือของนางให้พี่ชาย หลินเอ๋อพยักหน้าหงึกๆแล้วก็หยิบมาใส่ปาก “อร่อยไหมลูก” แม่ถาม “อร่อยครับ/ค่ะ” สองพี่น้องตอบพร้อมกัน สองสามีภรรยานั่งมองลูกสองคนกินขนมอย่างมีความสุข แปลงผักสีเขียวสดเต็มพื้นดินมองแล้วดูสบายตา เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็สามารถเก็บไปขายได้ จื่อหลงคิดไว้ว่าจะเก็บเงินที่ได้มาไว้บางส่วนเพื่อทำอะไรบางอย่างให้ภรรยาสุดที่รัก อี้หลานที่หันมาเห็นสามีนั่งยิ้มเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ก็จ้องหน้าเขาเพื่อค้นหาคำตอบ “ยิ้มคนเดียว แอบคิดอะไรอยู่รึเปล่าค่ะ” “ไม่บอก” จื่อหลงตอบสั้นๆ “ไม่บอกก็แสดงว่าต้องมีแน่ๆ” จื่อหลงยิ้มๆ อี้หลานมักสรุปเอาคำตอบด้วยตัวเองเสมอ เวลาที่เขาเงียบไปหรือตอบคำถามของนางแบบอ้อมๆ เป็นแบบนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้แต่งงาน จนกระทั่งมีลูกด้วยกันถึงสามคน นางก็ยังเหมือนเดิม “ถึงมีก็ไม่บอก” “ท่านนี่นะ..” อี้หลานทำเสียงดุแต่แววตาของนางกลับแย้มยิ้ม หลินเอ๋อกินขนมจนอิ่มแล้วก็มานั่งบนตักของบิดา เด็กน้อยมองพ่อ มองแม่แล้วก็ถอนหายใจ “หลินเอ๋อถอนหายใจทำไมลูก” จื่อหลงถามลูกชาย เป็นเด็กตัวเท่านี้ก็มีให้คิดจนต้องถอนหายใจเสียแล้ว “เปล่าครับ ข้าแค่คิดถึงท่านน้าหู ท่านพ่อเมื่อไหร่ท่านน้าหูจะกลับมาสักที” ท่านน้าหูที่หลินเอ๋อพูดถึงก็คือเฉินลี่หู สามีของไป๋อี้เซียง น้องสาวสุดที่รักของอี้หลาน หลินเอ๋อที่ไม่ได้เจอท่านน้ามาหลายวันก็เริ่มบ่นคิดถึง “เดี๋ยวท่านน้าก็กลับมาแล้วลูก” จื่อหลงบอกลูกชาย ลูกสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของอี้หลานก็ถอนหายใจบ้าง “ข้าไปหาท่านน้าหูได้ไหมค่ะ เหลียนเอ๋อคิดถึง อยากให้ท่านน้าสานตั๊กแตนให้ค่ะ” “ไม่ได้หรอกจ๊ะ ท่านน้าไปเข้าวัดเพื่อเอาบุญ เราก็อย่าไปรบกวนเลยนะจ๊ะ เดี๋ยวพอท่านน้ากลับมาแม่จะบอกให้ท่านน้าทำตั๊กแตนให้เหลียนเอ๋อหลายๆตัวดีไหม” เหลียนเอ๋อเม้มริมฝีปากเหมือนใช้ความคิดแล้วจึงพยักหน้าตกลงตามที่แม่บอก “อี้หลาน เห็นทีถ้าลี่หูกลับมาต้องบอกสักหน่อยแล้วนะว่าหลานๆอนุญาตให้ไปเข้าวัดถือศีลได้แค่วันเดียว ไม่ให้ไปหลายวันแล้ว ดูสิบอกจะไปตั้งเจ็ดวัด นี่แค่ผ่านไปสามวัน หลานๆก็บ่นคิดถึงจะแย่ กว่าจะครบกำหนด ลูกๆของเรามิต้องเหงากันพอดี” จื่อหลงก็ทำทีพูดไปแบบนั้น เพราะอย่างไรเสียก็ไม่ควรไปห้ามคนที่มีใจเป็นกุศล ท่านน้าหูของเด็กๆ แม้อดีตจะเคยทำเรื่องเลวร้ายไว้มาก แต่ลี่หูคนนั้นไม่มีอีกแล้ว มีแต่ท่านน้าหูที่ใจดีที่ชอบทำบุญทำทาน เขาเคยบอกจื่อหลงและอี้หลานว่าถึงแม้ผลบุญที่ทำไว้จะไม่อาจลบล้างบาปกรรมในอดีตได้ แต่เขาก็จะสะสมผลบุญนั้นไปเรื่อยๆเพื่อให้บุญกุศลที่ทำไว้ได้ส่งผลถึงภรรยาที่เขารักมากที่สุดในชีวิต “พี่ลี่หูเป็นน้องเขยของท่าน ท่านก็บอกกันเองสิค่ะ” อี้หลานก็แกล้งพูดว่าจื่อหลงไปแบบนั้น เพราะนางก็คิดเหมือนกับสามี คนที่เขามีจิตศรัทธา ถ้าไปพูดห้ามหรือกำหนดกฏเกณฑ์ก็เหมือนเป็นการขัดขวาง จะกลายเป็นสร้างบาป เพราะฉะนั้นทุกคนในบ้านถึงไม่มีใครพูดห้าม มีแต่จะอนุโมทนาบุญด้วยเสียมากกว่า “ทำไมมาโยนบาปให้ข้าแบบนี้ล่ะ” จื่อหลงชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วก้มหน้าลงมองหลินเอ๋อที่ยังทำตาแป๋ว “ท่านพ่อทำตั๊กแตนสานให้ข้ากับน้องได้ไหม เอาสามตัวจะได้ไปฝากถงเอ๋อหนึ่งตัว” “คือพ่อ..พ่อไม่เคยทำมาก่อนนะ” จื่อหลงมองภรรยา ถึงมันจะดูเป็นงานง่ายๆแต่เขาก็ไม่เคยลองสักครั้ง ถ้าทำไปแล้วมันออกมาไม่ดี จะทำให้ลูกๆผิดหวังเสียมากกว่า “เอางี้ดีไหม พ่อจะเป่าเพลงใบไม้ให้ฟัง” “หือ..ใบไม้เป่าได้ด้วยหรอครับ” หลินเอ๋อช่างถาม ช่างซัก ช่างสงสัยยืดตัวขึ้นกอดคอพ่อ “ได้สิ..สมัยก่อนพ่อก็ใช้ใบไม้เป่าเป็นเพลงจนชนะใจของแม่เจ้ามาแล้วนะ มันเป็นลูกไม้เด็ดของพ่อเชียวนะ” จื่อหลงพูดแล้วหันไปสบตากับอี้หลาน นึกถึงสมัยก่อนที่เขาเป่าเพลงใบไม้ให้นางเป็นของขวัญวันเกิด ไม่รู้ว่าวันนี้นางยังอยากจะฟังเขาเป่าให้นางฟังอยู่อีกไหม “เจ้าอยากฟังรึเปล่า ข้าจะเป่าเพลงสายลมแห่งรักให้เจ้าฟัง” “เพลงสายลมแห่งรัก..ท่านยังจำเพลงนี้ได้อยู่อีกหรอค่ะ” หญิงสาวแสร้งถามแก้เขิน เพลงสายลมแห่งรักเป็นชื่อเพลงที่จื่อหลงตั้งขึ้นมา เขาเคยบอกกับนางว่านางเป็นเหมือนสายลมที่นำพาความรักมาให้ นางช่วยทำให้ใจที่ถูกปิดตายไปแล้วให้กลับมีชีวิตขึ้นอีกครั้ง ถ้าหากไม่มีอี้หลาน ป่านนี้เขายังคงเป็นมือสังหารที่ไม่รู้ว่าจะถูกคนอื่นมาทวงคืนชีวิตเมื่อใด “ทำไมข้าจะจำไม่ได้ล่ะ ในเมื่อเพลงนี้ข้าไม่เคยเป่าให้ใครฟังนอกจากเจ้าคนเดียว” จื่อหลงมองภรรยาด้วยความรักอย่างสุดซึ้ง จะผ่านไปอีกกี่ปี ความรักที่เขามีต่อนางก็ไม่เคยลดลงแม้แต่น้อย หลินเอ๋อที่เห็นพ่อมองหน้าแม่แบบตาไม่กระพริบก็ทำตาแป๋ว “ท่านพ่อ ทำไมมองหน้าท่านแม่นานจัง” ลูกชายทำให้จื่อหลงรู้สึกตัว เขาลืมนึกไปว่ากำลังอยู่ต่อหน้าลูกๆ “ท่านพ่อ ข้าอยากฟังเพลงใบไม้” เหลียนเอ๋อค่อยๆเดินชันเข่ามาหาบิดา ตอนนี้นางอยากฟังเพลงใบไม้ที่พ่อจะเป่าให้ฟังจะแย่แล้ว อยากรู้จังว่าจะเพราะขนาดไหน “ได้ เดี๋ยวพ่อไปหาใบไม้ก่อนนะเด็กๆ” ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปเด็ดใบไม้มาหนึ่งใบแล้วจึงกลับมานั่งที่เดิม เขาหยิบใบไม้ขึ้นมาแตะริมฝีปากและเริ่มผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆเป็นจังหวะหนักเบาจนบังเกิดเป็นเสียงเพลงที่ไพเราะ จนสองเด็กน้อยนั่งฟังเพลง ‘สายลมแห่งรัก’ ตาแป๋ว พอจื่อหลงเป่าจนจบเพลงหลินเอ๋อหับเหลียนเอ๋อก็ปรบมือชอบใจและรบเร้าให้บิดาเป่าให้ฟังใหม่อีกครั้งและอีกครั้ง จนลืมนึกถึงตั๊กแตนสานของท่านน้าไปชั่วคราว | |
|
| |
tabtim ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
จำนวนข้อความ : 868 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Thu May 28, 2009 9:14 pm | |
| เวลาอาหารเย็นมาถึงอีกครั้ง เป็นเวลาที่ทุกคนจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน ภายในบ้านที่ไม่ได้ใหญ่โตมากมายนัก ถ้าเทียบกับชีวิตความเป็นอยู่เมื่อครั้งอดีต แต่บ้านหลังนี้ก็กว้างขวางและอบอุ่นสำหรับแปดชีวิตที่อาศัยอยู่ร่วมกัน มีพ่อ มีลูกสาว ลูกเขยและหลานชายหญิง ชายสูงวัยที่ผมมีสีขาวแซมจนเกือบทั้งศีรษะที่พวกชาวบ้านเรียกแทนว่าลุงไป๋นั่งยิ้มอย่างมีความสุขที่รอบๆตัวของท่านมีลูกและหลานนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวโต๊ะใหญ่ แต่ท่านคงจะสุขมากกว่านี้ถ้าเก้าอี้ไม่ได้ว่างไปสองตัว สายตาของผู้อาวุโสพอวางไปยังเก้าอี้ที่ว่างเปล่าแล้วคนที่อยู่รอบข้างก็รับรู้ความคิดถึงที่เริ่มก่อตัวขึ้น “ท่านพ่อคิดถึงน้องเซียงหรอค่ะ” อี้หลานถามบิดา บ้านของนางพอใครหายไปคนหรือสองคน คนที่เหลือก็พากันคิดถึง นั่นอาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ที่บ้านของนางต้องพบเจอกับการพลัดพรากและเกือบจะลาจาก ทำให้มีความรู้สึกที่ทั้งคิดถึงและห่วงหาเมื่อมีใครสักคนไม่อยู่ให้เห็นหน้า “คิดถึงสิ พ่อแก่แล้วก็อยากให้ลูกหลานอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พอมีใครหายไปมันก็รู้สึกเหงาๆชอบกล” “โธ่ท่านพ่อ ปกติเขยเล็กไม่อยู่ไม่เห็นบ่นคิดถึงขนาดนี้ แต่นี่พอเขาพาน้องเซียงไปด้วยหน่อยก็บ่นว่าเหงาซะแล้วนะค่ะ” อี้หลานล้อบิดาให้ท่านหัวเราะ “ก็เวลาที่ลี่หูไปคนเดียวก็จะค้างแค่คืนเดียวนี่นา พ่อก็ไม่บ่นคิดถึงเท่าไหร่สิ แต่พอพาอี้เซียงไปด้วย ไปซะตั้งหลายวันแล้วจะไม่ให้พ่อบ่นคิดถึงได้ยังไง” อี้หลานที่ตักข้าวใส่ถ้วยให้พ่อแล้วยิ้มให้กับสามี ตากับหลานเหมือนกันไม่มีผิดจริงๆ “พี่หลงเห็นไหม เห็นทีท่านต้องบอกน้องเขยของท่านแล้วนะ ไม่เพียงทำให้หลานบ่นคิดถึง ยังทำให้ท่านพ่อบ่นคิดถึงอีกด้วย” “มาโยนให้เป็นหน้าที่ของข้าอีกแล้ว น้องสาวของเจ้าก็บอกกันเองสิ” จื่อหลงหัวเราะแล้วคีบกับข้าวให้ลูกฝาแฝด ส่วนอี้หลานก็กลับมานั่งที่เก้าอี้เตรียมจะป้อนข้าวให้ถงเอ๋อ “ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าไปบอกถึงที่เลยว่าให้รีบกลับมาบ้านได้แล้ว ไปนานๆแบบนี้มีแต่คนบ่นคิดถึง ดีไหมค่ะ” อี้หลานป้อนข้าวให้ถงเอ๋อแล้วบอกกับทุกๆคนไปด้วย จะว่าไปแล้ววัดของหมูบ้านที่ลี่หูไปถือศีลกินเจอยู่ที่นั่นก็ไม่ได้ออกไปไกลจากหมู่บ้านนัก ส่วนอี้เซียงก็ไปอยู่ที่โรงทานที่อยู่ใกล้ๆกัน ถ้านางจะไปหาน้องสาวกับน้องเขยก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ “อย่าเลยๆไม่ต้องๆ พ่อก็บ่นไปอย่างงั้นนั่นแหละ ไปกันแค่เจ็ดวันเดี๋ยวเดียวก็กลับ แต่ที่พ่อถามถึงเพราะกลัวว่าสองคนนั้นจะมัวแต่ใจบุญจนลืมอะไรไปรึเปล่า” “ลืมอะไรหรอครับ” จื่อหลงที่คีบกับข้าวใส่ถ้วยให้ภรรยาแสร้างทำเป็นถาม “อ๋อ..ข้านึกออกแล้ววันเทศกาลบ๊ะจ่าง” จื่อหลงถามเองตอบเองเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วก็ทำเป็นกินข้าวต่อ หารู้ไม่ว่าทำให้ภรรยารู้สึกงอนขึ้นมานิดๆ ที่เขาลืมอะไรไปแล้วจริงๆ
หลังจากกินข้าวกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสสุดของบ้านก็เล่นกับหลานฝาแฝด หลินเอ๋อกับเหลียนเอ๋อเป็นเด็กฉลาด โดยเฉพาะหลินเอ๋อเป็นเด็กช่างถาม ก็มักจะมีคำถามแปลกๆมาถามท่านตาให้ปวดหัว ส่วนถงเอ๋อยังเล็กอยู่จึงได้แต่นั่งอยู่บนตักของแม่มองดูพวกพี่ๆเล่นขี้ม้าส่งเมืองกับพ่อ “ป้อๆ” เสียงถงเอ๋อที่พูดตามด้วยเสียงหัวเราะปรบมือชอบใจ “ถงเอ๋อ..พูดใหม่สิลูก” อี้หลานบอกลูกชายคนเล็กและตั้งใจฟังไปด้วย จื่อหลงที่ไม่ได้ฟังในตอนแรกก็เดินเข้ามาลูกชายคอยตั้งใจฟังเหมือนกัน “ป้อๆ” ถงเอ๋อพูดซ้ำแล้วหัวเราะ ทำให้สองสามีภรรยาหันมามองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อ ถงเอ๋อพูดได้แล้วค่ะ” อี้หลานดีใจที่ได้ยินลูกชายพูดคำแรกรีบอุ้มถงเอ๋อขึ้นมาเข้าไปหาบิดาของนาง ท่านตาพอได้ยินเสียงหลานชายคนเล็กพูดคำว่า ‘พ่อ’ ออกมาได้เป็นคำแรกก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่ความดีใจคงไม่เท่าจื่อหลง ถึงแม้เขาจะมีลูกถึงสามคน แต่ลูกแฝดกลับเรียกแม่ก่อนพ่อ พอถงเอ๋อมาเรียกพ่อได้ก่อนแม่ จึงทำให้เขารู้สึกดีใจเป็นที่สุด “น้องพูดแล้ว..ไหนๆเรียกพี่สิ” หลินเอ๋อเป็นอีกคนที่ตื่นเต้นดีใจ เด็กน้อยเขย่งตัวเงยหน้าไปมองน้องชายที่แม่ยังอุ้มไว้ อยากให้น้องเรียกว่า ‘พี่’ สักครั้ง อี้หลานย่อตัวลงมาให้หลินเอ๋อได้คุยกับน้องชายได้ถนัดขึ้น “เรียกพี่ได้ไหม” พอแม่อุ้มน้องมาใกล้ๆทั้งหลินเอ๋อกับเหลียนเอ๋อก็แย่งกันบอกให้น้องเรียกว่า ‘พี่’ ยกใหญ่ คนที่มีความสุขจนยิ้มชอบใจก็คงหนีไม่พ้นคนที่เป็นทั้งพ่อและแม่ของเด็กน้อย การที่ถงเอ๋อพูดได้ นับได้ว่าเป็นของขวัญสุดพิเศษของอี้หลาน แม้นางจะพาลูกๆไปเข้านอนกันหมดแล้ว นางก็ยังไม่หยุดยิ้มด้วยความปลาบปลื้ม “กำลังคิดอะไรอยู่รึเปล่า เห็นนั่งยิ้มอารมณ์ดีเชียว” จื่อหลงเห็นภรรยานั่งอมยิ้มเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่จึงเดินไปนั่งลงข้างๆและดึงร่างของภรรยาเข้ามาแนบอก “ข้ากำลังนั่งนึกถึงลูกๆของเราค่ะ พอได้เห็นเด็กทั้งสามคนเติบโตขึ้นมาน่ารักแบบนี้ ข้าก็เลยอดที่จะยิ้มไม่ได้” “ใช่ลูกของเราน่ารักมากๆ อี้หลาน..ขอบคุณมากนะที่เจ้าช่วยมีลูกชายหญิงให้ข้าได้น่ารักถึงขนาดนี้” สามีกระชับอ้อมกอดภรรยาให้แน่นขึ้น “แม่สวย ลูกก็ต้องออกมาน่ารักเป็นธรรมดาล่ะค่ะ” อี้หลานเงยหน้าไปตอบสามีด้วยคำพูดแบบนี้ทำให้จื่อหลงหัวเราะชอบใจยกใหญ่ เขาเพิ่งจะรู้ว่าภรรยาสุดที่รักก็รู้จักยกยอตัวเองเป็นเหมือนกัน “แม่สวยอย่างเดียวก็ไม่ได้หรอกนะ แต่พ่อต้องหล่อด้วยถึงจะสมกัน” จื่อหลงยกยอตัวเองอย่างอารมณ์ดีบ้าง “ถ้าหลินเอ๋อกับถงเอ๋อโตขึ้นต้องหล่อเหมือนพ่อแน่ๆ ส่วนเหลียนเอ๋อคงจะสวยเหมือนแม่ ไม่ได้การแล้ว เดี๋ยวพอเหลียนเอ๋อโตกว่านี้ข้าคงต้องเริ่มไว้หนวดไว้ข่มขวัญพวกหนุ่มๆที่จะมาเกี้ยวลูกสาวเราซะหน่อย” จื่อหลงทำหน้าตาดุให้ภรรยาดู ถ้าลูกสาวสวย เป็นใครก็ต้องหวงทั้งนั้น “ต้องถึงขนาดไว้หนวดข่มขวัญเลยหรอค่ะ แล้วจะใช้ได้ผลรึเปล่า ดูอย่างท่านพ่อสิขนาดไว้หนวด ท่าทางน่าเกรงขามก็ยังไม่เห็นมีหนุ่มแถวๆนี้กลัวสักคน” | |
|
| |
tabtim ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
จำนวนข้อความ : 868 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Thu May 28, 2009 9:14 pm | |
| “ใช่ น้องเขยไม่กลัวท่านพ่อเลย เพราะถ้ากลัวคงไม่ใจร้อนรีบเข้าหอก่อนแต่งใช่ไหม” จื่อหลงทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ตอบภรรยา ทำให้อี้หลานนึกหมั่นไส้หยิกแขนเขาไปหนึ่งที “ท่านด้วย..ถ้ากลัวจริงคงไม่กล้ามายุ่งกับลูกสาวเขาหรอก ถูกส่งมาทำงานแท้ๆแต่ก็ยังกล้า” “ก็มันอดใจไว้ไม่อยู่จริงๆนี่นา ช่วยไม่ได้” จื่อหลงพูดจบก็ประทับรอยจุมพิตที่หน้าผากของภรรยาสาว “อี้หลาน ข้ารักเจ้านะ” พอบอกรักแล้ว จื่อหลงจึงเลื่อนริมฝีปากลงมาครอบครองริมฝีปากอ่อนนุ่มของนาง สัมผัสที่ทั้งอ่อนหวานและนุ่มนวลแทนความรู้สึกที่มีทั้งหมดของหัวใจที่พึงจะมอบให้ภรรยาผู้เป็นที่รักยิ่ง อี้หลานหลับตาพริ้มตอบรับสัมผัสที่หวานดุจน้ำผึ้งของสามีนั้นไว้ ริมฝีปากอุ่นร้อนละลงมายังซอกคอหอมกรุ่นฝากทุกสัมผัสไปยังเรือนร่างบอบบางอย่างช้าๆและเนิ่นนาน มือเรียวบางของอี้หลานเกาะเกี่ยวอกเสื้อของสามีไว้แน่นและจึงเลื่อนขึ้นไปโอบต้นคอของชายหนุ่ม เมื่อจื่อหลงค่อยๆอุ้มร่างของนางขึ้นมาและเดินตรงไปที่เตียงนอน สายตาของเขายามที่มองภรรยาสื่อความหมายที่หวานซึ้ง เขาค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปหาเพื่อประทับรอยจุมพิตหวานล้ำ แสดงความรักของสามีที่มีต่อภรรยาให้ลึกซึ้ง แต่แล้วผลผลิตจากความรักของคู่สามีภรรยาก็ส่งเสียงเรียกหา ‘พ่อ’ “ถงเอ๋อ” ตื่นขึ้นมาส่งเสียงสดใสอยู่ในเปล ทำให้จื่อหลงสะดุ้งรีบลุกขึ้นมานั่ง ในขณะที่อี้หลานก็รีบลงจากเตียงนอนไปหาลูกชาย เพราะถงเอ๋อยังเล็กอี้หลานจึงให้ลูกนอนด้วย ส่วนลูกแฝดสองคนผลัดกันถูกยืมตัวไปนอนกับท่านตาและท่านน้า “ถงเอ๋อ เด็กดีรีบตื่นมาทำไมตอนนี้ลูก พ่อเลยอดมีน้องให้ถงเอ๋ออีกคนเลยเห็นไหม” จื่อหลงพูดติดตลกมองหน้าลูกชายที่อยู่ในอ้อมแขนของอี้หลาน ถ้านางไม่ติดว่าต้องอุ้มถงเอ๋อไว้ จื่อหลงคงได้ถูกนางหยิกไปอีกสักทีสองที “พี่หลงพูดอะไรก็ไม่รู้” นางหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก ถึงจะแต่งงานกันแล้ว แต่จื่อหลงก็ไม่เคยพูดจาแบบนี้ และยิ่งต่อหน้าถงเอ๋อด้วย เขากลับพูดออกมาได้ “ถงเอ๋ออยากมีน้องอีกคนไหม” เขาไม่ตอบแต่แกล้งไปถามลูกชายต่อ เด็กน้อยไร้เดียงสาทำท่าเป่าปาก “ป้อๆ” ถงเอ๋อเรียกพ่อแล้วก็หัวเราะชอบใจ เด็กน้อยที่เพิ่งจะพูดได้ไม่ยอมนอนง่ายๆเสียแล้ว เจ้าหนูส่งเสียงอ้อแอ้ชวนพ่อกับแม่คุย กว่าถงเอ๋อจะง่วงหมดฤทธิ์หลับไปได้อีกครั้ง จื่อหลงที่ทำงานที่สวนผักมาทั้งวันเป็นอันต้องหลับสนิทไปก่อนลูกชาย
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ยามสายของวันใหม่ที่บริเวณหน้าประตูรั้วบ้านปรากฏชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งที่เพิ่งจะลงจากรถม้ายืนรออยู่ ที่ด้านหลังของทั้งคู่มีบ่าวสองคนถือกล่องของขวัญสีแดงและกล่องขนมกล่องใหญ่ ท่านไป๋หรือท่านลุงไป๋ในเวลานี้ชะเง้อมองแขกที่มาเยือนอยู่หน้าประตูบ้านเมื่ออี้หลานเดินไปต้อนรับชายหญิงคู่นั้น พอท่านไป๋ได้เห็นใบหน้าแขกผู้มาเยือนทั้งของคน ใบหน้าที่เหี่ยวย่นจากที่ผ่านวันเวลาที่ยาวนานมาถึงค่อนชีวิตก็มีรอยยิ้มระบายอยู่บนใบหน้า ชายหนุ่มรุ่นลูกรีบเดินตรงเข้ามาแล้วประสานมือคำนับผู้อาวุโส ส่วนหญิงสาวที่เดินมาด้วยก็รีบย่อกายลงคำนับท่านไป๋ด้วยความเคารพเฉกเช่นเดียวกัน “ฟู่เจี้ยน ไปยังไงมายังไงเนี่ย” ผู้อาวุโสเอ่ยทักแล้วเข้าไปตบไหล่ทั้งสองข้างเป็นการทักทาย “ท่านลุงสบายดีนะครับ” “ลุงสบายดีแล้วนี่ใครล่ะ” ท่านไป๋ถามถึงหญิงสาวหน้าตาหมดจดที่ยืนข้างฟู่เจี้ยน ชายหนุ่มยิ้มอย่างเขินๆและกล่าวแนะนำ “ไช่หมิงเยี่ย นางเป็นคู่หมั้นของข้าครับท่านลุง แล้วที่ข้ากับหมิงเยี่ยมาหาท่านลุงในวันนี้ก็เพื่อมาเรียนท่านลุงถึงงานมงคลระหว่างข้ากับหมิงเยี่ยครับ” ฟู่เจี้ยนพูดแล้วหันไปยิ้มให้คู่หมั้น ไช่หมิงเยี่ยเป็นลูกสาวของใต้เท้าไช่ทำงานอยู่ที่กรมอาญา ระหว่างเขากับนางเรียกได้ว่ารักกันเพราะพรหมลิขิต ถ้าตอนนั้นหมิงเยี่ยไม่ได้ติดตามใต้เท้าไช่มางานเลี้ยงต้อนรับนายอำเภอคนใหม่จนลืมพัดของนางที่วาดเป็นรูปเทพธิดาฉางเอ๋อที่กำลังร่ายรำอยู่เคียงข้างพระจันทร์ ทำให้ฟู่เจี้ยนที่เห็นพัดเล่มนั้นต้องตามหาเจ้าของ และสุดท้ายเขาถึงได้พบกับหมิงเยี่ย พรหมลิขิตทำให้กลายเป็นรักแรกพบ นับตั้งแต่วันนั้นฟู่เจี้ยนกับหมิงเยี่ยก็คบหาดูใจกันจนกระทั่งหมั้นหมายกันไว้ พอมาวันนี้เมื่อทั้งคู่ตกลงปลงใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน ฟู่เจี้ยนจึงนึกถึงท่านไป๋ที่เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ ต่อให้ท่านอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงแค่ไหน เขาก็ต้องพาว่าที่ภรรยามายกน้ำชาคำนับท่านให้ได้ ท่านไป๋พอรู้ว่าฟู่เจี้ยนกำลังจะแต่งงานก็ดีใจ ผู้อาวุโสเชื้อเชิญทั้งสองคนเข้าไปคุยในบ้าน อี้หลานอุ้มถงเอ๋อออกมาพอหมิงเยี่ยได้เห็นความน่ารักของถงเอ๋อ นางก็ขออนุญาตอี้หลาน ขออุ้มถงเอ๋อบ้าง
ผู้อาวุโสคุยกับหลานชายถามถึงเรื่องราวต่างๆ ท่านไป๋ถึงได้รู้ว่าหลังที่มาจากเมืองหลวง ตำแหน่งหน้าที่การงานของฟู่เจี้ยนก็ก้าวหน้าขึ้นมาก จากที่เคยเป็นมือปราบขั้นเจ็ดตอนนี้เขาก็ขยับไปอยู่ขั้นสี่แล้ว ชื่อเสียงของฟู่เจี้ยนไม่ต่างจากบิดา เขาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมือปราบใจซื่อมือสะอาดและรักความยุติธรรม นับได้ว่าท่านไป๋ดูคนไม่ผิดจริงๆ อี้หลานฝากถงเอ๋อไว้กับพ่อแล้วนางก็ขอตัวไปตามจื่อหลงที่แปลงผัก หลังจากนั้นไม่นานจื่อหลงก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมด้วยลูกแฝดสองคนที่เพิ่งกลับจากไปวิ่งเล่นกับพวกพี่ๆ “พี่จื่อหลง ไม่ได้เจอกันนาน แต่ยังอยู่สง่างามเหมือนเดิมเลยนะครับ” ฟู่เจี้ยนยิ้มแย้มเข้าไปทักทายจื่อหลงอย่างสนิทใจ ผู้ชายที่ฟู่เจี้ยนให้ความเคารพผู้นี้ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นศัตรูที่ฆ่าพ่อ แต่ด้วยความมีเหตุผลของฟู่เจี้ยนที่มีมากกว่าความแค้น ทำให้เขายอมให้อภัยจื่อหลงและกลายเป็นสหายที่ดีต่อกัน “แต่ก็คงจะสู้เจ้าไม่ได้ คนเป็นเจ้าบ่าวใกล้จะแต่งงานย่อมดูสง่างามกว่าคนสวนอย่างข้าอยู่แล้ว” จื่อหลงหยอกล้อ เขารู้จากปากของภรรยาแล้วว่าฟู่เจี้ยนกำลังจะแต่งงาน ถึงได้รีบละงานจากสวนเพื่อมาแสดงความยินดี “อย่าได้ล้อข้าแบบนี้เลย” ฟู่เจี้ยนหัวเราะแก้เขินแล้วหันไปหาเด็กแฝดหลินเอ๋อ เหลียนเอ๋อที่ยืนรอคารวะท่านอาที่มัวยืนคุยกับพ่อ ฟู่เจี้ยนเห็นเด็กแฝดสองคนก็ชอบใจใหญ่ ทั้งหลินเอ๋อและเหลียนเอ๋อเป็นเด็กน่ารัก ฉลาดและช่างพูด คนนึงดูคล้ายพ่อ ส่วนอีกคนก็เหมือนแม่ เห็นแล้วฟู่เจี้ยนก็อยากมีลูกที่น่ารักแบบนี้บ้าง “ถ้าอยากมีลูกน่ารักๆแบบนี้ ต้องพยายามให้มากนะน้องชาย” จื่อหลงกระซิบบอกฟู่เจี้ยน แล้วสองหนุ่มก็พากันหัวเราะ หมิงเยี่ยกับอี้หลานหันมามองหน้ากันแล้วนึกในใจว่าสองหนุ่มคนแอบคุยอะไรกันอยู่แน่ๆ ฟู่เจี้ยนคุยกับจื่อหลงอีกนิดหน่อยก็ถามหาลูกเขยอีกคนของท่านไป๋ น่าเสียดายที่ลี่หูกับอี้เซียงไม่ได้อยู่ที่บ้านด้วย ไม่ได้เจอสองคนนี้ตั้งนานถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะคุยให้ครบทุกคน | |
|
| |
tabtim ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
จำนวนข้อความ : 868 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Thu May 28, 2009 9:15 pm | |
| “ข้ากลับมาแล้วครับ” แต่แล้วเสียงที่คุ้นเคยก็ดังที่ประตูหน้าบ้านพร้อมร่างสูงที่ยืนอยู่พร้อมรอยยิ้ม “ท่านน้าหู” หลินเอ๋อ เหลียนเอ๋อตะโกนลั่นวิ่งเข้าไปหาน้าชาย ส่วนพวกผู้ใหญ่ก็พากันดีใจยิ้มต้อนรับ “ไหนว่าจะไปเจ็ดวันไม่ใช่หรอ” จื่อหลงถามน้องเขยแล้วก็มองหาน้องเมีย “แล้วอี้เซียงล่ะ หนีกลับมาคนเดียวรึไง” “เปล่า เดี๋ยวไปรับเมียก่อน” ลี่หูที่ดูจะอารมณ์อย่างมากหันหลังกลับไปทางประตูรั้วหน้าบ้านเพื่อไปประคองอี้เซียงที่นั่งพักอยู่ให้เดินเข้ามา อี้หลานที่เห็นน้องสาวเดินแล้วต้องมีสามีคอยประคองก็นึกเป็นห่วง เพราะตั้งแต่อี้เซียงผ่านพ้นความตายมาได้ ร่างกายของนางก็มิสู้จะแข็งแรงนัก แต่โชคดีที่อี้เซียงมีลี่หูคอยดูแลอย่างใกล้ชิดทำให้สุขภาพของนางเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ยังมิอาจจะมีลูกได้สมใจสักที พอลี่หูประคองอี้เซียงเข้ามาในบ้านได้ อี้หลานก็รีบเข้าไปหาน้องสาวด้วยความเป็นห่วง “น้องเซียงไม่สบายหรอ รู้แบบนี้พี่ไม่ให้เจ้าไปซะก็ดี แบบนี้ต้องโทษพี่ลี่หูคนเดียวเลยนะ” พี่สาวอย่างอี้หลาน เมื่อก่อนเป็นยังไงเดี๋ยวนี้แม้จะแต่งงานมีลูกแล้วก็ยังเป็นอย่างงั้น เมื่อนางกำลังต่อว่าลี่หูยกใหญ่ที่พาน้องสาวไปทำบุญแต่กลับป่วยกลับมาแบบนี้ “ข้าไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ ข้าสบายดี” อี้เซียงยิ้มแล้วก็หันไปหอมแก้มหลานหลินเอ๋อ เหลียนเอ๋อที่เดินตามสามีของนางเข้ามาหา “ท่านน้าเซียงกลับมาแล้ว ข้าคิดถึงท่านน้าทุกวัน” หลินเอ๋อปากหวานบอกท่านน้า เด็กแฝดแย่งกันคุยกับท่านน้าสองคนกันยกใหญ่ เหลียนเอ๋อทวงตั๊กแตนสานจากน้าหู ส่วนหลินเอ๋อก็คุยอวดกับน้าเซียงว่าน้องชายพูดได้แล้ว กว่าทุกคนจะหันกลับมาสนใจแขกที่มาเยือนก็ผ่านไปอีกสักพัก
ฟู่เจี้ยนกับหมิงเยี่ยรอให้ครอบครัวใหญ่ได้พูดคุยกันก่อน หลังจากนั้นเขาถึงได้ทำตามความตั้งใจตั้งแต่เริ่มด้วยการยกน้ำชาให้กับท่านไป๋ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่เขาให้ความเคารพมาโดยตลอด หลังจากนั้นเขาก็มอบของขวัญที่เตรียมมาให้กับผู้อาวุโส ท่านไป๋มอบอั่งเปาให้คู่บ่าวสาวเล็กน้อยไว้เป็นขวัญถุง พอตกบ่ายฟู่เจี้ยนกับหมิงเยี่ยจึงได้พากันเดินทางกลับโดยมีครอบครัวใหญ่ที่อยู่กันพร้อมหน้าถึงแปดชีวิตมายืนส่งถึงหน้าประตูรั้วบ้าน จนรถม้าของฟู่เจี้ยนค่อยๆเคลื่อนตัวจากไป
เวลาอาหารเย็นมาเยือนอีกครั้ง วันนี้ท่านไป๋ดูอารมณ์ดีมากๆเพราะนอกจากลูกสาวกับลูกเขยจะกลับมาแล้ว ยังมีหลานชายอย่างฟู่เจี้ยนมาหาอีกด้วย ความสุขของคนเป็นพ่อก็คือได้เห็นลูกหลานอยู่กันเต็มบ้านแบบนี้ “ไงน้องเขย ดูเหมือนจะอารมณ์ดีมากเลยนะ รึว่าจะอิ่มบุญจนจะไม่กินข้าวเลยรึไง” จื่อหลงเดินเข้ามาตบไหล่ลี่หูที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว ส่วนภรรยาของทั้งสองหนุ่มกำลังช่วยกันต้อนเด็กๆเดินออกมาที่โต๊ะอาหาร “นั่นสิ เจ้ายังไม่ได้พ่อบอกเลยนะว่าทำไมถึงรีบกลับ รึว่าอี้เซียงไม่สบายไปอีกแล้ว” ท่านไป๋เอ่ยถามด้วยความสงสัยที่มีตั้งแต่ช่วงกลางวัน สุขภาพของอี้เซียงดีขึ้นมากแล้ว หากจะมาล้มเจ็บอีกครั้งหัวใจของคนเป็นพ่อคงอดห่วงไม่ได้ “ไม่ใช่หรอกครับ ข้าแค่อยากกลับมาเร็วหน่อยเพราะคิดถึงหลานๆ” ลี่หูยิ้มหน้าบาน ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรไปถึงได้ยิ้มได้ตลอด “งั้นก็ดีแล้ว เพราะหลานก็บ่นคิดถึงเจ้าเหมือนกัน ว่าแต่เจ้าเถอะเลี้ยงแต่หลานแล้วเมื่อไหร่ถึงจะมีลูกไว้เลี้ยงเองสักที ไม่อยากมีลูกน่ารักๆแบบนี้บ้างหรอ” จื่อหลงชี้นิ้วไปทางลูกๆที่ถูกต้อนให้มานั่งประจำที่เก้าอี้เรียบร้อยแล้ว “อยากสิ อยากมีมาตั้งนานแล้ว” “อยากก็ต้องพยายาม” สองหนุ่มเริ่มกระซิบกระซาบให้สองสาวที่เป็นภรรยานั่งมองด้วยความสงสัย “พยายามแล้ว ตั้งใจสุดๆ” “ตั้งใจแล้วแน่นะ” จื่อหลงมองหน้าอย่างแกล้งนึกดูถูกนิดหน่อย “งั้นไม่กินข้าวแล้ว ไปพยายามต่อเดี๋ยวนี้เลยก็ได้” ลี่หูทำท่าลุกขึ้นจะเดินหาไปภรรยาสาวที่ยังไม่รู้เรื่องด้วย “เฮ้ย..ไม่ต้องใจร้อน” จื่อหลงดึงแขนของลี่หูไว้ทันให้เขานั่งลงเพื่อกินข้าวก่อน “ใจเย็นๆน้องชาย กินข้าวก่อนจะได้มีแรง…ฮ่าๆ” พี่เขยบอกน้องเขยแล้วหัวเราะชอบใจกันใหญ่ สองชายหนุ่มที่เคยมีมาดนิ่งสุขุมในอดีต ในยามนี้กลับช่างพูด อารมณ์ดี สร้างเสียงหัวเราะให้กันและกันได้ตลอด ลี่หูทิ้งทิฐิที่เคยมียอมรับจื่อหลงเป็นพี่ด้วยความเต็มใจ ในขณะที่จื่อหลงก็ให้อภัยลี่หูทุกอย่าง เห็นเขาเป็นน้อง อดีตที่ผ่านไปคือบทเรียนซึ่งมันจะไม่มีทางย้อนกลับมาเพื่อสร้างบาดแผลและทำร้ายใครอีกแล้ว ในยามนี้มีแต่เสียงพูดคุยและหัวเราะ ความอบอุ่นของครอบครัวใหญ่ในระหว่างอาหารมื้อเย็นเป็นความสุขที่ทุกคนมอบให้กันและกันและจะถนอมไว้อีกนานเท่านาน
สามวันต่อมา..เทศกาลบ๊ะจ่างได้เวียนมาถึงอีกครั้ง อี้หลานกับอี้เซียงชวนกันเตรียมบ๊ะจ่างไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว และเช้านี้พวกนางก็ตื่นกันแต่เช้าเพราะว่านอกจากจะเป็นวันเทศกาลบ๊ะจ่างแล้วยังเป็นวันคล้ายวันเกิดของพวกนางสองพี่น้อง อี้หลานกับอี้เซียงจุดธูปเคารพมารดาผู้ล่วงลับและพี่ชายที่จากไปเหมือนทุกๆปี แต่ปีนี้จะพิเศษนิดนึงเพราะตรงกับเทศกาลบ๊ะจ่าง หลังจากเตรียมของทุกอย่างพร้อมแล้วพวกนางสองคนก็ไปวัดเพื่อทำบุญพร้อมทุกคนในบ้าน จื่อหลงกับลี่หูทำเป็นเฉยๆไว้เหมือนต่างมีความลับเหมือนกันทั้งคู่ จนกระทั่งกลับมาที่บ้านอีกครั้ง ทุกคนก็มานั่งรอกันที่โต๊ะอาหารเพื่อเตรียมฉลองกันเต็มที่ ท่านไป๋ จื่อหลง อี้หลานและลูกๆสามคนมาพร้อมกันแล้วเหลือแต่อี้เซียงกับลี่หูที่ยังไม่ออกมาเท่านั้น จนผ่านไปสักพักสองสามีภรรยาก็เดินประคองกันออกมาให้ทุกคนเป็นห่วง | |
|
| |
tabtim ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
จำนวนข้อความ : 868 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Thu May 28, 2009 9:15 pm | |
| “น้องเซียงไม่สบายหรอจ๊ะ” อี้หลานหน้าเสียคิดว่าน้องสาวป่วยในวันเกิด แต่พอมาคิดอีกทีเมื่อเช้าอี้เซียงก็หน้าตาแจ่มใสไม่น่าจะป่วยไข้ได้ง่ายหรือเป็นเพราะต้องเดินไปทำบุญที่วัดโดนแดดโดนลม “ข้าไม่เป็นไรค่ะพี่รอง แต่คนที่เป็นคือพี่ลี่หูมากกว่า” นางยิ้มแล้วเงยหน้าขึ้นไปยิ้มหวานให้สามีที่หน้าซีด “อ้าวเป็นอะไรไปล่ะ ตอนแรกยังเห็นดีๆอยู่เลยนี่นา” จื่อหลงลุกขึ้นไปช่วยอี้เซียงประคองลี่หูมานั่งที่เก้าอี้ ชายหนุ่มรุ่นน้องเอามือบีบจมูกทำท่าพะอืดพะอมแต่ยังฝืนยิ้มให้ทุกคนด้วยสีหน้าเจื่อนๆ “ไม่เป็นไรๆ สงสัยจะแพ้ท้อง” พอลี่หูพูดทุกคนก็พากันหัวเราะในมุขตลกของเขากันใหญ่ มีเพียงอี้เซียงคนเดียวที่ไม่ได้หัวเราะ หากแต่นางนั่งอมยิ้มจนหน้าบานยิ่งกว่าเก่า “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว อี้หลาน อี้เซียง พ่ออวยพรให้เจ้าทั้งสองคนมีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยนะลูกนะ” ท่านไป๋อวยพรลูกสาวทั้งสองคนเป็นครั้งที่สอง หลังจากที่อวยพรให้ไปแล้วเมื่อเช้านี้ พออวยพรให้ลูกแล้วท่านไป๋ก็หยิบบ๊ะจ่างให้พวกนางสองคนก่อน แล้วจึงหยิบให้ลูกเขยสองคน ตามด้วยหลานๆ ทั้งหมดค่อยๆแกะห่อบ๊ะจ่างที่ทำจากข้าวเหนียวที่ข้างในห่อเนื้อสัตว์ เห็ด ถั่วแดง ไข่เค็มและเครื่องปรุงรส ทำเป็นรูปสามเหลี่ยมปิรามิด เด็กแฝดสองคนดูจะชอบกันมากเลือกกินไส้ในบ๊ะจ่างอย่างเอร็ดอร่อย ลี่หูที่เปิดห่อบ๊ะจ่างออกช้าๆที่ยังอุ่นๆอยู่ ทำให้กลิ่นของพวกเนื้อสัตว์ที่อยู่ข้างในลอยขึ้นมาแตะจมูก อี้เซียงหันไปมองหน้าสามีแล้วเริ่มลูบหลังให้ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรทั้งนั้น ลี่หูก็พลุนพลันรีบลุกไปจากโต๊ะ สร้างความแปลกใจให้กับทุกคน อี้เซียงที่เห็นสามีรีบลุกออกไปก็จะรีบตามไปช่วยเหลือ แต่จื่อหลงก็บอกกับนางว่าเขาจะไปดูลี่หูเอง ท่านไป๋เอ่ยถามกับลูกสาวว่าลี่หูไม่สบายไปรึเปล่าแต่อี้เซียงก็บอกว่า ‘สงสัยจะแพ้ท้อง’ แล้วก็ยิ้มๆ คำพูดของอี้เซียงไม่มีใครคิดสงสัยเพราะคิดว่านางพูดล้อเล่น จนกระทั่งจื่อหลงพาลี่หูกลับมานั่งที่เก้าอี้โดยที่ลี่หูยังคงต้องเอามือปิดจมูกไว้เหมือนตอนแรก “ลี่หูเป็นอะไรไป ต้องไปตามหมอมาดูหน่อยไหม” ท่านไป๋ถามลูกเขยคนเล็ก เขาได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ “สงสัยลี่หูจะอาหารเป็นพิษครับ เมื่อกี้เขาอาเจียนอย่างกะคนแพ้ท้อง” จื่อหลงหันไปพูดล้ออย่างนึกขำ ก็เมื่อกี้จื่อหลงถามเขาว่าเขาเป็นอะไร ลี่หูก็ยังตอบว่า ‘สงสัยจะแพ้ท้อง’ “น้องเซียง พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม” อี้หลานที่เหมือนจะเริ่มนึกอะไรออกก็ตรงเข้าไปกระซิบถามกับน้องสาว แล้วคำตอบที่ได้รับกลับมาก็คือการพยักหน้า เพียงเท่านั้นอี้หลานก็ยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจ “น้องเซียง พี่ว่าเจ้าควรจะบอกข่าวดีนี้กับทุกคนได้แล้วนะจ๊ะ” อี้หลานเอ่ยนำให้ก่อนเพื่อดึงความสนใจทั้งหมดมาที่อี้เซียง ถึงตอนนี้สายตาทุกคู่ก็มองมาที่อี้เซียงเป็นจุดเดียวกัน “คือข้ากับพี่ลี่หูมีข่าวดีจะบอกค่ะ คือข้า..” “เมียข้าท้องแล้ว ข้าจะมีลูกแล้ว” ลี่หูที่ต้องทนอดกลั้นความดีใจมาหลายวันเพื่อจะบอกข่าวดีที่ตนเองจะได้เป็นพ่อกับทุกคนในวันนี้พูดแทรกอี้เซียงขึ้นมาเสียงดังลั่นพร้อมทั้งยกแขนขึ้นมาทั้งสองข้างอย่างดีใจ แม้ท่านไป๋จะมีหลานตาถึงสามคนแล้ว แต่หลานที่เกิดจากลูกสาวคนเล็กท่านก็รอคอยมาตลอดหลายปี ในที่สุดเมื่อได้สมหวังท่านไป๋จึงได้ยิ้มดีใจหน้าบานไม่แพ้ลี่หูที่เฝ้ารอที่จะได้เป็นพ่อมานานเหมือนกัน “จริงหรอเนี่ย น้องเขยดีใจด้วยนะที่ในที่สุดก็ได้เป็นพ่อสมใจสักที” จื่อหลงลุกขึ้นเข้าไปกอดแสดงความยินดีกับลี่หูที่ยังไม่ยอมหุบยิ้มง่ายๆ พอสองหนุ่มกอดแสดงความดีใจต่อกันแล้วลี่หูก็บอกกับหลานๆว่าเด็กๆกำลังจะมีน้อง หลินเอ๋อกับเหลียนเอ๋อที่เข้าใจว่าการที่พวกเขาจะมีน้องคืออะไรก็กระโดดลอยตัวดีใจกันใหญ่ “เย้ๆข้าจะมีน้องแล้ว” หลินเอ๋อวิ่งเข้าไปกอดแม่ เพราะเข้าใจว่าแม่จะมีน้องให้อีกคน “จ้าหลินเอ๋อจะมีน้องแล้ว แต่เป็นลูกของท่านน้าหูกับท่านน้าเซียงจ๊ะ” “ลูกท่านน้าเซียง..เย้ๆ ข้าจะมีน้อง ข้าจะเลี้ยงน้อง” หลินเอ๋อทำหน้านึกได้กระโดดดีใจอีกรอบแล้วก็เข้าไปกอดน้าเซียง “ข้าก็จะเลี้ยงน้อง” เหลียนเอ๋อก็ขอแย่งทำหน้าที่นี้วิ่งเข้าไปกอดน้าหู ท่านน้าถามเหลียนเอ๋อว่าอยากได้น้องชายหรือว่าน้องสาว เหลียนเอ๋อก็รีบตอบทันทีว่าอยากได้น้องสาว ส่วนหลินเอ๋อก็รีบบอกเหมือนกันว่าอยากได้น้องชาย ถงเอ๋อที่นั่งบนตักท่านตาไม่รู้ว่าพี่ๆดีใจเรื่องอะไรกัน แต่ก็ขอมีส่วนร่วมตบมือดีใจ ส่งเสียงอ้อแอ้พยายามที่จะพูดกับทุกคนไปด้วย พ่อแม่คนใหม่อย่างลี่หูและอี้เซียงเห็นความน่ารักไร้เดียงสาของถงเอ๋อก็อมยิ้มกันใหญ่ “เห็นไหมพี่เขย ข้าบอกแล้วว่าข้าตั้งใจสุดๆ นี่ไงผลงานของข้าเกือบสองเดือนแล้วนะ” ลี่หูหันไปคุยกับจื่อหลงแล้วก็หันไปสบตากับภรรยาสาว “เชื่อแล้วน้องเขยว่าเจ้าตั้งใจ ยินดีด้วยนะ” จื่อหลงหัวเราะลี่หูที่ดูจะภูมิใจในความพยายามของตนเองเหลือเกิน แต่จื่อหลงก็เข้าใจว่าลี่หูอยากจะมีลูกมาก พอเขาได้สมหวังเขาถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้ และสาเหตุที่ลี่หูต้องไปทำบุญที่วัดถึงเจ็ดวันก็เพราะเรื่องลูกนั่นเอง พอเขารู้ว่าจะมีลูกเขาก็รีบไปทำบุญสร้างกุศลให้ลูกน้อยที่กำลังจะเกิดมา เพื่อให้ลูกคลอดออกมาอย่างปลอดภัย ร่างกายแข็งแรงจะได้ไม่เกิดเรื่องเหมือนลูกคนแรกที่เขาเข้าใจว่าเป็นเพราะบาปกรรมที่ทำกับลูกของคนอื่นไว้ และเพราะอี้เซียงกำลังท้องเขาถึงได้พานางไปด้วย แต่ที่ต้องรีบกลับมาก่อนกำหนดก็เพราะอี้เซียงเริ่มมีอาการแพ้ท้องมากขึ้น เขาเลยต้องพานางกลับมาพักผ่อนที่บ้าน พอลี่หูอธิบายถึงที่มาที่ไปทั้งหมด ทุกคนก็พากันร้อง ‘อ๋อ’ อย่างเข้าใจทันที “น้องเซียง พี่ดีใจกับเจ้าจริงๆนะจ๊ะ ที่ปีนี้เจ้าได้ของขวัญวันเกิดที่ล้ำค่ามาก” อี้หลานแสดงความดีใจกับน้องรัก การที่มีลูกคือของขวัญที่พิเศษที่สุดจริงๆ “แล้วต่อไปนี้เจ้าต้องดูแลตัวเองให้มากๆนะจ๊ะ แล้วเจ้าแพ้ท้องมากรึเปล่า อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม บอกพี่ได้นะ” อี้หลานทำหน้าที่พี่สาวที่ดีดูแลน้องสาวเต็มที่ “ตอนแรกก็แพ้เยอะอยู่ค่ะ แต่เหมือนว่าตอนนี้จะไม่เป็นไรแล้ว” อี้เซียงหันไปมองหน้าลี่หูที่ยังยิ้มแก้มแทบจะปริ ชายหนุ่มเห็นภรรยาเห็นหน้ามามองก็ขยับตัวเข้าไปใกล้ๆเพื่อจะโอบกอดแล้วเตรียมจะหอมแก้ม แต่ก็ยังไม่ทันได้หอมเพราะท่านไป๋ที่มองมาทำตาเขียวปั้ดใส่ลูกเขยอยู่พร้อมทั้งแอบนึกในใจที่เขยเล็กช่างกล้านัก กล้าตั้งแต่ชิงสุกก่อนห่ามทำลูกสาวของท่านเกือบท้องไม่มีพ่อแล้ว ลี่หูพอเห็นสายตาของพ่อตาก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้อยู่ต่อหน้าทุกคนในบ้านก็เลยเขินจนหน้าแดงจัด | |
|
| |
tabtim ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
จำนวนข้อความ : 868 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Thu May 28, 2009 9:17 pm | |
| “ขอโทษครับ บังเอิญว่าดีใจมากไปหน่อย” ลี่หูคลายอ้อมแขนจากภรรยาแล้วก้มหน้าลงอย่างอายๆ หลานรักหลินเอ๋อเดินถือบ๊ะจ่างเข้ามาให้ท่านน้า ลี่หูก็รีบรับมาใส่ปากกินอย่างเอร็ดอร่อย แต่เพิ่งจะกลืนลงคอไม่ทันจะได้กินคำต่อไป เขาก็เริ่มมีอาการคลื่นไส้อยากจะอาเจียนขึ้นมาอีกรอบ จนต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดปากและรีบวิ่งไปจากโต๊ะ หลินเอ๋อทำท่าจะงงๆเมื่อเห็นท่านน้ากินบ๊ะจ่างของหนูน้อยแล้วต้องรีบวิ่งไปอาเจียนโดยมีจื่อหลงวิ่งตามออกไปช่วยดูแล “ท่านน้าหูไม่ชอบบ๊ะจ่างของข้าหรอครับ” เด็กน้อยถามทุกคน “ไม่ใช่หรอกจ๊ะ แต่ท่านน้าหูไม่สบาย” อี้หลานอธิบายให้ลูกชายช่างสงสัยแล้วหันไปหาน้องสาว “ดูเหมือนจะมีคนช่วยแพ้ท้องแทนน้องเซียงแล้วนะ” พี่สาวยิ้ม ในขณะที่อี้เซียงกำลังนึกขำสามี “ลี่หูแพ้ท้องแทนเจ้าหรอ” พ่อก็ถามบ้าง อี้เซียงจึงพยักหน้าและบอกว่าตอนแรกลี่หูก็ไม่ได้มีอาการอะไร แต่สงสัยจะเป็นเพราะที่เขาเห็นนางแพ้ท้องทุกวัน หนักๆเข้าก็เลยเริ่มมีอาการแพ้ท้องแทน “พี่ลี่หูเริ่มมีอาการตั้งแต่เมื่อวานค่ะ แต่ดูเหมือนว่าวันนี้จะหนักหน่อย สงสัยลูกคนนี้จะรักพ่อมาก” นางยิ้มพร้อมทั้งก้มหน้าลงเอามือลูบท้อง และเป็นเวลาเดียวกันที่ลี่หูเดินกลับมาโดยมีจื่อหลงคอยประคองมาด้วย อี้เซียงเห็นสามีอาเจียนจนหมดแรงหน้าซีดก็อดสงสารไม่ได้ แต่ลี่หูก็ยังทำปากดีว่าเขาไม่เป็นไร พร้อมทั้งยิ้มหวานๆให้อี้เซียงเพื่อที่นางจะได้ไม่เป็นห่วง จื่อหลงพอรู้จากปากของอี้หลานว่าน้องเขยแพ้ท้องแทนเมียก็หัวเราะชอบใจใหญ่ “พี่เขยหัวเราะอะไร คนเขารักเมียจะแพ้ท้องแทนเมียไม่ได้รึไงกัน” น้องเขยหันไปขึงตาใส่พี่เขยที่นั่งหัวเราะจนแทบท้องแข็ง อี้หลานเห็นสามีไม่ยอมหยุดหัวเราะจึงได้พูดว่าเขาอีกคนให้เขาเลิกหัวเราะเสียที เพราะตอนนี้เหมือนลี่หูจะจ้องจื่อหลงไม่เลิกคล้ายกำลังนึกเคืองอยู่ในใจ “ไม่หัวเราะแล้วๆ แค่นี้ก็ต้องโกรธด้วยหรอ” จื่อหลงพูดไปพลางก็ยังหัวเราะต่อไปอีกหน่อย จนสุดท้ายเขาต้องเอามือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ “ไม่ได้โกรธแต่งอน” ทุกคนทำตาโตที่เห็นผู้ชายงอน จื่อหลงหันไปมองหน้าลี่หูอีกรอบสุดท้ายก็หัวเราะออกมาอีกจนได้ “งอนแบบนี้สงสัยจะได้ลูกสาว ฮ่าๆ” เขาชี้หน้าลี่หูแล้วหัวเราะชอบใจใหญ่ ลี่หูพอได้ยินจื่อหลงพูดว่าเขาอาจจะได้ลูกสาวก็หันไปมองหน้าภรรยาแล้วขยับตัวไปใกล้ๆเพื่อเอามือไปลูบท้องของภรรยาสุดที่รักเบาๆ “สงสัยจะได้ลูกสาวจริงๆ” ลี่หูมองหน้าภรรยาด้วยตาปรือๆแล้วค่อยๆโน้มตัวเข้าไปหา อี้เซียงคิดว่าลี่หูจะกอดนางก็พยายามจะพูดห้าม แต่กลายเป็นว่านางต้องโผเข้าไปรับร่างของสามีเอาไว้ในอ้อมแขน ทุกคนต่างพากันตกใจเมื่อพบว่าเวลานี้ลี่หูที่กินอะไรไม่ได้มาตั้งแต่เช้าเพราะมีอาการแพ้ท้องแทนภรรยาได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว จื่อหลงจากที่นึกขำลี่หูตอนนี้ต้องรีบเข้ามาช่วยอี้เซียงประคองเขาเอาไว้ แม้มันจะเป็นเรื่องที่น่าอายที่ผู้ชายมาเป็นลมไปแบบนี้ แต่กลับไม่มีใครนึกขำลี่หูแม้แต่น้อย มีแต่นึกสงสารเสียมากกว่า แม้ว่าเทศกาลบ๊ะจ่างในปีนี้และยังเป็นวันคล้ายวันเกิดของลูกสาวของท่านไป๋ทั้งสองคน ถึงจะมีความโกลาหลอยู่บ้างเพราะลี่หูเป็นเหตุ แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นความสุขและได้สร้างรอยยิ้มให้กับทุกคน เมื่อได้รู้ว่าครอบครัวกำลังจะมีสมาชิกใหม่เพิ่มมาอีกตั้งหนึ่งคน | |
|
| |
tabtim ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
จำนวนข้อความ : 868 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Thu May 28, 2009 9:17 pm | |
| เวลาค่ำคืนมาเยือนอีกครั้ง อี้หลานยังคงนั่งยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงหลานที่กำลังจะเกิดมาและนางก็จะถูกเรียกแทนว่าป้า แค่คิดใบหน้าของนางก็มีแต่รอยยิ้ม จื่อหลงที่เข้ามาเห็นก็รู้ได้เลยว่าภรรยากำลังอารมณ์ดีเพราะมีความสุขที่จะได้มีหลาน “กำลังคิดถึงหลานอยู่แน่ๆนั่งยิ้มคนเดียวแบบนี้” สามีนั่งลงใกล้ๆและดึงภรรยามาแนบไว้กับตัวด้วยความรัก “ก็ข้ามีความสุขนี่ค่ะ ยิ่งวันนี้เห็นท่านพ่อกับน้องเซียงมีความสุข ข้าก็เลยยิ่งมีความสุขกว่าทุกวัน พี่หลง..ข้ารอที่จะได้เป็นป้ามานานแล้วนะค่ะ หรือว่าท่านไม่ดีใจที่จะได้เป็นลุง” “ดีใจสิ ข้าก็ดีใจมากเลย ข้าก็รอที่จะได้เป็นลุงเหมือนกันนะ” จื่อหลงยิ้มแล้วหยิบของบางอย่างออกมาจากอกเสื้อ “อี้หลาน ข้ามีของจะให้เจ้า ยื่นมือมาสิ” จื่อหลงยื่นมือออกไป อี้หลานที่ทำหน้าสงสัยแอบคิดในใจว่าจื่อหลงจะทำอะไรของเขาแต่นางก็ยื่นมือออกมา ในตอนนั้นนางถึงได้เห็นแหวนหยกสีเขียวสดที่จื่อหลงแบ่งเงินที่ได้จากการนำผักที่สวนไปขายที่ตลาด และในตอนนี้เขาก็ค่อยๆบรรจงสวมแหวนไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของภรรยา “ทุกปีข้าให้ของขวัญวันเกิดเจ้าด้วยเพลงสายลมแห่งรัก ถึงเจ้าไม่พูดว่าอะไรแต่ข้าก็รู้นะว่าในใจของเจ้าคงแอบต่อว่าอยู่ไม่น้อยที่สามีไม่เคยให้ของมีค่ากับเจ้าสักชิ้น เพราะงั้นปีนี้ข้าก็เลยอยากมอบแหวนวงนี้ให้กับเจ้า แหวนแทนใจของข้าที่อยากบอกว่าข้ารักเจ้าเสมอ อี้หลานสวมมันไว้นะ จะได้เหมือนกับว่าข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดไป” อี้หลานได้ฟังความในใจของสามีก็ยิ้มด้วยความปลาบปลื้ม มือเรียวบางค่อยๆลูบแหวนหยกอย่างช้าๆ “พี่หลง..ข้าไม่รู้จะพูดว่าอย่างไรดี ขอบคุณมากนะค่ะ” นางพูดพร้อมทั้งโอบกอดสามีไว้ด้วยความรักเหมือนกัน “เจ้าชอบใช่ไหม” “ชอบค่ะ แต่ที่ข้าชอบไม่ใช่เพราะแหวนวงนี้สวย แต่ที่ข้าชอบเพราะความรักของท่านที่มีต่อข้ามากกว่า พี่หลง..ความจริงท่านไม่จำเป็นต้องหาของมีค่าแบบนี้มาให้ข้าก็ได้ เพราะสำหรับข้าแล้วสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตก็คือการที่ข้าได้มีท่านอยู่ข้างกาย มีลูกๆที่น่ารัก นอกจากนี้ข้าก็ไม่ได้ต้องการอะไรอีกแล้ว” “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ต้องการอะไร ไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดจากข้าแม้แต่น้อย อี้หลาน..ข้าเพียงอยากให้เจ้ารู้ว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของข้านั้นก็คือเจ้าและลูกของเรา และแหวนวงนี้จะเป็นสัญลักษณ์ของความรักในใจของข้าที่จะมีให้เจ้าไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” จื่อหลงโน้มหน้าลงมาเพื่อประทับรอยจูบบนริมฝีปากอวบอิ่มของอี้หลาน “ข้ารักเจ้านะ” จื่อหลงบอกรักภรรยาเมื่อเขาละริมฝีปากของตนออกอย่างห้ามใจ “ความจริงถึงไม่มีแหวนเป็นตัวแทนความรักของท่าน แต่ข้าก็มีเสียงเพลงสายลมแห่งรักเป็นเครื่องหมายความรักของเราอยู่แล้วนี่ค่ะ” นางยิ้มค่อยๆใช้มือเรียวแตะริมฝีปากสามีอย่างช้าๆ “ท่านจำได้ไหมว่าท่านเคยเป่าเพลงสายลมแห่งรักให้ข้าฟังครั้งแรกเมื่อไหร่” “จำได้สิ วันนั้นเป็นวันเกิดของเจ้า ข้ามอบเพลงนี้ให้เป็นของขวัญ และนับตั้งแต่วันนั้นหัวใจของข้าก็เป็นของเจ้า” “หัวใจของท่านเป็นของข้า และหัวใจของข้าก็เป็นของท่านเหมือนกัน พี่หลง..ข้ารักท่านเหลือเกิน” สายตาของอี้หลานที่มองสามีมีแต่ความรักอย่างสุดซึ้ง ชายหนุ่มมองตอบด้วยสายตาที่สื่อความหมายเช่นเดียวกัน จื่อหลงโน้มใบหน้าเข้าหาภรรยาเพื่อประทับรอยจุมพิตหวานที่เร้าร้อนจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นของคนทั้งคู่ ความปรารถนาที่ก่อเกิดจากความรักของสามีภรรยากำลังจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แต่ทว่าตัวแทนของความรักที่หลับไปแล้วกลับตื่นขึ้นมาขัดจังหวะเวลาสำคัญของพ่อแม่อีกจนได้ “ป้อๆแป้ๆ” “อี้หลาน..เสียงถงเอ๋อ” จื่อหลงละจากภรรยาแล้วมองไปยังเปลของลูกน้อยที่อยู่ข้างเตียงอย่างที่พยายามตั้งใจฟัง “ป้อๆแป้ๆ” “พี่หลง..ถงเอ๋อเรียกแม่ค่ะ ลูกเรียกแม่ได้แล้ว” “ใช่..ถงเอ๋อเรียกพ่อแล้วก็เรียกแม่ได้แล้ว” สองสามีภรรยาจับมือดีใจแล้วจึงรีบลุกไปหาลูกชายที่นอนยิ้มอยู่ในเปล ของขวัญที่วิเศษสุดของคนที่เป็นพ่อแม่ก็คือลูก และวันที่ดีใจที่สุดก็คือวันที่ลูกเรียกพ่อและแม่ได้ วันนี้ไม่เพียงอี้หลานจะได้ดีใจเรื่องหลาน ซาบซึ้งใจในการแสดงความรักของสามี แต่ยังเป็นวันที่นางได้ยินเสียงลูกชายคนเล็กเรียกนางว่าแม่ ของขวัญวันเกิดที่ล้ำค่าที่สุดในปีนี้ สวรรค์ประทานให้นางถึงสามอย่างและเป็นสามอย่างที่ทำให้นางยิ้มอย่างมีความสุข หญิงสาวหลับตาลงเพื่อกล่าว ‘ขอบคุณ’ สวรรค์ที่มอบของขวัญชิ้นพิเศษให้กับนางอย่างประทับใจ ------------------------------------- | |
|
| |
tabtim ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
จำนวนข้อความ : 868 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Thu May 28, 2009 9:21 pm | |
| Happy Birthday th Ah Sheh ขอให้เส่เจ้มีความสุขมากๆ และขอให้บุพเพนำพาเส่เจ้ให้เจอคู่แท้นะค่ะ ของขวัญจากจากน้องสาวเฮียเคค่ะ | |
|
| |
O-yohyo ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6683 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Thu May 28, 2009 9:36 pm | |
| จะแวะมาโม้ว่าอ่านตอนที่ 25 จบแล้ว (ปรินซ์ไว้อ่านวันละนิดค่ะ อ่านจบวันเกิดอาเส่พอดี) พอจะมาโม้ ว้าว . . เจอตอนพิเศษด้วย โม้ตอนเก่าก่อนนะ แบบว่าชักเป็นห่วงว่าหลานจะรอดมั้ยเนี่ย เรื่องรอดก็เป็นไปได้ แต่คิดว่าไม่พิการอย่างใดก็อย่างนึงชัวร์ค่ะ ระยะครรภ์อ่อนๆ เนี่ยแหล่ะสำคัญที่สุดต่อการพัฒนาเซลสมองระยะเริ่มต้น รวมถึงสารสื่อประสาทต่างๆ แล้วแบบนี้หลานจะไม่ผิดปกติเหรอคะ ถ้าตกเลือดธรรมดาน่ะไม่เท่าไหร่ แต่นี่โดนพิษด้วย งงอีกอย่าง . . สงสัยจะเบลอ จำไม่ได้ว่าอำมาตย์ไป๋รู้ตอนไหนเหรอ ว่าพี่ลี่หูคือพ่อของเด็ก ใช่รู้ตั้งแต่ตอนที่ 24 รึเปล่าคะ ตอนนี้หม่าถงเท่ห์อย่างแรง เตือนสติหยูเยี่ยนได้ดีมากๆ ตากับยายนัดเจอกัน แม้สถานการณ์จะตึงเครียด แต่ก็รู้สึกถึงความหวานซึ้งปนขมขื่น คนอ่านทั้งอดอมยิ้มไม่ได้ ทั้งเป็นห่วง อูย . . บรรยายไม่ถูก ปล. พี่ลี่หูตอนนี้ขอไม่พูดถึง เพราะกำลังเคืองเฮียจีไจ่อยู่ ดู Yummy มาถึงตอนจีไจ่โกรธแมนดี้ แถมยังเป็นห่วงอาอินออกนอกหน้านอกตา หมั่นไส้ค่ะ ดูตอนนี้ทีไรก็เคืองทุกที เชอะ ปล. ตอนพิเศษขอติดไว้ก่อนนะคะ พรุ่งนี้ทำงานอีกวัน ไว้วันหยุดจะมาอ่านค่ะ | |
|
| |
tabtim ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
จำนวนข้อความ : 868 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Thu May 28, 2009 10:08 pm | |
| พี่โย่ว..อำมาตย์ไป๋รู้ว่าพี่ลี่หูเป็นพ่อของหลานจากตอนที่ 24 ค่ะ ท่านไป๋ถามกับอี้หลานว่าผู้ชายคนนั้นใช่ลี่หูหรือไม่ เพราะท่านเริ่มฉุกใจคิดได้แล้วว่าลี่หูกับพ่อร่วมมือกัน แล้วอี้หลานก็ขอให้พ่ออย่าดุน้องสาว ท่านไป๋ก็บอกว่าให้อี้หลานพูดมาก่อนว่าใช่หรือไม่ แล้วอี้หลานก็ตอบว่าใช่ค่ะ ตอนนั้นหัวใจของท่านไป๋ก็เจ็บปวดขึ้นมาทันที พอมาถึงตอนที่ 25 ท่านถึงได้ภาวนาว่าคนที่ฆ่าลูกชายไม่ใช่ลี่หู เพราะท่านทำใจไม่ได้ค่ะ
สำหรับเรื่องหลาน ขอบอกว่าให้อ่านตอนพิเศษดีๆนะค่ะ ตอนพิเศษเน้นเอาฮาเข้าว่าไว้ก่อน แต่แอบสปอยตอนจบไว้ด้วยค่ะ
เอาไว้พี่โย่วมาอ่านในวันหยุดได้ตามสบายเลยค่ะ เตรียมทำใจเขินกะฉากก่อไฟเตรียมหุงข้าวของคู่ตายายด้วยนะค่ะ | |
|
| |
Cipher ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 3 กระบี่ไร้เงา
จำนวนข้อความ : 1273 Registration date : 11/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Thu May 28, 2009 10:58 pm | |
| “หลินเอ๋อ ค่อยๆ วิ่งลูก เดี๋ยวหกล้ม” บิดาเงยหน้าขึ้นมาจากแปลงผักวางจอมที่อยู่ในมือเดินเข้ามาหาลูกชายที่ใกล้จะวิ่งมาถึง
จะว่าไปแล้วจอมยุทธ์หนุ่มที่ในมือเคยถือกระบี่ พอต้องมาจับจอมถือเสียม มันก็เป็นงานที่หนักพอดู
“หลินเอ๋อถอนหายใจทำไมลูก” จื่อหลงถามลูกชาย เป็นเด็กตัวเท่านี้ก็มีเรื่องให้คิดจนต้องถอนหายใจเสียแล้ว
พอจื่อหลงเป่าจนจบเพลงหลินเอ๋อหับเหลียนเอ๋อก็ปรบมือชอบใจและรบเร้าให้บิดา เป่าให้ฟังใหม่อีกครั้งและอีกครั้ง จนลืมนึกถึงตั๊กแตนสานของท่านน้าไปชั่วคราว
อี้หลานป้อนข้าวให้ถงเอ๋อแล้วบอกกับทุกๆ คนไปด้วย จะว่าไปแล้ววัดของหมูบ้านที่ลี่หูไปถือศีลกินเจอยู่ที่นั่นก็ไม่ได้ออกไปไกล จากหมู่บ้านนัก ส่วนอี้เซียงก็ไปอยู่ที่โรงทานที่อยู่ใกล้ๆกัน ถ้านางจะไปหาน้องสาวกับน้องเขยก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
“ลืมอะไรเหรอครับ” จื่อหลงที่คีบกับข้าวใส่ถ้วยให้ภรรยาแสร้างทำเป็นถาม “อ๋อ..ข้านึกออกแล้ววันเทศกาลบ๊ะจ่าง” จื่อหลงถามเองตอบเองเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วก็ทำเป็นกินข้าวต่อ หารู้ไม่ว่าทำให้ภรรยารู้สึกงอนขึ้นมานิดๆ ที่เขาลืมอะไรไปแล้วจริงๆ
ส่วนถงเอ๋อยังเล็กอยู่จึงได้แต่นั่งอยู่บนตักของแม่มองดูพวกพี่ๆ เล่นขี้ม้าส่งเมืองกับพ่อ
“ถงเอ๋อ ..พูดใหม่สิลูก” อี้หลานบอกลูกชายคนเล็กและตั้งใจฟังไปด้วย จื่อหลงที่ไม่ได้ฟังในตอนแรกก็เดินเข้ามาหาลูกชายคอยตั้งใจฟังเหมือนกัน
พอท่านไป๋ได้เห็นใบหน้าแขกผู้มาเยือนทั้งของคน ใบหน้าที่เหี่ยวย่นจากที่ผ่านวันเวลาที่ยาวนานมาถึงค่อนชีวิตก็มีรอยยิ้มระบายอยู่บนใบหน้า
“พี่จื่อหลง ไม่ได้เจอกันนาน แต่ยังอยู่สง่างามเหมือนเดิมเลยนะครับ”
“พี่จื่อหลง ไม่ได้เจอกันนาน แต่ยังสง่างามอยู่เหมือนเดิมเลยนะครับ”
“เปล่า เดี๋ยวไปรับเมียก่อน” ลี่หูที่ดูจะอารมณ์ดีอย่างมากหันหลังกลับไปทางประตูรั้วหน้าบ้านเพื่อไปประคองอี้เซียงที่นั่งพักอยู่ให้เดินเข้ามา
ลี่หูที่เปิดห่อบ๊ะจ่างออกช้าๆ ที่ยังอุ่นๆอยู่ ทำให้กลิ่นของพวกเนื้อสัตว์ที่อยู่ข้างในลอยขึ้นมาแตะจมูก
ลี่หูที่เปิดห่อบ๊ะจ่างที่ยังอุ่นๆ อยู่ออกช้าๆ ทำให้กลิ่นของพวกเนื้อสัตว์ที่อยู่ข้างในลอยขึ้นมาแตะจมูก
“ตอนแรกก็แพ้เยอะอยู่ค่ะ แต่เหมือนว่าตอนนี้จะไม่เป็นไรแล้ว” อี้เซียงหันไปมองหน้าลี่หูที่ยังยิ้มแก้มแทบจะปริ ชายหนุ่มเห็นภรรยาเห็นหน้ามามองก็ขยับตัวเข้าไปใกล้ๆเพื่อจะโอบกอดแล้วเตรียมจะหอมแก้ม
เวลาค่ำคืนมาเยือนอีกครั้ง อี้หลานยังคงนั่งยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงหลานที่กำลังจะเกิดมาและนางก็จะถูกเรียกแทนตัวว่าป้า
แก้ไขล่าสุดโดย Cipher เมื่อ Fri May 29, 2009 3:24 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง | |
|
| |
Cipher ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 3 กระบี่ไร้เงา
จำนวนข้อความ : 1273 Registration date : 11/09/2008
| |
| |
ทะเล ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 3 กระบี่ไร้เงา
จำนวนข้อความ : 1285 : 39 Registration date : 13/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Fri May 29, 2009 12:34 am | |
| | |
|
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Fri May 29, 2009 12:11 pm | |
| ตั้งใจว่าจะเก็บตุนไว้อ่านวันหยุด แต่เห็นห่อของขวัญแล้วก็ห้ามใจไม่แกะไม่ไหวค่ะ แกะไปเรียบร้อยแล้วก็อ่านหมดแหล่วววว อยากจะบอกว่าเป็นของขวัญที่ทำให้ผู้อ่านยิ้มแก้มปริ ไม่หุบเลยค่ะ ผกก.ทับทิมกรอบ ช่างเป็นตอนที่หวีดหวานน้ำตาลเรียกทวดอะไรเยี่ยงนี้ ชีวิตความเป็นอยู่หลังออกจากยุทธภพของตาหลงกับยายหลาน ช่างสุขเสียนี่กระไร แต่เห็นอำมาตย์ไป๋ก็มาอยุ่กับลูกหลานด้วย ก็ให้งงนิ๊ดหน่อยว่า ฐานะของอำมาตย์ไป๋ก็ร่ำรวยมากนะนั่น ทำไมชีวิตหลังจากล้างมือจากอ่างทองคำ ถึงให้ลูกสาวกะลูกเขยปลูกพืชผักขายล่ะคร้า แบบว่าความมั่งมีของพ่อตาน่าจะเปิดร้านขายผ้า เฟอร์นิเจอร์ ร้านขายเพชรนิลจินดาอะไรเทือกนี้อ่ะค่ะ ตาหลงยายหลานเป็นเถ้าแก่อะไรเงี้ยค่ะ อิอิ แต่คิดว่าเพราะเจตนารมณ์ของพี่หลงต้องอยากทำอะไรด้วยตัวเอง สร้างเนื้อสร้างตัว สร้างครอบครัวด้วยมือของตัวเองเป็นแน่แท้ เป็นความภูมิใจของลูกผู้ชายเลยค่ะ หลินเอ๋อ เหลียนเอ๋อ และถงเอ๋อน่ารักมากกกกกก โดยเฉพาะหลินเอ๋อมีแก้มบุ๋มเหมือนพ่อ โตขึ้นต้องหล่อแน่เยย ส่วนถงเอ๋อ เหม่ๆ นี่ถ้าไม่เพราะเป็นเด็กตัวกระจิ๊ดริดนะ ถูกผู้อ่านมะเหงกไปแระ ดูจิ๊ๆ มาดับไฟที่กำลังลุกโพรงของพ่อกะแม่ตั้งสองครั้งสองครา ไฟมอดหมดเลย ส่วนพี่ลี่หูกับน้องเซียง ในที่สุดก็มีความสุขในปั้นปลายชีวิตด้วย ทำให้ไม่ต้องเหนื่อยลุ้นในตอนจบของ SOD นะเนี่ย เพราะรู้สปอยหมดแล้ว แสดงว่าเด็กในท้องของน้องเซียงคนแรกก็ไม่รอด น่าสงสารจังค่ะ ยังดีนะที่น้องเซียงมีลูกได้อีก แล้วพี่ลี่หูนี่ ดีใจมากขนาดนี้ จากที่เคยเป็นคนโหดเหี้ยม ใจร้าย กลับเปลี่ยนเป็นอีกคนได้เลย เพราะความรักตัวเดียวเลยค่ะ ยินดีกับน้องเซียงและพี่ลี่หูกับหลานตายายคนแรกด้วยนะคะ ส่วนฟู่เจี้ยนกับพี่หลง สามารถกำจัดความแค้นออกไปได้ นับถือฟู่เจี้ยนจริงๆค่ะ เพราะแค้นพ่อถูกฆ่า ยิ่งใหญ่ดุจขุนเขา แต่ฟู่เจี้ยนกลับอภัยให้พี่หลงได้ แถมยังคบหากันได้สนิทใจอีก หาไม่ได้ง่ายๆเลยค่ะ ขอบคุณ ผกก.ทับทิมสำหรับของขวัญชิ้นนี้ค่ะ สร้างความสุข รอยยิ้มให้ผู้อ่านได้มากมายเลยค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย lingu เมื่อ Fri May 29, 2009 8:39 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง | |
|
| |
Cipher ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 3 กระบี่ไร้เงา
จำนวนข้อความ : 1273 Registration date : 11/09/2008
| |
| |
lingu ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 4 กระบี่ไร้น้ำตา
จำนวนข้อความ : 6491 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Fri May 29, 2009 8:25 pm | |
| ภาพปลากรอบลูกๆของพี่หลงกับน้องหลาน จาก กุสตูดิโอ ค่ะ ลูกแฝดคนโต "หลินเอ๋อ" ค่ะ โตขึ้นต้องหล่อเหมือนพ่อชัวร์ป๊าด ลูกแฝดคนน้อง เหลียนเอ๋อ รอให้โหยวสตูดิโอมาแปะนะคะ เพราะ เหลียนเอ๋อหน้าตาเหมือนแม่มากๆ ลูกคนสุดท้อง "ถงเอ๋อ" ค่ะ | |
|
| |
tabtim ศิษย์พี่ชาเรี่ยน 2 กระบี่มังกรหยก
จำนวนข้อความ : 868 Registration date : 12/09/2008
| เรื่อง: Re: The Swordsman of Devil Fri May 29, 2009 8:36 pm | |
| น้องมล..ขอบคุณสำหรับการช่วยตรวจคำผิดเหมือนเดิม ตอนนี้ผิดเยอะอีกแล้ว รีบก็งี้ล่ะ (แก้ตัวๆ) มลเข้าใจถูกต้องต้องเปลี่ยนชื่อเรียกเป็นหมิงเยี่ยนะค่ะ เพราะถ้าใช้ชื่อมลเยี่ยจะดูเป็นลูกครึ่งไปหน่อย เพราะงั้นต้องเปลี่ยนเป็นหมิงเยี่ยค่ะ ตอนนี้เป็นตอนพิเศษสำหรับอาเส่โดยเฉพาะค่ะ เลยต้องน่ารักเป็นพิเศษ
ทะเล..เรื่องพี่เลี้ยงเด็ก ทะเลเสนอตัวช้าไปหน่อย เพราะหลินเอ๋อ..มลจองไปแล้ว เหลียนเอ๋อก็พี่โย่ว ส่วนถงเอ๋อก็พี่หลิน ถ้ายังไงทะเลรอเลี้ยงซินเอ๋อ ลูกสาวของพี่ลี่หูแล้วกันนะ
พี่หลิน..ตอนพิเศษถือว่าสปอยตอนจบมาครึ่งทางค่ะ ถ้าสมมติเรื่องนี้มี 30 ตอนจบ ตอนพิเศษก็คือตอนที่ 29.5 ค่ะ เพราะทับทิมยังกั๊กไว้ ยังเฉลยไม่หมด เพราะเดี๋ยวคนอ่านจะหมดสนุกเสียก่อน อย่างเช่นพี่ลู่ฟง เจ้หยูเยี่ยน สุดท้ายจะลงเอยยังไงต้องรอลุ้นค่ะ ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมท่านไป๋สมถะถึงขนาดให้ลูกสาวลูกเขยมาปลูกผักขาย มันก็ต้องมีที่มาอยู่แล้ว และยิ่งเรื่องของฟู่เจี้ยนทำไมถึงอภัยให้พี่หลงได้ ทับทิมยังอุบไว้ก่อน เนี่ยก็กลัวว่าปล่อยตอนพิเศษออกมาจะทำให้คนอ่านหมดสนุกกันรึเปล่า แต่มาคิดอีกทีคนอ่านก็รู้กันอยู่แล้วว่าตายายมีลูก 3 คน ก็เลยจัดฉากน่ารักๆออกมาให้เป็นการปลอบใจก่อน เพราะเกรงว่าเดี๋ยวคนอ่านจะน้ำตาไหลจนตาบวมช้ำกว่าจะถึงฉากแฮปปี้เอนจอยของคู่ตายายค่ะ ส่วนคู่พี่หูกะน้องเซียง คู่นี้บอกตรงๆว่าแถมให้ค่ะ เพราะทับทิมเคยบอกว่าอยากเขียนให้พี่ลี่หูแพ้ท้องแทนน้องเซียง พอมีตอนพิเศษเลยจัดไปให้สมใจคนเขียนเท่านั้นเองค่ะ
แต่มีเรื่องจะบอกพี่หลินเรื่องชื่อหลาน เด็กที่มีลักยิ้มคือ "หลินเอ๋อ" นะค่ะ เป็นเด็กผู้ชายก็น่าจะหล่อเหมือนพ่อ แต่ "เหลียนเอ๋อ" เป็นเด็กผู้หญิงค่ะ หล่อเหมือนพ่อไม่ดีน๊า อิอิ แล้วก็คิดไว้ไม่มีผิดมีคนอยากเขลกหัวถงเอ๋อ เอาน่าๆ ก็ทับทิมบอกแล้วว่าแค่ก่อไฟเตรียมหุงข้าวเท่านั้น ก็ต้องเท่านี้ล่ะค่ะ มีถงเอ๋อมาช่วยขัดจังหวะนิดนึง ภาพปลากรอบมาแล้วจาก "กุสตูดิโอ" แจ่มค่ะ | |
|
| |
| The Swordsman of Devil | |
|